บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1166

ข่าวที่สวีอีจะได้เป็นพ่อ แทบอยากที่จะป่าวประกาศไปทั่วโลก เขายังบอกทุกคนในจวนที่มาหาเขาด้วยความยินดีถึงความเก่งกาจของเขา ทั้งๆที่ดื่มยาคุมกำเนิดแล้ว กลับยังตั้งครรภ์ นี่เก่งกว่าองค์ชายรัชทายาทเสียอีกมั้ง?

เดิมอะซี่ยังปล่อยเขาพูดตามใจ ยังไงคนป่วยก็เป็นใหญ่ แต่เห็นเขาปากเสีย เห็นใครก็พูดอย่างเดียวกัน จึงโมโหขึ้นมา ก่นด่าเขาไปหนึ่งยก เขาค่อยหุบปาก

เพราะอะซี่มีภาวะแทงคุกคาม จึงถูกบังคับให้พักอยู่แต่บนเตียง ไปไหนไม่ได้ สวีอีบาดเจ็บภายในยังไม่หายดี ก็เดินไปไหนมาไหนไม่ได้ ทั้งสองสามีภรรยาถูกขังไว้อยู่ในจวน แม่ของอะซี่พาสางใช้มาดูแลด้วยตนเอง สวีอีจึงยิ่งสงบเสงี่ยม ไม่กล้าเอาแต่ใจต่อหน้าแม่ยาย

หลายวันนี้หยู่เหวินเห้ายังงานยุ่งอยู่ ต้องเข้าร่วมการไต่สวนมากมาย คนของหงเล่ถูกจับแล้วไม่น้อย ต้องงัดปากพวกเขาพูดออกมาว่ายังมีสายลับแอบแฝงอยู่ไหม

งานยุ่งอยู่หลายวัน ทุกอย่างก็จัดการเรียบร้อยพอประมาณแล้ว จึงพาอ๋องฉีเข้าวังไปเข้าเฝ้า

หลังจากฮ่องเต้หมิงหยวนหายจากการประชวรแล้ว ก็กลับมาว่าราชการอีกครั้ง ประทานรางวัลตามคุณความดี

ตลอดการว่าราชการเช้า ล้วนประกาศรายชื่อผู้ได้รับเลื่อนตำแหน่งและของประทาน และยังมีพระราชโองการพิเศษฉบับหนึ่ง ที่ชื่นชมองค์ชายรัชทายาทโดยเฉพาะ ทรงตรัสว่าทั้งเฉลียวฉลาด และรู้จักอดทน จนสามารถจัดการหงเล่กับสายลับได้ในคราวเดียวกัน

ในขณะที่มีการประทานรางวัล พระราชบุตรเขยเหลิ่งซี่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเป่ยกั๋วกง ให้ศักดินาที่ดินเป่ยโม่ แต่พระราชบุตรเขยกลับไม่ค่อยวางใจ ศักดินาที่ดินอยู่ไกลขนาดนั้น ดินแดนที่นั่นแห้งแล้ง ตนเองได้ศักดินาที่ดินที่นั่น ไม่ต้องคาดหวังที่จะได้เก็บค่าเช่า หากต้องการปลุกฟื้นเศรษฐกิจ ยังต้องควักเงินตัวเอง ช่างเป็นคนเฮงซวยจริงๆ

สวีอีถูกแต่งตั้งเป็นแม่ทัพแห่งสำนักรัชทายาท ขุนนางระดับสาม

สำนักเหมยแดงของเสี้ยวหงเฉิง จัดตั้งเป็นองครักษ์หญิงตำหนักบูรพาตงกง รับผิดชอบดูแลปกป้องพระชายารัชทายาท กับพระราชนัดดา พระราชนัดดาองค์ใหญ่โดยเฉพาะ รับเบี้ยเลี้ยงจากในพระราชวัง

จอหงวนฝ่ายบู๊ลู่หยวนได้รับแต่งตั้งเป็นแม่ทัพติ้งหย่วน ฮ่องเต้หมิงหยวนมีพระราชโองการให้เขากับเสี้ยวหงเฉิงแต่งงานกันด้วยตนเอง เช่นนี้ พ่อแม่ตระกูลลู่ไม่กล้าคัดค้านอีก

ทังหยางรับผิดชอบสถานอบรมบ่มเพาะรัชทายาทในตำหนักบูรพาตงกง ดำรงตำแหน่งหัวหน้าผู้ปลูกฝัง

กู้ซือเป็นหัวหน้ากองทหารรักษาพระองค์ เลื่อนขึ้นขุนนางระดับสอง กลายเป็นขุนนางขั้นสองของราชสำนัก พอดีกับที่ฮูหยินของกู้ซือคลอดลูก ฮ่องเต้หมิงหยวนสั่งให้เจ้ากรมพิธีการตั้งชื่อให้ลูกชายของเขา

อ๋องฉีกับอ๋องซุนต่างได้รับทองเป็นรางวัล และได้รับหอเกียรติยศ

การศึกในครั้งนี้ได้รับความช่วยเหลือจากหงเย่ค่อนข้างเยอะ บวกกับหงเย่ก็เป็นจวิ้นอ๋องของแคว้นต้าโจว ฮ่องเต้หมิงหยวนก็ให้เขาเป็นจวิ้นอ๋อง ยังประทานจวนให้เขา

นอกจากอ๋องอาน ควรที่จะได้รับรางวัลต่างก็ได้รับรางวัลแล้ว

ถึงตอนเลิกว่าราชการ ฮ่องเต้หมิงหยวนก็ได้พูดถึงอ๋องอาน ตี๋กุ้ยเฟยสั่งคนคอยฟังอยู่ สุดท้ายบอกกับอ๋องอานอย่างผิดหวังว่า ฮ่องเต้ลำเอียง

อ๋องอานกลับค่อยโล่งอก เขาจะกล้าร้องขอรางวัลได้อย่างไร? ไม่เอาผิดลงโทษก็ถือเป็นบุญอย่างใหญ่หลวงแล้ว ถึงแม้สุดท้ายเขาจะร่วมมือกับหยู่เหวินเห้า แต่ก็มีการสมรู้ร่วมคิดกับหงเล่เป่ยโม่ก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่แน่นอน

เขาให้ท่านแม่ไปทูลขอพระราชโองการ รอหลังจากหายดีแล้วก็จะกลับจวนเจียงเป่ย ถึงแม้ตี๋กุ้ยเฟยไม่ยินยอม แต่เมื่อฟังลูกชายอธิบายถึงส่วนได้ส่วนเสีย สุดท้ายก็คิดว่ารักษาชีวิตไว้สำคัญกว่า เขาอยู่ในเมืองหลวง ยังไม่รู้ว่าจะมีเกี่ยวข้องกับคนอะไร ต่อไปกระทำอะไรผิดขึ้นมาอีก

มองดูลูกชายที่ขาดหูไปหนึ่งข้าง ยังเกือบที่จะถูกตัดแขนไปหนึ่งข้าง นางรู้สึกว่าลูกชายก็มีความสามารถเพียงแค่นั้น ใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบสุขดีกว่า

หลังจากจวนอ๋องฉู่ที่สงบลง ก็กลับมาครึกครื้น เพราะเจ้าห้าจะจัดงานเลี้ยงในจวนอ๋อง เชิญเพื่อนๆพี่ๆน้องๆมาฉลองด้วยกันสักมื้อ

หยวนชิงหลิงดีใจอย่างแน่นอน จัดงานเลี้ยงในครั้งนี้ พวกเขาไม่มีเรื่องทุกข์ใจแล้ว สามารถที่จะนั่งลงพูดคุยกับทุกคนได้อย่างสบายใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน