บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1170

วันนี้ อยู่ที่ทะเลสาบจิ้งกันจนค่ำค่อยกลับไป แม้แต่เวลากินข้าวยังให้คนนำลงไปให้ เป้าหมายก็คือให้พวกเขาดูภาพสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงในน้ำบนให้ชัดเจน

หยวนชิงหลิงพอจะเข้าใจแล้วว่าเป็นอย่างไร น้ำวนพวกนี้ก็คืออุโมงค์เวลา แต่จะเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ตรงกับโลกที่นางอยู่ ต้องคิดกฎการเปลี่ยนแปลงให้ชัดเจน

ดังนั้น พวกเด็กๆดูไปด้วยพูดไปด้วย นางล้วนบันทึกไว้ เพื่อหากฎธรรมชาติที่เป็นอยู่ออกมา จากข้อมูลที่ยุ่งเหยิงพวกนี้

มองดูท่าทีที่จริงใจอย่างชำนาญของนาง หยู่เหวินเห้าไม่กล้าไปรบกวนนาง ในใจหงเย่คิดถึงโลกใบอื่นในนี้ และหวังว่านางจะสามารถค้นพบกฎการเปลี่ยนแปลง โชคไม่ดีทั้งๆที่เขามีพรสวรรค์ที่น่าทึ่ง กลับไม่รู้เรื่องพวกนี้ ทำได้แค่ยืนดูเฉยๆช่วยอะไรไม่ได้

เริ่มแรกพวกเด็กๆรู้สึกเบื่อ ดูไม่กี่อันก็ไม่อยากดูแล้ว แต่เมื่อดูอย่างเยอะ การเปลี่ยนแปลงไว พวกเขาก็มีความตั้งใจขึ้นมา เพราะสิ่งที่สามารถมองเห็นทั้งหมดในน้ำวนนี้ เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถมองเห็นมาตลอด และก็ไม่มีโอกาสได้สัมผัส โดยเฉพาะข้าวเหนียวน้อย ความตั้งใจและความสนใจที่ไม่เคยมีมาก่อน จ้องมองไปที่น้ำวนอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

ต้องการที่จะหากฎเกณฑ์ออกมา ดูเพียงอย่างเดียวหนึ่งวันไม่เพียงพอ ดังนั้นพวกเขาจึงพักอยู่ที่ทะเลสาบจิ้งสิบกว่าวัน หรือนานยิ่งกว่า

หยู่เหวินเห้าแลดูค่อนข้างเบื่อหน่าย เข้ามาเพื่อที่จะได้ท่องเที่ยวลำธารภูเขา สุดท้ายสี่คนแม่ลูกนี้ หมอบอยู่ข้างริมฝั่งจ้องมองน้ำวนทุกวัน จ้องมองอยู่หนึ่งวันยังดี ติดต่อกันสองสามวัน มองจนสายตามองเห็นเป็นดอกไม้แล้ว

เขาพูดกับหยวนชิงหลิงที่นั่งสมาธิอยู่ด้านข้างว่า “ข้าพาเจ้าแฝดไปเที่ยวเล่นด้านหลังเขาดีไหม?”

“ไปเถอะ ไปเถอะ” หยวนชิงหลิงถือสมุดไว้ พูดอย่างไม่เงยหัวขึ้นมา

หยู่เหวินเห้าถูกเมินเฉย จึงลูบจมูกพร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าอย่าเหนื่อยจนเกินไป ระวังเจ็บตา พวกเจ้าจ้องมองอยู่เช่นนี้ มองไม่เห็นยามชวด ยามฉลู ยามขาล ยามเถาะอะไรขึ้นมาได้ในทันที พักผ่อนก่อน.....”

หยวนชิงหลิงได้ยินเช่นนี้ จึงเงยหัวขึ้นมามองดูเขา ดวงตาแดง แฝงไปด้วยท่าทีหมกมุ่นคลั่งไคล้แบบหนึ่ง

หยู่เหวินเห้าตกใจ นึกว่านางโกรธ ถอยหลังไปสองก้าวอย่างไม่รู้ตัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าไม่รบกวนเจ้าแล้ว เจ้าดูต่อไป ต่อไป”

หยวนชิงหลิงกลับจ้องมองดูเขา สายตาฉายแววแห่งความตื่นเต้น พร้อมพูดขึ้นว่า “ยามชวด ยามฉลู ยามขาล ยามเถาะ 12 ชั่วยาม แทนชื่อสิบสองส่วน ณ ที่ตั้งของแผ่นดิน ชวด ฉลู ขาล เถาะ มะโรง มะเส็ง มะเมีย มะแม วอก ระกา กุน เมื่อดวงดาวอยู่กลางฟ้า สิบสองชั่วยามกับสิบสองส่วนของแผ่นดินนั้นสอดคล้องกัน ทิศตะวันออกคือยามเถาะ ทิศใต้คือยามมะเมีย ทิศตะวันตกคือยามวอก ทิศเหนือคือยามชวด....”

นางรวบเก็บสมุดแล้วก็วิ่งไปตามทางเดินหินเล็กๆ ปากก็พูดว่า “นักพรต นักพรต มีเรื่องขอคำแนะนำ”

หยู่เหวินเห้านิ่งอึ้งมองดูภรรยาที่ค่อนข้างบ้าคลั่ง ไม่รู้ว่านางกำลังพูดอะไร ลูบจมูกมองดูหงเย่ พร้อมพูดขึ้นว่า “หมายความว่าอย่างไร?”

หงเย่ก็ค่อนข้างมึนงง แต่เพื่อแสดงว่าตนมีความรู้พอสมควร ดังนั้นจึงพูดขึ้นอย่างมั่นใจว่า “ชั่วยามไง สิบสองชั่วยาม”

“ข้ารู้อยู่แล้วว่าเป็นชั่วยาม แต่ชั่วยามกับน้ำวนนี้เกี่ยวข้องอะไรกัน?”

“เกี่ยวข้อง ยังไงก็เกี่ยวข้อง ข้าไปให้คำชี้แนะหน่อย” หงเย่วิ่งไป

นักพรตกับหยวนชิงหลิง คุยกันอยู่ภายในห้องหลายชั่วโมงเต็มๆ รอเมื่อหยวนชิงหลิงออกมาจากห้อง แทบจะยืดเอวไม่ตรง แต่คนทั้งคนอยู่ในอาการดีใจอย่างบ้าคลั่ง เห็นหยู่เหวินเห้าอยู่ด้านนอก นางโผเข้าไปกอดหยู่เหวินเห้าไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “มีหนทางแล้ว ข้ามีหนทางกลับบ้านแล้ว ข้ารู้ว่าจะต้องคำนวณยังไงแล้ว”

“คำนวณยังไง?” หยู่เหวินเห้าถามขึ้นอย่างมึนงง

หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจว่า “ทิศทางกับชั่วยามประสานกัน แล้วคำนวณในทิศทางตรงกันข้ามสิบสองครั้ง สิบสองครั้งคือราศีมังกร ราศีกุมภ์ ราศีมีน ราศีเมษ ราศีพฤกษก ราศีมิถุน ราศีกรกฎ ราศีสิงห์ ราศีกันย์ ราศีตุล ราศีพิจิก ราศีธนู สิบสองครั้งกับสิบสองชั่วยามตรงข้ามกันพอดี แต่ก็จะมีจุดบรรจบกันเสมอ หลังจากตั้งพิกัดแล้ว ก็สามารถคำนวณจุดบรรจบ หลังจากคำนวณจุดบรรจบนี้แล้ว ก็จะรู้ทางกลับบ้านแล้ว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน