ไม้เถี่ยฮั่วหรือเบิร์ชเหล็ก น่าจะเป็นไม้ที่นับว่าแข็งที่สุดในโลกแล้วใช่ไหมนะ เรียกว่ามีความแข็งเป็นสองเท่าของเหล็กทั่วไปเลยก็ว่าได้
ในยุคปัจจุบัน เบิร์ชเหล็กถือเป็นพันธุ์ไม้ที่ใกล้สูญพันธุ์ ผู้คนเคยใช้เบิร์ชเหล็กแทนโลหะกันอย่างแพร่หลาย มีการใช้เป็นส่วนประกอบแทนโลหะ เพื่อทำเป็นเครื่องประดับ รวมไปถึงผลิตเป็นของเล่นอีกด้วย เพียงแต่ราคาก็จะค่อนข้างแพงไปตามคุณภาพ
แต่อย่างไรก็ตาม วันนี้นางได้เห็นชัดๆ กับตาว่า ไท่ซ่างหวงใช้เลื่อยตัดไม้นี้ให้สั้น อีกทั้งการแกะสลักไม้เนื้อแข็งขนาดนี้ น่าจะเป็นเรื่องยากมากๆ เลยไม่ใช่หรือ พระองค์คงไม่ได้ใช้มีดที่ทำจากเพชรแกะสลักหรอกนะ
"ไท่ซ่างหวงเป็นผู้แกะสลักด้วยองค์เองเลยนะ นี่ไม่น่าจะใช่ไม้เถี่ยฮั่วหรอก" หยวนชิงหลิงไม่เชื่อ
แม่นมสี่ยกยิ้มพลางพูดว่า "นี่ถึงเป็นไม้ที่มีเพียงไท่ซ่างหวงเท่านั้น ที่สามารถแกะสลักได้จริงๆ เพคะ หากเป็นทหารองครักษ์ธรรมดา ล้วนไม่สามารถทำได้"
"ไท่ซ่างหวงทรงประชวรอยู่ แค่แรงจะเดินยังแทบไม่มี พระองค์จะทรงแกะสลักไม้เนื้อแข็งขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?" หยวนชิงหลิงถามอย่างสงสัย ฟังๆ แล้ว ดูเหมือนว่าไท่ซ่างหวงจะเป็นราชนิกุลที่ทรงพลังมากจริงๆ
"ที่ไร้แรงจะเดินนั่นเพราะพระองค์ประชวรเพคะ เมื่อครั้งที่ไท่ซ่างหวงยังหนุ่ม ท่านเป็นนักสู้ที่ถนัดในศาสตร์การต่อสู้ ซึ่งเรียกว่าเป็นระดับสูงสุดของประเทศเป่ยถังเรา พระองค์ทรงฝึกฝนทั้งร่างกายและจิตใจ มายามนี้พระองค์มีชันษาที่มากขึ้นบวกกับประชวร แต่ยังคงมีกำลังภายในเหลืออยู่ มากพอที่จะทำการแกะสลักไม้ชนิดนี้ได้เพคะ"
"มันมีสิ่งที่เรียกว่ากำลังภายในอยู่จริงๆ หรือนี่" หยวนชิงหลิงยิ่งอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ในนิยายประเภทศิลปะป้องกันตัว ก็มีเขียนไว้ว่าเมื่อพลังภายในสูงถึงระดับหนึ่ง จะสามารถเด็ดใบไม้หรือกระทั่งกลีบดอกไม้ธรรมดาๆ ออกมา แล้วซัดออกไปโจมตีคนได้เลยทีเดียว
แม่นมสี่กำลังจะอธิบายเพิ่ม ก็พลันเห็นเงาร่างหนึ่งวูบไหวอยู่ที่ประตู นางเพ่งมองเขม็งแล้วพูดขึ้นว่า "โอ๊ย ท่านอ๋อง วันนี้มาเสียค่ำเชียวเพคะ"
หยู่เหวินเห้าได้ยินว่าของรางวัลจากในวังส่งมาถึงแล้ว เดิมทีก็คิดว่าจะมาแอบดูที่หน้าประตูเสียหน่อย แต่ในเมื่อถูกแม่นมสี่พบเข้าแล้ว จึงเดินเข้ามาอย่างผ่าเผย เหลือบสายตาไปมองดูเจ้าคทาในมือของหยวนชิงหลิงแวบหนึ่ง "นี่น่ะรึ ของรางวัลที่เสด็จปู่มอบให้เจ้าหรือ"
"ใช่แล้ว ช่างแกะสลักได้อย่างวิจิตรงดงามมาก ท่านอ๋องดูสิ" หยวนชิงหลิงยื่นไม้ออกไป
หยู่เหวินเห้าคิดไม่ถึงว่านางจะใจกว้างขนาดนี้ จึงแอบประหลาดใจเล็กน้อย เขารับมันขึ้นมา แล้วลองลูบคลำอย่างระมัดระวัง ไล่สัมผัสลายมังกรด้วยปลายนิ้ว ไม้ให้สัมผัสที่ทั้งเย็นเยียบและขรุขระในที "การแกะสลักนั้นวิจิตรงดงามมากจริงๆ เป็นของที่ดีมาก นับว่าเป็นสมบัติล้ำค่าโดยแท้ เจ้าควรต้องหาที่เก็บซ่อนไว้ให้ดี อย่าเอามันออกมาใช้โดยพร่ำเพรื่อ อย่างน้อย เจ้าก็ไม่ควรนำมาใช้ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่เกิดวิกฤติ หากว่ามันหายไป จะถือได้ว่าเป็นความผิดร้ายแรง ดังนั้นแล้ว ข้าจะช่วยเก็บมันไว้ให้เจ้าเอง "
"ไม่ต้อง ข้าเก็บเอง ข้าจะพกติดตัวไปด้วย" หยวนชิงหลิงดึงกลับมาด้วยมือข้างหนึ่ง เขาจะเก็บให้หรือ นั่นไม่เท่ากับสูญเสียความหมายของ "คทา" คำนี้ไปหรอกหรือ
"จะพกติดตัวไปด้วยได้อย่างไรเล่า ถ้าเกิดทำหายขึ้นมาล่ะ" หยู่เหวินเห้าพูดอย่างจริงจัง
หยวนชิงหลิงพูดว่า "ข้าจะระวังให้มาก"
แต่ถึงแม้ว่า เจ้าสิ่งนี้จะมีความหนาเพียงประมาณนิ้วโป้ง แต่มันก็ยาวเป็นเมตรเลยทีเดียว จึงเป็นการยากที่จะพกติดมันออกไปข้างนอกด้วย
จะแบกไว้ข้างหลังก็ไม่น่าได้ มันดูเหมือนว่าจะออกไปหาเรื่องท้าตีท้าต่อยกับใครชอบกล
นางลองคิดการณ์อยู่ครู่หนึ่ง ช่างเป็นอะไรที่ดูแล้วยุ่งยากไม่น้อย
แม่นมสี่ยิ้มพลางพูดว่า " พระชายา ดูที่ตรงลวดลายไฟให้ละเอียดสิเพคะ"
หยวนชิงหลิงรีบก้มหน้าลงไปดูอย่างละเอียด ลวดลายไฟรอบๆ ลายสลักตัวมังกรเป็นรูปแบบการแกะสลักไฟตามมาตรฐาน เป็นลายเพลิงที่มีความยาวประมาณสิบเซนติเมตร
ลายเพลิงที่แกะสลักนั้น ลึกกว่าส่วนของลายมังกรเพลิง ซึ่งดูแล้วไม่เหมือนว่าจะถูกนำมาใช้เป็นฐานร่างเพื่อการแรเงาจริงๆ ซะด้วย
หยวนชิงหลิงลองกดลงไปบนลายเพลิง ได้ยินเสียงดัง "คลิ๊ก" ขึ้นมาเสียงหนึ่ง คทาก็หดตัวย่อขนาดตัวเองลงไปส่วนหนึ่ง
นางตกใจมาก ลองกดไปบนลายเพลิงแบบที่สอง ไม้ก็หดตัวเข้าไปอีกส่วน นางเงยหน้าขึ้นด้วยความมหัศจรรย์ใจสุดขีด "มันทั้งยืดทั้งหดตัวได้ด้วย มีกลไกซ่อนอยู่นี่เอง"
นางไล่กดไปตามรูปแบบไฟหลากหลายแบบต่อเนื่องกัน และในที่สุด คทาก็หดขนาดลงเหลือเพียงราวๆ สิบเซนติเมตรเท่านั้น ซึ่งสามารถใส่ไว้ในแขนเสื้อ หรือจะติดเอาไว้ที่เอวของนางก็ย่อมได้
"สิ่งนี้มันทำได้อย่างไรกันนะ ไท่ซ่างหวงช่างเป็นผู้ที่น่าทึ่งมากเหลือเกิน" หยวนชิงหลิงดีใจแทบบ้า นางเป็นนักการวิจัยและพัฒนา แน่นอนว่านางย่อมสนใจกลไกอันแสนวิจิตรพิสดารทั้งหลายในโลกยุคนี้อย่างมาก
แม่นมสี่ยิ้มแล้วพูดว่า "ตอนที่ไท่ซ่างหวงยังหนุ่ม พระองค์ยังเป็นช่างไม้ที่ยอดเยี่ยมอีกด้วยเพคะ"
"ยอดเยี่ยมมาก" หยวนชิงหลิงมีความสุขแบบล้นปรี่ หันไปพูดกับหยู่เหวินเห้าว่า "ดูสิ ข้าสามารถซ่อนมันเองได้แล้ว" พูดจบ นางก็ยัดมันเข้าไปในแขนเสื้อ ทันทีที่ไม้เข้าไปในแขนเสื้อแล้ว มันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
หยู่เหวินเห้าแอบมองแม่นมสี่อย่างหงุดหงิด จะบอกนางทำไมกันล่ะ ถ้าเจ้าไม่พูด ผู้หญิงที่โง่เหมือนหมูเช่นนี้ ย่อมไม่มีวันรู้ได้ไปได้ตลอดชีวิตของนางนั่นล่ะ
แต่เมื่อได้เห็นใบหน้าอันร่าเริง ดูงดงามมีเสน่ห์ดุจดังดอกไม้ผลิบานนี้แล้ว ก็นับว่าหาได้ยากนัก ที่นางจะมีความสุขมากมายขนาดนี้ ช่างเถอะ ถึงอย่างไรนางก็ไม่กล้าตีเขาจริงๆ หรอก พวกเขาคุยกันเรียบร้อยแล้ว ว่าห้ามใช้ความรุนแรงภายในครอบครัว
"ดีใจจัง แม่นมสี่ ไปทำอะไรมาสักสองสามอย่างเถอะ ข้าจะดื่มกับท่านอ๋องเสียหน่อย"
"เรื่องดื่มเหล้าน่ะช่างเถอะ คืนนี้ข้ายังไม่ค่อยได้กินอะไรมาเท่าไร จะกินข้าวกับเจ้าสักหน่อยแล้วกัน"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...