พอเด็กๆ กลับถึงจวนก็เรียกได้ว่าหกคะเมนตีลังกา พาหมาป่าหิมะออกมาวิ่งทั่วจวน วิ่งพล่านไปทั่ว เล่นจนสนุกสนานเหลือประมาณ
หยวนชิงหลิงมองพวกเขาเล่นกันอยู่ในลานบ้าน พอพูดคุยกับหยู่เหวินเห้า นางก็เป็นห่วงความรู้สึกของไท่ซ่างหวงขึ้นมา
หยู่เหวินเห้าเอ่ย “ก็ต้องไม่สบายพระทัยอยู่แล้ว แต่พระองค์ก็ไม่ได้โทษเจ้า เจ้าสบายใจเถอะ”
“อือ ข้าไม่กลัวว่าจะทรงโทษข้า ข้าแค่สงสารพระองค์เท่านั้น” หยวนชิงหลิงพูดเสียงเบา
หยู่เหวินเห้าชะงัก หันหน้าไปมองหน้าสวยของนาง เขาที่เป็นหลานยังไม่คิดถึงจุดนี้ แค่คิดว่าไม่ทรงโทษทัณฑ์มาก็พอแล้ว
ไหนเลยจะสงสารพระองค์?
เขากุมมือหยวนชิงหลิง พูดอย่างอ่อนโยน “มิน่าล่ะเสด็จปู่ถึงเอ็นดูเจ้าขนาดนี้ ที่แท้ก็มีเหตุผล”
หยวนชิงหลิงหนุนศีรษะกับบ่าของเขา พูดเอื่อย “หลายปีมานี้ ถ้าไม่ใช่เพราะไท่ซ่างหวงทรงเอ็นดูปกป้องข้า ข้าคงไม่ได้ใช้ชีวิตผาสุกขนาดนั้น”
ก่อนหน้านี้พอได้ยินเจ้าห้าบอกว่าฮุ่ยผิงถูกไฟคลอกจนเจียนตาย นางรู้สึกสะใจนัก แต่ตอนนี้พอนึกถึงสภาพที่ไท่ซ่างหวงต้องเผชิญแล้ว นางก็นึกเสียใจเล็กน้อย
ไท่ซ่างหวงห่วงใยแผ่นดิน ทุกคนต่างคิดว่าไท่ซ่างหวงต้องทำอย่างนั้น แต่หากไม่พูดถึงฐานะ ก็ทรงเป็นแค่ชายชราคนหนึ่ง
เผชิญหน้ากับลูกชายลูกสาวที่ไม่เอาไหน เขาย่อมปวดใจ หัวหงอกส่งหัวดำ เขาก็ต้องเจ็บปวดเหมือนกัน
เด็กๆ เล่นกันจนเหงื่อไหลไคลย้อยวิ่งเข้ามาหา “ท่านแม่ หิวแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
“ไม่ใช่ว่ากินจากในวังมาแล้วหรือ? ยังหิวอีก?” หยู่เหวินเห้าเอ่ย
หยวนชิงหลิงเก็บอารมณ์ พูดอย่างอ่อนโยน “เล่นสนุกกันขนาดนี้ก็ต้องหิวอยู่แล้ว ไป ให้คนเตรียมของกินให้พวกเจ้า น้องก็นอนกลางวันตื่นแล้ว กินพร้อมกับน้องเลย”
เจ้าแฝดยังชอบนอนกลางวัน ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน พวกเขาก็นอนตั้งแต่กลางวันยันกลางคืนได้ แต่กลางคืนพอตื่นมากินข้าวแล้ว ก็ยังนอนได้อีก
“พ่ะย่ะค่ะ!” ทั้งสามเข้าไปอย่างดีอกดีใจ
เจ้าแฝดตื่นมา ขยี้ตางัวเงียออกมา เมื่อเห็นพี่ชายที่นานทีจะได้กลับมาสักครั้งแล้วกลับนิ่งมาก เป็นข้าวเหนียวเสียอีกที่ดึงพวกเขาเข้าไป อุ้มพวกเขาแล้วบอกว่าคิดถึง พวกเขาตบหลังพี่ข้าวเหนียวเป็นการปลอบ ทำจนข้าวเหนียวเหมือนเป็นลูกคนเล็กเสียอย่างนั้น
แม่นมฉีให้พ่อครัวทำอาหารมื้อดึก ทำกับข้าวกับของว่างอร่อยสองสามอย่าง แล้วส่งไปที่ตำหนักเซียวเยว่พร้อมกัน เด็กห้าคนกินอาหารกล้วมๆ ตะกละตะกลาม
หยู่เหวินเห้าขมวดคิ้ว “เข้าวังนานขนาดนี้แล้ว ทำไมยังไม่มีระเบียบอีก? กินข้าวยังกินเสียมูมมามขนาดนี้”
เด็กๆ เงยหน้าขึ้นมา “ท่านพ่อ อยู่ในวังต้องระวัง กลับบ้านยังต้องระวังอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ? เหนื่อยจะแย่ ถึงยังไงเวลาที่ต้องระวังพวกหม่อมฉันก็ระวังเองนั่นแหละพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้อย่าบ่นให้มากเลย จู้จี้จริงๆ”
ข้าวเหนียวยื่นตะเกียบเข้าไปที่ชามหมูสามชั้นน้ำแดง “ได้ยินว่าคนแก่จะจู้จี้ บางทีท่านพ่ออาจแก่แล้ว”
ทังหยวนกล่าว “ไม่ใช่สักหน่อย หนวดเคราขาวแล้วถึงจะแก่ ท่านพ่อขนาดหนวดยังไม่มีเลย จะแก่ได้ยังไง?”
ซาลาเปาตบศีรษะทังหยวนอย่างอารมณ์เสีย “ไม่มีหนวดก็คือขันที เจ้าดูฉางกงกงกับมู่หรงกงกงสิไม่มีหนวดสักหน่อย เพราะพวกเขาไม่มีช้างน้อยแล้ว”
โค้กตะลึง ภายในดวงตาโตนั้นเต็มไปด้วยความสงสัย “ไม่มีช้างน้อยแล้วจะฉี่ยังไง?”
ซาลาเปาคิด “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ไว้กลับไปแอบดูแล้วจะกลับมาบอกเจ้า”
หยู่เหวินเห้าฟังจนหน้าขมึงตึง “กินข้าวๆ ห้ามพูดอีก!”
เด็กทั้งห้าก้มหน้าก้มตากินกันใหญ่
พอกินข้าวเสร็จ เจ้าแฝดถึงสดชื่นขึ้นมาหน่อย บอกเล่าเรื่องที่แม่เจอกับอันตรายให้พี่ๆ ฟัง
ซาลาเปาใช้ฐานะพี่ใหญ่ตำหนิทั้งสองทันที บอกว่าพวกเขาไม่ได้คุ้มครองท่านแม่ดีๆ ทำให้ท่านแม่เกือบถูกคนชั่วทำร้าย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...