หลังจากหยวนชิงหลิงได้ฟังคำพูดเหล่านี้แล้วก็แทบสะดุ้งโหยง “พวกท่านจะออกรบ?”
ไท่ซ่างหวงไม่พอใจปฏิกิริยาของนาง เฮอะทีหนึ่ง “ดูถูกพวกเราหรือ? ตอนที่พวกเราทำสงคราม เจ้าอยู่ไหนก็ไม่รู้?”
“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ สมัยก่อนอยู่ในพระที่นั่ง พวกเรามิใช่สวมชุดเกราะสงครามหรือ?”เซียวเหยากงเอ่ย
หยวนชิงหลิงรีบเอ่ย “จะเหมือนกันได้อย่างไรเพคะ? ตอนนั้นสองสามีภรรยาอ๋องชินเฟิงอันยังอยู่”
“ถึงพวกเขาจะไม่อยู่ ก็ไม่ต่างกันเท่าไร อีกอย่าง ศึกครั้งนี้สำคัญยิ่งนัก บางทีพวกเขาอาจมาด้วย” ไท่ซ่างหวงเอ่ย
“แต่ราชสำนักก็ยังมีแม่ทัพอยู่ เหตุใดต้องให้พวกท่านนำทัพด้วย? ไม่ได้เด็ดขาด สมรภูมิอันตรายเพียงใด ไท่ซางหวงเสด็จสองสามก้าวก็หอบแล้ว พระหทัยก็ไม่ดี ไปไม่ได้เพคะ”
หยวนชิงหลิงแทบรู้สึกเป็นเรื่องน่าขัน ไท่ซ่างหวงสุขภาพไม่ดี หลายปียังเกือบแย่แล้ว แม้ช่วยกลับมาได้ แต่หลายปีนี้ก็ไม่เห็นว่าจะแข็งแรงถึงไหน เจ็บป่วยเป็นประจำ โรคหัวใจ หอบ ล้วนไม่ใช่โรคเล็กๆ ออกสนามรบหากกำเริบขึ้นมาแล้วผู้ใดจะช่วยพระองค์?
หยวนชิงหลิงไม่เห็นด้วยเด็ดขาด
ทว่าพวกเขาก็ไม่คิดขอความเห็นจากนาง เอ่ยอย่างหยาบๆ ง่ายๆ ว่า “พวกข้าตัดสินใจแล้ว!”
หยวนชิงหลิงไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี การทำศึกครั้งนั้นที่พระที่นั่ง ต่อสู้จนติดใจแล้วหรือไร? การทำสงครามติดใจได้หรือ?
“พระชายารัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ” เซียวเหยากงย้ายตำแหน่ง นั่งอยู่ที่เก้าอี้ปรมาจารย์ ทำท่าเคร่งขรึมเยี่ยงขุนพล “กระหม่อมใคร่ถาม หากสองกองทัพเผชิญหน้า ความสามารถห่างชั้น จะเป็นผู้แข็งแกร่งชนะหรือ ผู้อ่อนด้อยชนะพ่ะย่ะค่ะ?”
หยวนชิงหลิงมองนัยน์ตาปราดเปรื่องของเขา “เรื่องนี้ หากกำลังพลห่างชั้นมาก ย่อมต้องเป็นผู้แข็งแกร่งมีโอกาสชนะมากกว่าอยู่แล้ว”
“ดีมากพ่ะย่ะค่ะ ทรงมิได้ตรัสว่าผู้แข็งแกร่งชนะ แต่ทรงตรัสว่าโอกาสชนะมีสูง เช่นนั้นภายใต้ความต่าง หากต้องการเพิ่มโอกาสชนะของผู้ด้อย ควรทำเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ?”
“เออ...อาวุธ?”
“เวลานี้อาวุธจะศึกษาผลิตได้สำเร็จหรือไม่ยังหาทราบไม่ ดูตามเงื่อนไขที่ตอนนี้มีอยู่ก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
หยวนชิงหลิงส่ายหน้า “ข้าไม่รู้เรื่องทำศึกสงคราม”
เซียวเหยากงหัวเราะพลางเอ่ย “กล้า ผู้กล้าจะชนะ พวกกระหม่อมเคยทำศึกที่กำลังต่างชั้นมาหลายครั้ง อีกทั้งส่วนมากยังสู้กับคนเป่ยโม่ คนเป่ยโม่เคยเพลี่ยงพล้ำให้พวกกระหม่อม ดังนั้นคนเป่ยโม่จึงหวั่นเกรงพวกกระหม่อมมาก แน่นอน โดยหลักแล้วพวกเขาหวาดกลัวพี่เหว่ยอ๋องชินอังเฟิง แต่ถ้าพวกกระหม่อมนำทัพเอง ก็ข่มขวัญคนเป่ยโม่ได้ อีกอย่างหากพวกกระหม่อมออกศึกกับองค์ไท่ซ่างหวง ขุนศึกฮึกเหิม เช่นนี้เป็นการเพิ่มโอกาสชนะได้มากใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
โสวฝู่ฉู่สมทบ “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ พระชายารัชทายาท ทรงคิดว่าถึงสมรภูมิรบจริงๆ แล้ว พวกกระหม่อมต้องสวมชุดเกราะหรือพ่ะย่ะค่ะ? ไม่ โดยมากแล้วเพียงสั่งการในค่ายเท่านั้น จัดการกำลังทหารวางกลยุทธ์ พวกกระหม่อมคุ้นกับคนเป่ยโม่นัก พวกเขาถนัดอะไร ไม่ถนัดอะไร พวกกระหม่อมก็รู้ทั้งหมดพ่ะย่ะค่ะ”
ไท่ซ่างหวงเอ่ย “แล้วพวกเรานำทัพ หรือว่าไม่ต้องพาแม่ทัพคนอื่นไปแล้วหรือ? พวกเขารับผิดชอบทะลายด่านหน้า พวกเราคิดแผนการอยู่ในกระโจม ร่วมมือกันถึงเพิ่มโอกาสชนะในศึกนี้ได้ ถึงตอนนั้นหากศึกษาผลิตอาวุธได้สำเร็จ ส่งถึงชายแดนได้รวดเร็ว เช่นนั้นพวกเราก็กำชัย ขับไล่ไอ้ฉินพวกนั้นกลับบ้านเกิดไปซะ!”
เมื่อทั้งสามกล่าวมาจิตใจก็ฮึกเหิม ราวกับจะไปทำศึกประเดี๋ยวนี้แล้ว
แม้สุยชิงหลิงจะนับถือมาก แต่ก็ยังไม่สนับสนุน หลักๆ เป็นเพราะสุขภาพของไท่ซ่างหวงแย่เกินไปนั่นเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...