ทันทีที่หยู่เหวินเห้ากับท่านชายสี่ได้ยินข่าว ก็รีบรวบรวมกองกำลังแล้วเร่งกลับมาทันที บรรดายอดฝีมือของสำนักเหลิ่งหลัง กับหน่วยองครักษ์ลับผีก็มาถึงอย่างรวดเร็วเช่นกัน กระจายกำลังซุ่มดูอยู่รอบ ๆ จวนอ๋องฉู่ กระทั่งนักแม่นธนูก็เตรียมพร้อมประจำที่แล้ว!
วิชาตัวเบาของสำนักเหลิ่งหลัง กับหน่วยองครักษ์ลับผีต่างก็ดีมาก ขณะที่ทิ้งตัวลงพื้นเรียกได้ว่าเงียบมากจนแทบจะไม่มีเสียงให้ได้ยิน แต่หนานเปียนเค่อกลับยิ้มแล้วพูดว่า "โอ้! รัชทายาทกลับมาแล้ว"
ทันทีที่ทังหยางเงยหน้าขึ้น ก็เห็นสวีอีกำลังเดินอยู่ข้างหน้า ที่ด้านหลังมีท่านชายสี่กับหยู่เหวินเห้าเดินตามเข้ามาพร้อมกระบี่ในมือ แต่งกายด้วยชุดสีดำที่ดูปราดเปรียว สีหน้าสงบนิ่งเคร่งขรึม กระบี่ในมือยังทันเงื้อขึ้นมาก็สั่นระรัวจากพลังปราณที่ปล่อยเข้าไปพร้อมที่จะสู้รบแล้ว
หนานเปียนเค่อยืนขึ้น ประสานมือโค้งคำนับให้หยู่เหวินเห้า "ข้าน้อยคารวะองค์ชายรัชทายาท!"
หยู่เหวินเห้าเหลือบตามองทังหยางแวบหนึ่ง ในดวงตาฉายแววสงสัย คนผู้นี้ก็คือจอมมารกระบี่หนานเปียนเค่ออย่างนั้นรึ?
ทังหยางพยักหน้าด้วยความมั่นใจ แต่แทบจะในเวลาเดียวกัน ก็กลับมีความรู้สึกสงสัยด้วยเล็กน้อย เพราะชายชราที่มีชื่อว่าหนานเปียนเค่อผู้นี้ นับตั้งแต่เข้าประตูมา ก็มีความอ่อนน้อมถ่อมตนและสุภาพอย่างมาก ทั้งยังไม่มีความเยือกเย็น หรือความเย่อหยิ่งตามแบบฉบับของนักฆ่า รอบตัวเขายิ่งไม่มีกลิ่นไอความกระหายเลือดเลยแม้แต่น้อย
“ท่านคือ?” หยู่เหวินเห้ารับการคารวะ แล้วถามกลับไป ดึงพลังปราณกระบี่กลับ
หนานเปียนเค่อก้าวไปข้างหน้าแล้วโค้งคำนับอีกครั้ง " ข้าน้อยหนานเปียนเค่อ มาเพื่อรับเงินหนึ่งล้านตำลึงทอง"
ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา ก็เท่ากับได้รับการยืนยันตัวตนแน่ชัดแล้ว หยู่เหวินเห้ากับท่านชายสี่ต่างก็ชักกระบี่ออกมาพร้อมสู้ทันที ทังหยางก็หมุนตัวกลับไปชักกระบี่ แล้วเล็งไปที่หนานเปียนเค่อด้วย สวีอีเป็นผู้นำการโจมตี ออกกระบี่จู่โจมเข้าไป พลังของกระบี่นั้นแข็งแกร่งมาก ฟันตรงไปที่ส่วนหัวของหนานเปียนเค่อปราณกระบี่ห่อหุ้มไปทั่วห้อง ถ้าหนานเปียนเค่อคิดจะหลบหลีกกระบี่เล่มนี้ ก็อาจจะต้องเปลืองแรงอยู่ไม่น้อย อย่างไรก็ตาม มันไม่ง่ายเลยที่จะแสดงวรยุทธ์ในห้องรับแขกแห่งนี้
แต่กลับไม่มีอันตรายใด ๆ เลย อย่างน้อยก็ไม่ใช่กับหนานเปียนเค่อ เขาเหยียดสองนิ้วออก แล้วหนีบกระบี่ของสวีอีไว้จนแน่น ได้ยินเสียงหนึ่งที่คมชัด กระบี่ที่อยู่ระหว่างสองนิ้วของเขาพลันหักสะบั้น ชั่วขณะที่หนานเปียนเค่อ ยกมือออกด้วยท่าทีสบาย ๆ กระบี่ส่วนที่หัก ก็ลอยไปฝังตัวอยู่กับผนังกำแพงอย่างแน่นหนา
สวีอีแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ยอดฝีมือระดับแนวหน้า แต่อย่างน้อยในด้านการเป็นผู้ใช้กระบี่ในเมืองหลวง เขาก็นับว่าอยู่ในห้าอันดับแรก แต่เพราะกระบี่เล่มนี้เขาถ่ายเทพลังลงไปราว ๆ แปดถึงเก้าส่วน ฝ่ายคู่ต่อสู้ไม่ได้หลบหรือหลีกแม้แต่น้อย แค่ใช้สองนิ้วหักกระบี่ของเขาทิ้งง่าย ๆ แบบนี้เลย?
ไม่เพียงแค่สวีอีเท่านั้น แม้กระทั่งท่านชายสี่กับหยู่เหวินเห้าต่างก็ตกใจเมื่อได้เห็น หัวใจเย็นวาบไปชั่วขณะ พวกเขารู้ว่าจอมมารกระบี่นั้นร้ายกาจ แต่ไม่รู้ว่าจะร้ายกาจมากขนาดนี้
หลังจากที่สวีอีผ่านพ้นความตกใจ ก็รู้สึกเป็นทุกข์ตามมา กระบี่เล่มนี้เป็นกระบี่ที่ดีที่สุดที่เขาเคยได้รับตั้งแต่เริ่มฝึกเพลงกระบี่ ต้องมาถูกหักทิ้งไปง่าย ๆ เช่นนี้ หัวใจของเขาก็แทบจะแตกสลายไปด้วยแล้ว
เวลานี้เอง ท่านชายสี่ก็กระซิบพูดที่ข้างหูของหยู่เหวินเห้าประโยคหนึ่ง "ข้าขอคืนคำที่ได้พูดไปก่อนหน้านี้"
“คำพูดไหน?” หยู่เหวินเห้าถือกระบี่ เล็งไปที่หนานเปียนเค่อ โดยไม่เอียงหน้ามา เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
“ ถ้าจอมมารกระบี่มาคนเดียวลำพัง แค่สำนักเหลิ่งหลังของข้าก็รับมือได้แล้ว ประโยคนี้!” เป็นครั้งแรกที่ท่านชายสี่แสดงอาการวิตกกังวลออกมาเช่นนี้ มือที่ถือกระบี่ก็ค่อย ๆ จมลง หันปลายดาบไปทางหนานเปียนเค่อ
หยู่เหวินเห้าถึงกับหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก "ทำไมเจ้าไม่รอให้สู้เสร็จก่อนแล้วค่อยพูดล่ะ? อย่างไรก็ดีกว่ามาท้อแท้กลางคันเช่นนี้"
“ไม่ ที่ข้าบอกเจ้าตอนนี้ เป็นเพราะอยากให้เจ้าเตรียมใจให้พร้อม ทิ้งภาพลวงตาว่ามันจะราบรื่นไปให้หมด แล้วเตรียมออกไปแลกชีวิตซะ!” ท่านชายสี่มองไปที่หนานเปียนเค่อ ก็เห็นว่าเขาไม่ได้ชักกระบี่ออกมา จึงอดแปลกใจไม่ได้ เป็นไปได้หรือไม่ว่า เขาคิดจะใช้มือเปล่าปะทะกับคนจำนวนมากขนาดนี้ ? นักแม่นธนูบนกำแพงก็เตรียมพร้อมแล้วแท้ ๆ
หนานเปียนเค่อ มองดูพวกเขาอย่างตกตะลึง "นี่ข้าน้อยไปทำให้ทุกท่านขุ่นเคืองใจตอนไหนอย่างนั้นรึ?"
“พูดจาเหลวไหลให้มันน้อย ๆ หน่อย นำอาวุธออกมาได้แล้ว!” สวีอีพูดอย่างโกรธจัด หันกลับมาแย่งกระบี่เล่มหนึ่งจากทหารอารักขา เล็งไปทางหนานเปียนเค่อ
หนานเปียนเค่อ มึนงงเล็กน้อย "ข้าไม่มีอาวุธหรอกนะ"
“อย่าแสร้งทำเป็นเล่นลูกไม้ไปหน่อยเลย เจ้าคือจอมมารกระบี่ ไม่ใช่รึ? กระบี่ของเจ้าล่ะ?” สวีอีถามอย่างระแวดระวัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...