บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1268

ฉีฮั่วขนทองคำหนึ่งแสนตำลึงไป ไม่รีบออกจากอาณาเขตของเป่ยโม่ แต่กลับไปกว้านซื้อธัญพืชในเมืองใกล้เคียงเขตชายแดนของเป่ยโม่แทน ทองคำแสนตำลึง คล้ายว่าถูกใช้ไปกับการกว้านซื้อเสบียงอาหารในตลาดของเมืองใกล้เคียงหลายแห่งไปจนเกือบหมดแน่นอนว่าเสบียงอาหารชุดนี้ย่อมไม่สามารถส่งกลับไปยังเป่ยถังได้ ดังนั้น เขาจึงเช่ายุ้งฉางและกักตุนเสบียงเอาไว้ อีกทั้งตัวเขาเองก็ไม่ได้ไปจากเป่ยโม่ด้วย

กลยุทธ์การตัดอาหาร ก็ถูกใช้ในตอนที่แคว้นต้าโจวบุกโจมตีเป่ยโม่เช่นกัน แต่ประวัติศาสตร์อันล้มเหลวเหล่านี้ไม่มีความหมายพอจะใช้เป็นบทเรียนให้ชาวเป่ยโม่ เพราะว่า กลยุทธ์ที่พวกเขาจะใช้บุกครั้งนี้ คือการกอดความตั้งใจไว้ว่าจะพุ่งเข้าโจมตีอย่างดุเดือด มีความหวังคือการเอาชนะเป่ยถัง ขอแค่เอาชนะเป่ยถังได้ อาหารก็ย่อมมีเพียงพอแน่ เพราะเดิมทีเป่ยถังเองก็เป็นยุ้งฉางขนาดใหญ่อยู่แล้ว

ดังนั้น แม้ว่าแม่ทัพใหญ่ฉินจะรู้ว่า ฉีฮั่วกำลังกว้านซื้อเสบียงอาหารอยู่ เขาก็กลับคิดว่ามันเป็นเพราะความหัวหมอของชาวเป่ยถัง ที่คิดจะสร้างโชคลาภจากเสบียงอาหารเหล่านี้ ของสำคัญหากนำออกมาขายในเวลาที่เหมาะสม ก็สามารถเปลี่ยนเป็นกำไร ทำเงินได้มหาศาล

สุดท้ายแล้ว ชาวเป่ยถังคนหนึ่งที่กล้าสังหารองค์ชายรัชทายาทของเป่ยถัง ย่อมจะไม่ถูกใช้งานโดยกองทัพเป่ยถังแน่ ในสายตาของเขามีเพียงการใช้ประโยชน์เท่านั้น

แม่ทัพใหญ่ฉินไม่สนใจเท่าไหร่ เขาเป็นแม่ทัพฝ่ายบู๊ คิดแต่เรื่องการทำศึกสงครามเท่านั้นก็พอ

ดังนั้นตอนนี้เขาคิดว่าหยู่เหวินเห้าตายแล้ว ราชวงศ์เป่ยถังยามนี้ต้องกำลังตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายแน่ ดังนั้นแม่ทัพใหญ่ฉินจึงตัดสินใจที่จะไม่รออีกต่อไป เตรียมบุกโจมตีอย่างรวดเร็ว สั่งการกองกำลังหลักเข้าสู่เป่ยถัง ภายในสองเดือน ต้องบุกยึดเมืองหลวงของเป่ยถังให้ได้

เขาสั่งการให้กองทัพทั้งหมดเคลื่อนทัพ มุ่งหน้าไปยังชายแดนเป่ยถัง

จุดที่กองทัพทั้งสองปะทะกัน เขาคิดว่ามันน่าจะเป็นการดีที่สุด ที่จะกำหนดจุดที่ห่างจากจวนเจียงเป่ยไปราว ๆ หนึ่งร้อยลี้

เขาไม่ได้นิ่งนอนใจ กองทัพเป่ยถังมีเซียวเหยากงเป็นผู้บัญชาการด้วยตัวเอง ไท่ซ่างหวงลงสนามเป็นทัพหน้าให้ด้วยองค์เอง อีกทั้งยังมีคู่สามีภรรยาอ๋องชินเฟิงอันคอยดูแลระวังหลังอีก ศึกนี้กองทัพเป่ยถังย่อมมีขวัญกำลังใจ และความมั่นใจต้องสูงมาก ดังนั้น เขาจึงสั่งการว่าทันทีที่เสียงลั่นกลองรบดังขึ้น จงบุกถล่มเมืองทั้งสองที่ชายแดนของเป่ยถังให้ราบ เปิดศึกด้วยการกำราบกองทัพเป่ยถังลงเอาฤกษ์เอาชัย เมื่อบุกด้วยกำลังเสริมเข้าไปอีกครั้ง ให้ฟาดฟันกองทัพเป่ยถังให้แหลกเป็นผุยผง

ศึกสนามแรกนั้นสำคัญอย่างยิ่ง เขารู้ว่าเขาจะชนะ แต่เขาก็รู้ด้วยว่าการต่อสู้นั้นต้องยากจะต่อกรแน่ จะชนะได้ ก็เพราะว่ากองทัพทั้งสองมีความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันมาก แต่เป็นการยากที่จะต่อกร ก็เพราะความกล้าหาญของกองทัพเป่ยถังที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน

เขาเตรียมใจพร้อมรับการต่อสู้อันโหดร้ายไว้แล้ว แต่สิ่งกองทัพเป่ยโม่ซึ่งเลาะไปตามแนวชายแดนตลอดทางได้พบ กลับไม่ใช่การต่อต้านอย่างแข็งแกร่งดุดัน แต่เป็นกลวิธีล่อหลอกศัตรูให้จมลึกลงไปในแผนการบางอย่าง อีกทั้งเส้นทางนั้นคือการชักนำเขาไปที่จวนเจียงเป่ยอีกด้วย

แม่ทัพใหญ่ฉินมีประสบการณ์รบทัพจับศึกมานับร้อยสนาม ย่อมรู้ดีว่านี่คือแผนการของกองทัพเป่ยถัง เขาจะติดกับง่าย ๆ ได้อย่างไรกัน ? ที่จวนเจียงเป่ยต้องมีกับดัก หรือกระทั่งกองทหารขนาดใหญ่ของเป่ยถังดักรออยู่แน่ เพราะรูปแบบการรบในครั้งนี้ ฝ่ายตรงข้ามสู้เพียงไม่นาน ก็แสดงท่าทีเหมือนจะพ่ายแพ้พลางถอยร่นไปเรื่อย ๆ จำนวนทหารก็มีแค่ราว ๆ เจ็ดแปดหมื่นคนเท่านั้น อย่างไรก็ไม่ใช่กองกำลังหลักแน่ ๆ

อีกทั้งแม่ทัพที่บัญชาการศึกนี้ กลับกลายเป็นอ๋องเว่ยกับอ๋องอาน ไม่เห็นอ๋องชินเฟิงอันกับไท่ซ่างหวงเลยแม้เพียงเงา

ชัยชนะในศึกแรก ทำให้แม่ทัพใหญ่ฉินมั่นใจมาก เขาคิดว่าไท่ซ่างหวงกับอ๋องชินเฟิงอันมาบัญชาการรบด้วยตัวเอง แม้ว่าจะเป็นขวัญกำลังใจให้กับกองทัพก็จริง แต่สุดท้ายพวกเขาก็ไม่ได้ลงสนามรบมาเป็นเวลานานมากแล้ว สนามรบสำหรับพวกเขา ถือเป็นสิ่งที่ห่างไกลชนิดที่เรียกว่าไกลแสนไกลไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาเป็นกองทัพที่เคลื่อนไหวตามอำนาจของราชนิกุล ถ้าแม่ทัพที่อยู่ภายใต้อำนาจพวกเขามีความคิดเห็นที่ต่างไป ก็จะไม่กล้าหยิบยกขึ้นมาเสนอ นี่ก็เป็นข้อเสียเปรียบข้อหนึ่ง ของการออกทัพร่วมกับราชนิกุลอีกด้วย

ดังนั้น เขาจะไม่ไปติดกับ แต่สั่งให้กองทัพจัดระเบียบขบวนทัพอยู่ที่เดิมหนึ่งวัน แล้วจึงออกเดินทางไปยังเมืองซิ่วโจว

เมืองซิ่วโจวส่วนใหญ่เป็นภูเขา หรือเรียกกันอีกชื่อว่าเมืองแห่งคลองน้ำธรรมชาติ ถนนบนภูเขาคดเคี้ยวและวกวน เอื้อต่อการซ่อนกายและซุ่มโจมตี ใครก็ตามที่เข้ายึดครองเมืองซิ่วโจวได้ก่อน คนนั้นก็จะเป็นคนที่ถือความได้เปรียบก่อน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน