ไท่ซ่างหวงมองเขา ดวงตามีอารมณ์ที่ยากจะเอื้อนเอ่ย ครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าว “ใช่ว่าไม่มีตัวของตัวเอง แต่ตัวเจ้าต้องหลอมรวมเป็นหนึ่งกับแผ่นดิน นอกเสียจากมีความสามารถสูง มิเช่นนั้นไม่ว่าเรื่องใดก็มิอาจทำตามอำเภอใจ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนกล่าว “หม่อมฉันทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
ไท่ซ่างหวงเอ่ยอีก “เป็นฮ่องเต้ เมื่อใดที่เอาแต่ใจก็ต้องมีผลลัพธ์เสมอ เรื่องยุ่งครั้งนี้ ผลพวงไร้ที่สิ้นสุด เจ้าก็รับไปเถอะ!”
ฮ่องเต้หมิงหยวนชะงัก “เสด็จพ่อ ทรงยังไม่ยกโทษให้หม่อมฉันอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ? หม่อมฉันสำนึกผิดแล้วจริงๆ”
ไท่ซ่างหวงลุกขึ้นยืนช้าๆ มองเขา “ที่เจ้าสำนึกผิด เพราะข้าเป็นผู้ชี้นำ แต่...เจ้าย่อมรู้ความผิดตัวเองในที่สุด มิต้องรอนานหรอก”
เขามองด้านนอก กล่าวขึ้นด้วยเสียงหนักและ ราวกับโล่งอก “ไม่นาน!”
ไท่ซ่างหวงกลับตำหนักหลัก ปล่อยให้ฮ่องเต้หมิงหยวนอยู่ที่นั่นผู้เดียว
จิตใจเขาหมองหม่น เสด็จพ่อยังไม่อนุญาตให้เขาไปตำหนักหลัก แสดงว่ายังไม่อภัยโทษให้เขา
ครั้นคิดถึงอีกทางยังมีเรื่องให้ขุ่นเคือง จิตใจเขาก็มีควันทะมึนปกคลุมอีกครั้ง
นึกถึงเจ้าสิบก็รู้สึกว่าบาดแผลที่ข้อมือเจ็บแปลบขึ้นอีก มีแต่ทำร้ายถูกตัวเองเท่านั้นจึงจะรู้สึกเจ็บจริง
แววตาเขาเย็นชาขึ้น ออกจากตำหนัก “กลับตำหนักฉ่ายหมิง!”
หลังจากเจ้าสิบถูกกุมตัวก็ขังอยู่ในห้องตำหนักฉ่ายหมิง เขาโหวกเหวกโวยวายอยู่ในนั้นพักหนึ่ง ร้องไห้จนเสียงแหบแห้ง แต่เมื่อไม่มีโองการก็ไม่มีใครกล้าปล่อยเขาออกมา
เขาจึงใช้ศีรษะชนประตูดังโครมๆ ชนไปพลางก็ตะโกนคำพูดประมาณว่าเจ็บ ข้าจะตายแล้ว ผู้คนในตำหนักฟังจนอกสั่นขวัญหาย สงสารร้อนใจ
ฮ่องเต้หมิงหยวนยืนอยู่ที่ลานกว้างนิ่ง ฟังเสียงชนประตูและเสียงโหวกเหวกที่ดังจากข้างใน เขาตวาดขึ้นพลัน “หุบปาก!”
มังกรพิโรธเสียงสนั่นฟ้า ทุกคนในตำหนักคุกเข่า เปล่งเสียงดังฝ่าบาทอย่าทรงกริ้ว!
“เสด็จพ่อ!” หลังจากข้างในเงียบไปอึดใจหนึ่งแล้ว เจ้าสิบก็ตบประตูด้วยมือทั้งสองข้าง ร้องไห้กระจองอแงกับข้างนอก ร้องไห้จนอเนจอนาถนัก “เสด็จพ่อ หม่อมฉันสำนึกผิดแล้วพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันสำนึกผิดแล้ว ทรงปล่อยหม่อมฉันออกไปเถอะ หม่อมฉันจะไม่กัดเสด็จพ่ออีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
และวินาทีนี้เอง ฮ่องเต้หมิงหยวนก็พลันเข้าใจว่าเหตุใดไท่ซ่างหวงจึงไม่อภัยให้เขา
นั่นเพราะท่าทางเขาพูดว่าสำนึกผิด ไม่เหมือนกับเจ้าสิบอย่างไร? เจ้าสิบสำนึกผิดแล้วจริงหรือ? หรือว่าเขาคิดว่าตัวเองสำนึกผิดแล้ว ก็เหมือนกับเขาที่คิดว่าตัวเองสำนึกผิดแล้วอย่างนั้น แต่ในสายตาของไท่ซ่างหวงกลับไม่คิดเช่นนั้น
จำนวนครั้งที่เขาสำนึกผิดมากมายเหลือเกิน ทุกครั้งที่ทรงชี้นำ เขาก็สำนึกผิดครั้งหนึ่ง
แต่หากไม่ชี้นำล่ะ? หากครั้งนี้ไท่ซ่างหวงไม่ได้ให้ฮูหยินใหญ่มีคุยรายละเอียดกับเขาล่ะ? เขาจะรู้ความผิดหรือ?
ในใจเกิดความรู้สึกล้มเหลวขึ้นพลัน และเกิดความรู้สึกเกลียดชังแค้นเคืองกับพฤติกรรมเช่นนี้ สั่งออกไปอย่างเย็นชา “เด็กๆ จับองค์ชายสิบมัดกับต้นไม้ แล้วปรนนิบัติด้วยไม้โบย!”
คนทั้งตำหนักคุกเข่าลงวิงวอน ทุกคนต่างรู้ว่าองค์ชายสิบเป็นแก้วตาในใจของเขา ครั้งนี้ด้วยความโกรธจึงสั่งให้โบย โบยเสร็จแล้วต้องเสียใจทีหลังแน่
มีเพียงมู่หรูกงกงที่พอได้รับคำสั่งแล้วก็ผลักประตูเข้าไปจับตัวองค์ชายสิบ องค์ชายสิบถีบมู่หรูกงกงสุดแรง เกรี้ยวกราด “เจ้ามันบ่าวสุนัขรับใช้ ช่างกล้านักนะ รีบปล่อยข้าเร็วเข้า ขืนยังไม่ปล่อยอีก ข้าจะเอาชีวิตสุนัขเจ้า!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...