ฮ่องเต้หมิงหยวนยังอยู่ในตำหนักของฉินเฟย หลังจากรับประทานอาหารเสร็จก็นั่งพูดคุยเรื่องที่แล้วมา เมื่อเอ่ยถึงเรื่องเหล่านั้นก็ยังรู้สึกหมองใจ แต่อย่างไรก็ทำให้ความทุกข์ของฮ่องเต้หมิงหยวนคลี่คลายลงได้
“เจ้า...เจ้าเป็นใคร? เหตุใดจึงบุก...” เสียงตกใจสอดสีดังมาจากด้านนอก แต่จากนั้นก็เงียบกริบ
ฮ่องเต้หมิงหยวนตกใจเล็กน้อย เงยหน้าสั่งกับมู่หรูกงกงที่ยืนอยู่นอกผ้าม่าน “ไปดูสิ เกิดอะไรขึ้น”
“พ่ะย่ะค่ะ!” เมื่อมู่หรูกงกงหันตัวก็พบเงาดำหนึ่งกดมา เขาลงมือควบคุมอีกฝ่ายตามสัญชาตญาณ แต่เงาดำนั้นใช้สันมือลงที่ต้นคอเขาอย่างรวดเร็ว ความเจ็บปวดแล่นมาทันที สมองพร่าเบลออ่อนยวบลงไป แทบมองไม่ชัดว่าผู้ที่มาเป็นใครกันแน่
ผ้าม่านถูกเปิดออก แล้วทิ้งตัวลงอีก เงาสูงใหญ่ถูกม่านลูกปัดปกคลุม เข้าตำหนักไป
ใบหน้าฮ่องเต้หมิงหยวนเปลี่ยนจากเดือดดาลเป็นตะลึงงัน เอ่ยปากขึ้น “ท่านลุง?”
เดิมทีฉินเฟยก็ตกใจมาก แต่เมื่อเห็นคนที่มาชัดเจนแล้วก็กล่าวอย่างไม่พอใจ “อ๋องชินบุกรุกเข้าวังหลังได้อย่างไร? นี่เป็นตำหนักของข้า หวังว่าอ๋องชินจะให้เกียรติด้วย”
นัยน์ตาเย็นชาของอ๋องชินเฟิงอัน ทอดที่ใบหน้าของฉินเฟย ฉินเฟยตื่นตระหนกทันที “ท่าน...”
“ออกไป!” น้ำเสียงไร้อารมณ์ของอ๋องชินเฟิงอัน ดังขึ้นหนักในตำหนัก ราวกับมีเสียงสะท้อน น่าเกรงขามมาก
ฉินเฟยมองฮ่องเต้หมิงหยวน ฮ่องเต้หมิงหยวนโบกมือ “เจ้าออกไป!”
ฉินเฟยเห็นอ๋องชินเฟิงอันมาอย่างไม่เป็นมิตร ไม่กล้าอยู่ต่อ รีบย่อคำนับออกไป
ในตำหนักจึงมีแต่การประชันหน้าของบุรุษสองนาม อ๋องชินเฟิงอันสูงถึงเมตรเก้าสิบ จัดอยู่ในกลุ่มรูปร่างสูงตระหง่านดั่งแม่ทัพสวรรค์ ข่มฮ่องเต้หมิงหยวนที่เป็นราชาทรงสง่าได้หมด เขาถอยหลังก้าวหนึ่งอย่างไม่รู้ตัว “ท่านลุง ท่านเสด็จมาครั้งนี้มีเรื่องอันใดหรือ?”
เขามองมู่หรูกงกงที่ล้มอยู่กับพื้นนอกผ้าม่าน เกิดลางสังหรณ์ร้ายขึ้นพลัน เขาสังหารมู่หรูไปแล้ว?
อ๋องชินเฟิงอันล้วงราชโองการผ้าแพรเหลืองออกมาจากแขนเสื้อกว้าง ยื่นให้เขา “เจ้าดูเอง!”
ฮ่องเต้หมิงหยวนลังเลอึดใจหนึ่ง รับราชโองการมา แต่เมื่อเห็นสิ่งที่เขียนอยู่ในนั้นแล้ว เขาก็ตกตะลึง หลุดปากกล่าว “นี่...นี่เป็นของปลอมกระมัง?”
“ลายพระหัตถ์ฮ่องเต้เซี่ยน ประทับตรา ฮ่องเต้คิดว่าปลอมหรือจริงกันเล่า?” อ๋องชินเฟิงอันกางชุดนั่งลง มองฮ่องเต้หมิงหยวนด้วยสีหน้านิ่งงัน
ฮ่องเต้หมิงหยวนรู้สึกเพียงเหลวไหล “ข้าไม่เคยเห็นราชโองการฉบับนี้มาก่อน!”
อ๋องชินเฟิงอันเอ่ย “นั่นเพราะข้าไม่เคยเอาออกมา!”
ฮ่องเต้หมิงหยวนยิ้มเย็น “ข้าไม่นับ!”
“เสด็จพ่อเจ้านับ ขุนนางทั้งหลายนับ ทั้งเป่ยถังนับ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนจ้องเขา ในใจว้าวุ่นจนแทบพังทลาย เหลวไหลสิ้นดี ผ่านมาหลายปีแล้วกลับเอาราชโองการของฮ่องเต้เซี่ยนออกมา จะชิงบัลลังก์เขาหรือ? นี่เป็นไปไม่ได้แน่ ครั้นรัชสมัยฮ่องเต้ฮุยจงก็ไม่ได้แต่งตั้งให้เขาเป็นรัชทายาท หากราชโองการนี้เป็นจริง เช่นนั้นแม้แต่ฮ่องเต้ฮุยจงก็ไม่อาจนั่งบัลลังก์มังกร
ฮ่องเต้หมิงหยวนกล่าวเย็น “เจ้าทะเยอทะยานใฝ่สูง วางแผนมานาน เวลานี้รอบทิศสงบ เจ้าจึงคิดจะฉวยโอกาส”
“ฉวยโอกาส? ได้ยินว่าแม่ทัพที่ขับไล่เป่ยโม่ก็คือข้า ไม่ใช่เซียวเหยากง ข้าอาบเลือดสู้ศึกอยู่ด้านหน้า รักษาแผ่นดินทุกกระเบียดนิ้วของเป่ยถัง ข้าถือว่าฉวยโอกาสหรือ? แม้แต่อาวุธที่รัชทายาทกับเหลิ่งซี่ศึกษาผลิต ก็ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าทำมาเมื่อครั้งก่อน พวกเขาแค่เลียนแบบเท่านั้น หากไม่มีอาวุธพวกนี้ หากมิใช่วางแผนการในกระโจมอยู่ก่อนของข้า ศึกนี้จะชนะได้หรือ? เจ้ายังพูดว่ารอบทิศสงบได้หรือ?”
“นี่เป็นหน้าที่ที่เจ้าเป็นขุนนาง!” ฮ่องเต้หมิงหยวนคิดไม่ถึงว่ากองทัพใหญ่จะบุกเข้ามาได้ในค่ำคืนเดียว เห็นชัดว่าคนผู้นี้มีแผนการล้ำลึก ถึงขนาดว่าไม่มีใครป้องกันได้ เขาจะยอมรับได้อย่างไร?
“เช่นนั้นหน้าที่ของเจ้าที่เป็นฮ่องเต้เล่า?” อ๋องชินเฟิงอันเดือดขึ้นมาบ้าง ตบโต๊ะ สะเทือนจนชุดชาที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้น “หน้าที่ของเจ้าที่เป็นราชายังจำได้หรือไม่?”
กล่องดวงตาฮ่องเต้หมิงหยวนแทบจะแตก “เหตุใดข้าจะจำไม่ได้? หลายปีที่ข้าครองราชย์ สุขุมรอบคอบระมัดระวัง หมั่นเพียรในราชกิจ แม้นข้ามิใช่ราชาหมื่นปี แต่ก็ไม่เลอะเลือนดังเจ้าว่า”
อ๋องชินเฟิงอันกล่าวเสียดแทง “เช่นนั้นหรือ? ลองว่าผลงานเด่นของเจ้ามาให้ข้าฟังสักเรื่องสิ ขอเพียงเจ้าพูดออกมาได้ ข้าจะยอมถอยกำลัง”
ฮ่องเต้หมิงหยวนเสียงร้าว “ปีที่สองที่ข้าขึ้นครองราชย์ แม่น้ำหวยเกิดอุทกภัยหนัก ข้าไปขจัดทุกข์ด้วยตัวเอง เสริมสันเขื่อนให้แข็งแรง ไม่ได้หลับตาสามวันสามคืน”
“แต่หลังจากนั้นเจ้าก็ไม่เคยมีโองการให้ซ่อมแซมสันเขื่อน ทำให้สันเขื่อนพังทลายทุกปี น้ำหลากทุกปีไม่สิ้นสุด”
“เจ้า...”
อ๋องชินเฟิงอันกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าไม่จำเป็นต้องพูด ตลอดหลายปีที่เจ้าครองราชย์ ข้ารู้อยู่แก่ใจทุกเรื่อง นโยบายที่ใช้ ส่วนมากก็เป็นนโยบายที่ใช้ตามเสด็จพ่อเจ้า เพื่อสร้างฐานที่มั่นคงให้เจ้า เสด็จพ่อเจ้ากวาดล้างความวุ่นวายทั้งหมด สานสัมพันธ์กับแคว้นรอบข้าง แต่งตั้งอ๋องหนานเจียง ใช้นโยบายที่มั่นคงกับหนานเจียง แม้ท้องพระคลังว่างเปล่า แต่เป็นช่วงเวลาดีที่จะสร้างความเจริญ แต่หลังจากเจ้าขึ้นดำรงตำแหน่ง กลับไม่ได้ทำอะไรเลย หนานเจียงเกิดความวุ่นวาย เจ้าอ้างว่าบ้านเมืองยากจนเป็นเหตุ ไม่ส่งกำลังทหาร หลบหลีก แม่น้ำหวยเกิดอุทกภัยใหญ่ เจ้าช่วยเหลือราษฎรที่ประสบภัยแล้ว ราชสำนักไม่มีเงินเหลือ ไม่ซ่อมแซม เดิมแคว้นต้าหมิงกับต้าซิงก็เป็นพันธมิตรที่เสด็จพ่อเจ้าสร้างมา ค้าขายด้วยกันได้ แต่เจ้ากลับอ้างพัฒนาการเกษตร ไม่ให้ความสำคัญกับการค้าขาย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
OMG ไม่คิดว่าจะอ่านจบ 2105 หน้าสุดปัง เรื่องสนุกมาก ดำเนินเรื่องได้น่าติดตาม มีความเรียลจนบางตอนมีน้ำตาซึมตามเพีาะความประทับใจ สนุกมากจริงๆทอยากให้มีภาคลูกไปบ้าง...
กลับมาอ่านอีกครั้ง สนุกจริง...
สนุกมากค่ะ มีต่อไหมคะ...
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...