ทางด้านตำหนักบูรพา ได้ให้คนไปจัดการเก็บกวาดทำความสะอาดไว้แล้ว สิ่งของทั้งหมดล้วนเปลี่ยนเป็นของใหม่ หลังจากที่ท้องพระคลังชั้นในถูกควบคุมดูแลโดยอ๋องหวย เงินทองนั้นไม่ขาดสน แม้ว่ารัชทายาทจะอาศัยอยู่ในตำหนักบูรพาไม่กี่วัน แต่ว่าตำหนักบูรพาจะไม่ถูกทิ้งร้าง เชื่อว่าหลังจากขึ้นครองราชย์ไม่นาน ก็ต้องแต่งตั้งองค์รัชทายาทขึ้นมา
ฐานะของพระราชนัดดาได้ถูกกำหนดไว้นานแล้ว
ต้อนรับรัชทายาทเข้าสู่ตำหนักบูรพา เดิมทีก็เป็นพระราชพิธียิ่งใหญ่ แต่ว่า หยู่เหวินเห้าได้สั่งให้ทำทุกอย่างโดยเรียบง่าย เหล่าขุนนางไม่จำเป็นต้องร่วมส่งเสด็จ พิธีขึ้นครองราชย์ก็ใกล้จะมาถึงแล้ว ไม่จำเป็นต้องวุ่นวายกันอีกหน
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เหล่าสามีภรรยาท่านอ๋องต่างๆก็มาร่วมส่งเสด็จ นี่ก็เป็นการป่าวประกาศให้ประชาชนทั่วหล้าได้รับรู้ พี่น้องในราชวงศ์ รักใคร่กลมเกลียว เหล่าท่านอ๋อง ก็ยังคงจงรักภักดีต่อฮ่องเต้องค์ใหม่ ไม่มีเรื่องบาดหมางระหว่างพี่น้องเกิดขึ้นอีก
พ่อแม่ตระกูลหยวนวันนี้ยังไม่เข้าวังเป็นการชั่วคราว พรุ่งนี้ค่อยให้ทังหยางกับสวีอีส่งเข้าไป
สองสามีภรรยารัชทายาทเก็บข้าวของเรียบร้อยเป็นระเบียบ ทุกคนในครอบครัว อยู่ภายใต้การเดินมาส่งของเหล่าท่านอ๋องและพระชายาทั้งหลาย เพื่อขึ้นรถม้า
หยวนชิงหลิงพยายามไม่ไปคิดถึงเรื่องที่จะต้องบอกลาจวนอ๋องฉู่ เหมือนที่นางเคยบอกกับหยู่เหวินเห้า ภายหน้าอยากจะกลับมาเมื่อไหร่ ยังสามารถกลับมาอาศัยอยู่ได้
ฉะนั้น นี่ไม่ใช่การร่ำลา ที่นี่ที่สุดแล้วก็เป็นบ้านของนาง
สัมภาระที่นำออกไปจากจวนอ๋องฉู่นั้นดูข้นแค้นจริงๆ นอกจากเสื้อผ้าแล้ว สมบัติโบราณมีค่าสักชิ้นก็ไม่มี แม้แต่เสื้อผ้าก็ยังมีไม่มาก รวมสิ่งของของลูกๆเข้าไปด้วยแล้ว รถม้าสองคันก็สามารถลากไปได้ทั้งหมดแล้ว
มีเหตุผลอีกด้านหนึ่งคือมีสิ่งของบางส่วนที่ไม่ได้นำเอาไปด้วย อีกอย่างคือ สิ่งของชิ้นใหญ่นั้นใช้จนคุ้นชินแล้ว จึงไม่อยากเอาไปด้วย สิ่งของที่ควรจะอยู่ในจวนอ๋องฉู่ ก็เก็บไว้ที่จวนอ๋องฉู่
ทุกคนไม่ได้ร้องไห้ เพราะนี่เป็นเรื่องดี แต่มีความรู้สึกเศร้าเป็นบางครั้ง ก็ไม่ควรจะเผยออกมาในช่วงเวลาเช่นนี้
แม้แต่อะซี่ก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ มาส่งด้วยรอยยิ้ม
แต่คิดไม่ถึงว่าผู้ชายหยาบกระด้างอย่างสวีอี จะร้องไห้ออกมาได้
จวนอ๋องฉู่เป็นที่ที่เขาเติบโตมา เจ้านายของเขาอาศัยอยู่ที่นี่ เขาแต่งงานที่นี่ ให้กำเนิดลูกสาว แม้ว่าเขาจะยังคงอาศัยอยู่ในเรือนที่อยู่ข้างๆจวนอ๋องฉู่ต่อไป และยังสามารถมาที่จวนอ๋องฉู่ได้ตลอดเวลา แต่ว่า ย่อมไม่เหมือนอย่างที่คิดแล้ว
ที่นี่ จะไม่มีภาพของพวกเด็กๆหมาป่าหิมะและเสือที่วิ่งเล่นไปมาอีกแล้ว จะไม่มีเสียงคึกคักวุ่นวายของผู้คนอีกแล้ว ไม่มีรัชทายาทที่คอยตำหนิเขาว่าเป็นเจ้าโง่อยู่เสมออีกแล้ว ยิ่งไม่มีพระชายารัชทายาทที่คอยห่วงใยอย่างอ่อนโยนอีกแล้ว
เขาเป็นผู้เปิดทางอยู่ด้านหน้าสุด พลางควบม้า พลางเช็ดน้ำตา
พอดีกับที่หยวนชิงหลิงเลิกผ้าม่านรถม้าขึ้น เห็นท่าทีนี้ของสวีอี ก็หันกลับไปพูดกับหยู่เหวินเห้า “สวีอีร้องไห้หรือ”
หยู่เหวินเห้ามองแวบหนึ่ง พูดเสียงเรียบว่า “ใช่”
“เขากลายเป็นคนความรู้สึกอ่อนไหวตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ”หยวนชิงหลิงหัวเราะขึ้นมา แต่ในหัวใจก็รู้สึกซาบซึ้งมาก ความรู้สึกของสวีอี ไม่เคยถูกตกแต่งเพิ่มเติมมาก่อน ร้องไห้ก็ร้องไห้ หัวเราะก็หัวเราะ ชอบก็คือชอบ เกลียดก็คือเกลียด ไม่เจือความเสแสร้งเลยแม้แต่น้อย
หยู่เหวินเห้ามองแผ่นหลังของสวีอีอย่างลึกซึ้งอยู่แวบหนึ่ง เขารู้ ชาตินี้คนที่เขาต้องปกป้องนั้นมีมากมายนัก สวีอีก็เป็นหนึ่งในนั้น
ตั้งแต่วัยรุ่นจนกระทั่งถึงตอนนี้ ทุกคนต่างก็เติบโตขึ้นมาก แต่ว่า ความรู้สึกกลับยิ่งอยู่ก็ยิ่งลึกซึ้งแน่นหนามากขึ้น
หลังจากที่สวีอีร้องไห้เสร็จแล้ว ความหดหู่ในใจค่อยได้รับการปลดปล่อยออกไปบ้าง ยกแส้ขึ้นควบม้า พาครอบครัวขององค์รัชทายาทมุ่งหน้าเข้าสู่วังหลวง
เสี้ยวหงเฉินพาคนของสำนักเหมยแดงมารอส่งอยู่ข้างทาง ตอนที่หยวนชิงหลิงเลิกผ้าม่านขึ้น เห็นรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าของนาง นางกำลังโบกมือ ข้างกันนั้นยังมีจอหงวนบู๊ลู่หยวนยืนอยู่ด้วย
ไม่ไกลนัก เป็นหงเย่ บนไหล่ของเขามีลิงยืนอยู่ ก็ส่งพวกนางด้วยรอยยิ้มเช่นกัน ตลอดทางที่พบเจอ ล้วนเป็นเพื่อนที่เคยไปมาหาสู่กันในวันวาน พี่ซูหลง แม่ทัพหลู่หม่าง คนบางส่วนของตระกูลหยวน ยังมีคุณหนูเจ็ดที่ทังหยางจดจำอยู่ในใจตลอดเวลาด้วย
ที่นี่โอ่อ่าหรูหรา ล้วนถูกล้อมรอบเอาไว้ กำแพงวังหลวงมองไปไร้จุดสิ้นสุด
ในเมื่อนอนไม่หลับ ทั้งสองคนจึงลุกขึ้นมาเดินเล่น ทั่วทุกที่เต็มไปด้วยดวงไฟ ส่องแสงรำไร ทุกสิ่งตรงหน้าล้วนเหมือนภาพแห่งความฝัน
หยู่เหวินเห้าสวมชุดนอนสีขาวราวกับแสงจันทร์ ลมราตรีพัดแขนเสื้อปลิวสะบัด สีผมดำขลับ ในลานบ้านสว่างไสว แสงจันทร์สลัว นิ้วมือทั้งห้าที่กุมมือของหยวนชิงหลิงมีความเย็นเล็กน้อย ค่อยๆเดินไปข้างหน้า
ตั้งแต่เป็นองค์ชายห้าในวันวาน จนถูกแต่งตั้งเป็นอ๋องฉู่ จากอ๋องฉู่กลายเป็นรัชทายาท กระทั่งตอนนี้กำลังจะขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ แต่ละก้าวของเขา เดินมาอย่างยากลำบากแต่ก็มั่นคงเป็นอย่างยิ่ง
“ยายหยวน ข้าเหมือนกับกำลังฝันไป แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร กลับรู้สึกว่าความฝันนี้ไม่ได้สวยงามนัก บนไหล่ข้าเหมือนมีภูเขาลูกใหญ่ที่มองไม่เห็นกดทับลงมา ไม่ได้รู้สึกเป็นอิสระเท่ากับการเป็นอ๋องฉู่”หยู่เหวินเห้าพูดพึมพำ
ใบหน้าสวยงามของหยวนชิงหลิงมีรอยยิ้มปรากฏขึ้น “เป็นรัชทายาทเหนื่อยหรือไม่”
“เหนื่อยสิ เป็นรัชทายาทนี่เหนื่อยจริงๆ”หยู่เหวินเห้าพูด
“เช่นนั้นการเป็นฮ่องเต้ก็คงไม่เหนื่อยเท่าการเป็นรัชทายาท แต่ว่า ท่านกลัวเหนื่อยหรือ”
หยู่เหวินเห้าครุ่นคิด “ถ้าหากสามารถแสดงถึงความคิดและความมุ่งหวังของข้าให้ผู้คนเห็นได้ เช่นนั้นก็ไม่กลัวจะเหน็ดเหนื่อย”
นี่แหละเจ้าห้า ดูเหมือนจะเป็นคนไม่ลึกลับซับซ้อน แท้จริงแล้วกลับมีความชอบธรรมอยู่เต็มหัวใจ
หยวนชิงหลิงปากโค้งขึ้น แววตาดุจดาวระยิบระยับ “เช่นนั้นพวกเราก็คงต้องตั้งตารอดูสักพัก อนาคตของเป่ยถัง ที่สุดแล้วจะกลายเป็นเช่นไร”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
OMG ไม่คิดว่าจะอ่านจบ 2105 หน้าสุดปัง เรื่องสนุกมาก ดำเนินเรื่องได้น่าติดตาม มีความเรียลจนบางตอนมีน้ำตาซึมตามเพีาะความประทับใจ สนุกมากจริงๆทอยากให้มีภาคลูกไปบ้าง...
กลับมาอ่านอีกครั้ง สนุกจริง...
สนุกมากค่ะ มีต่อไหมคะ...
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...