บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1541

หลังจากกินข้าวพร้อมหน้ากันแล้ว ทุกคนก็อยู่ข้ามปีที่หอจัยซิง

เดิมทีหอจัยซิงก็ไม่ใหญ่มาก คนก็มาก ชายชราชุดดำส่วนใหญ่นั่งยองกันอยู่บนกำแพง บนหลังคาก็มีคนอยู่เบียดเสียดเนืองแน่น ด้านล่างบ้างดื่มสุรา บ้างคุยโม้ บ้างถกปัญหา คึกคักเสียไม่มี

เด็กๆ ก็วิ่งเล่นอยู่ข้างนอกกับพวกหมาป่าหิมะ เสือและสุนัข เข้ามาไม่ได้จริงๆ ดีที่ข้างนอกกว้างขวาง เล่นได้ตามสะดวก

บรรดาสตรีทั้งหลายนั่งอยู่ในห้องโถงกลาง ห้องโถงกลางของหอจัยซิงไม่ใหญ่ ครั้นพวกนางนั่งอยู่ด้วยกันก็ทำจนเก้าอี้ถูกนั่งไปจนหมด

เสียงพลุทางไกลแว่วมา ข้างจวนก็เป็นเสียงจอแจของผู้คน มีบรรยากาศครื้นเครงปรีดาทั่วทุกหนทุกแห่ง

ท่านหมิงถูกล้อมอยู่ในฝูงชน บอกเล่าเรื่องขุดสมบัติอันยากลำบากของเขา เขาไม่กล้าโทษอ๋องชินเฟิงอัน แต่ก็อยากมีเรื่องพูดคุยกับคนแก่และเด็กๆ ยากนักที่เขาจะสนใจ จึงพูดไปยกหนึ่ง

ตอนแรกเป็นการสนทนา ไม่รู้ใครเอ่ยถึงเพลงกระบี่รำมวย ลานกว้างจึงจัดพื้นที่ออกมาส่วนหนึ่ง เหล่าชายชราชุดดำลงสนามก่อน เพลงกระบี่ไม่งดงามสักนิด เต็มไปด้วยจิตสังหาร ทว่ากลับทำให้รู้สึกอุ่นใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

อู๋ซ่างหวงก็ประมือกับเซียวเหยากงสองสามกระบวนเหมือนกัน

สมัยก่อนอู๋ซ่างหวงเคยสาบานว่าบุ๋นต้องเหนือกว่าฉู่เสี่ยวอู่ บู๊ต้องล้ำกว่าเซียวเหยากง แต่ผลสุดท้ายก็คือ บุ๋นเหนือเซียวเหยากงที่เป็นเด็กหลังห้อง ส่วนบู๊ก็ล้ำฉู่เสี่ยวอู่ที่เป็นผู้เคร่งการเรียน หากใช้คำพูดของเขาแล้ว ก็ถือว่าบุ๋นบู๊อยู่เหนือกว่าพวกเขาทั้งสอง อวดอ้างตัวไประยะหนึ่ง

ช่วงที่เป็นฮ่องเต้ละไท่ซ่างหวง เขาละเลยการฝึกฝนวิทยายุทธ์ เพิ่งกลับมาฝึกในปีสองปีนี้ หลังจากประมือกับเซียวเหยากงสองสามกระบวนท่าแล้ว กลับติดใจ บอกว่าจะสู้กับท่านหมิงผู้เป็นลูกชายสักหน่อย

ทุกคนต่างมองท่านหมิงด้วยความครึกครื้น

ทว่าใบหน้าท่านหมิงซีดเผือดพลัน

เขาลุกขึ้นยืน เอ่ยอย่างเหงื่อตก “เสด็จพ่อ ช่วงก่อนหม่อมฉันเอวเคล็ด หมอหลวงบอกว่าต้องพักผ่อน จะใช้กำลังไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”

“บาดเจ็บหรือ? เช่นนั้นก็พอดี!” อู๋ซ่างหวงเช็ดเม็ดเหงื่อที่หน้าผาก โยนกระบี่ในมือออกไป แล้วกลับไปหยิบกระบี่ของเซียวเหยากง “ลุกขึ้น อย่าทำตนเยี่ยงอิสตรี!”

ท่านหมิงรีบรับกระบี่ ได้ยินคำพูดนี้แล้วก็รู้สึกฝันร้ายในวัยเยาว์เริ่มย้อนกลับมาอีกครั้ง

สมัยเด็ก เสด็จพ่อมักต้องการให้เขาครบครันทั้งบุ๋นและบู๊ จุดนี้แม้แต่พระองค์เองก็ทำไม่ได้ แต่กลับตั้งเงื่อนไขกับเขาเช่นนี้

ทุกทีครั้นฉลองปีใหม่ เสด็จพ่อก็จะทดสอบเพลงกระบี่ของเขา ขอเพียงพูดคำพูดประโยคนี้ เขาก็ต้องถูกประลองจนไม่เป็นท่า

ท่านหมิงรู้สึกว่าปีนี้ผ่านไปแบบไม่มีความสุขสักนิด

อย่างน้อยก็มีตำแหน่งเป็นไท่ซ่างหวงแล้ว จะถูกตีต่อหน้าผู้คนเยอะแยะ โดยเฉพาะต่อหน้าลูกหลานตัวเองได้อย่างไร?

ทว่าอ๋องชินเฟิงอันกลับออกคำสั่ง “สู้! อย่าได้ออมมือให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น ให้เห็นฝีมือที่แท้จริงสักหน่อย”

ดังนั้นเขาจึงได้แต่ดาหน้าไปทั้งอย่างนั้น

“เปลี่ยนมาใช้กิ่งไม้ ไม่ใช่กระบี่!” พระชายาเดินออกมา เหาะขึ้นไปหักกิ่งไม้มาสองก้าน เอากระบี่ไปครูดใบไม้ออก ให้พวกเขาเปลี่ยนกระบี่ในมือ “ดาบกระบี่ไร้ตา!”

ใบหน้าท่านหมิงที่เปลี่ยนมาใช้กิ่งไม้ห่อเหี่ยวยิ่งกว่าเดิม หากใช้กระบี่ เสด็จพ่อยังพอจะยั้งมือไม่ทำให้เขาบาดเจ็บจริงๆ แต่เปลี่ยนเป็นกิ่งไม้ เช่นนั้นยังต้องคำนึงถึงอะไรอีก?

ทั้งเขายังไม่กล้าลงมือจริง มีแต่ถูกตีเท่านั้น

และเป็นดังนั้น หลังจากลงสนาม โดยรวมแล้วก็ถูกอู๋ซ่างหวงฟาดไปยกหนึ่ง ขา ตัว แขน บ่า คอ ศีรษะ ใบหน้า ขอเพียงเป็นที่โล่งก็ต้องถูกลงไม้ไปสองสามหน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน