บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1547

อ๋องเว่ยกับกวากวาคุยกันอยู่ค่อนวันถึงกลับไปบอกเล่าสถานการณ์ชายแดนกับหยู่เหวินเห้าที่ห้องทรงอักษร และเอ่ยถึงเมืองโร่ตูด้วย

แรกเริ่มหยู่เหวินเห้าก็ไม่เห็นแคว้นจินอยู่ในสายตา แต่พอได้ยินอ๋องเว่ยบอกว่าแคว้นจินต้องการชิงเมืองโร่ตูกลับ เขาจึงเห็นเป็นความสำคัญ “ต้องใช้ทหารหรือไม่?”

“ข้าคิดว่ายังไม่จำเป็น ระยะนี้จะใช้ทหารไม่ได้อีก แคว้นจินแค่เห่าหอนเล็กน้อย มิกล้าใช้ทหารง่ายๆ ที่พวกเขาย้ายเมืองหลวงก็ด้วยความจำเป็น เวลานี้เมืองหลวงของพวกเขาถูกลมทะเลทรายกัดกร่อน ช้าเร็วก็ต้องย้ายไปเมืองวั่งโจว พวกเขารู้แก่ใจดี เวลานี้ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเป่ยถัง ดังนั้นจึงเข้าแทรกแซงการทำงาน ให้ประชาชนของเมืองโร่ตูต่อต้านพวกเรา ยากต่อการควบคุม แต่นี่ต้องใช้เวลา อีกสามปี ห้าปี สิบปีกระมัง”

“เช่นนั้นก็ได้ ลำบากพี่สามแล้ว!” หยู่เหวินเห้าก็รู้ว่าสถานการณ์หัวเมืองเหล่านั้นค่อนข้างซับซ้อน ที่จริงเมืองโร่ตูไม่ถือว่าสำคัญที่สุด ที่สำคัญเป็นอีกสี่หัวเมืองที่เหลือต่างหาก นั่นแหละถึงเป็นปราการทัดทานเป่ยโม่จริงๆ

เมืองโร่ตูไกลหน่อย แต่กลับอุดมไปด้วยทรัพยากรแร่ เอาไว้เป่ยถังพัฒนาแล้วค่อยขยายให้ใหญ่โต ตอนนี้เอาแค่พอหอมปากหอมคอ ให้กวากวาได้มีเงินทองสักหน่อย เพราะอย่างไรเมืองโร่ตูก็เป็นของนาง

อ๋องเว่ยกลับเมืองหลวงได้สามวัน อ๋องอานและพระชายาก็พาอานจือกลับมาด้วย

สองปีมานี้สุขภาพอ๋องอานไม่สู้ดี บาดแผลที่แขนหักเน่าอยู่เรื่อย รักษาที่จวนเจียงเป่ยมานานก็ไม่หาย โดยเฉพาะสองสามเดือนนี้ ไข้สูงต่ำอยู่เนืองๆ พระชายาอานเกลี้ยกล่อมให้เขากลับมารักษาที่เมืองหลวงอยู่หลายครั้ง แต่เขาก็ไม่เป็นผล

ครั้งนี้อ๋องเว่ยกลับมา บอกว่าจะฉลองวันเกิดกวากวา พระชายาอานจึงใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้าง เกลี้ยกล่อมให้เขากลับเมืองหลวงมาเจอหลานสาว อีกอย่างก็ไม่ได้กลับเมืองหลวงมาสองสามปีแล้ว ควรกลับมาถวายพระพรอู๋ซ่างหวงและไท่ซ่างหวงแล้ว

อ๋องอานคิดแล้วคิดอีก ถอนใจว่าตนคงอยู่ได้อีกไม่นาน ควรกลับมาเยี่ยมอู๋ซ่างหวง พระบิดาพระมารดาสักหน่อย ดังนั้นจึงเก็บสัมภาระ เดิมคิดว่าจะเดินทางไล่เลี่ยกับอ๋องเว่ย ทว่าระหว่างทางกลับล่าช้าเพราะอาการป่วย จึงช้าไปสามวัน

ครั้นถึงเมืองหลวงอ๋องอานก็เริ่มเป็นไข้อีก เชิญหมอในเมืองหลวงไปตรวจ หมอบอกว่าบาดแผลของเขาเสียดสีบ่อย ดังนั้นจึงอักเสบไม่หาย ต้องใช้ยาแรงจึงจะได้ผล

แต่แผลเน่าแล้ว โรยผงยาลงไปก็ไม่ดีขึ้น คันบาดแผล เจ็บ มีน้ำเลือดน้ำหนองไหล กระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้นบาดแผลก็บวมเป็นก้อนโต พาลให้บ่ากับบริเวณคอพลอยบวมไปด้วย

ดังนั้นจึงเรียกหมอมาด่วน ครั้นหมอเห็นสภาพการณ์แล้วก็ตกใจหนัก บอกว่าที่ใช้เป็นยาจินชวงที่ดีที่สุด เหตุใดจึงไม่เห็นผล

พระชายาอานจึงรีบเกลี้ยกล่อม ให้เชิญฮองเฮามาตรวจ ทว่าอ๋องอานกลับส่ายหน้า เอ่ยด้วยใบหน้าซีดขาว “ไปขอราชโองการเชิญหมอหลวงเถอะ”

แม้นรู้ว่าหยวนชิงหลิงอาจมารักษาให้ แต่เขาไม่กล้าเอ่ยปาก เขาก็ไม่มีหน้าไปขอจริงๆ

พระชายาอานรู้ว่าเขาคิดอย่างไร จึงอ้างว่าจะเข้าวังไปหาหมอหลวง แต่ที่จริงกลับไปหาหยวนชิงหลิง

ครั้นหยวนชิงหลิงได้ยินว่าเป็นแผลเก่า จึงประหลาดใจเล็กน้อย “แผลเก่ามิใช่หายแล้วหรือ? เหตุใดยังเสียดสีได้อีก?”

พระชายาอานถอนใจเอ่ย “เขาเห็นแขนเหล็กของพี่สามใช้การได้ดี เหมือนกับแขนปกติ ใช้กระบี่ได้ เขาศึกษาอยู่นาน อยากทำขึ้นสักอัน สุดท้ายใส่ไปแล้วก็เสียดสีกับผิวหนังบ่อยๆ เขานึกว่านี่ปกติ ไหนเลยจะรู้ว่าอาการหนักขึ้นทุกวัน สุดท้ายเนื้อหนังก็เน่าเปื่อย”

หยวนชิงหลิงเอ่ย “เช่นนั้นข้าไปดูเองดีกว่า ถึงอย่างไรอีกประเดี๋ยวข้าก็จะพาลูกๆ ไปเจออู๋ซ่างหวงด้วย ต้องออกวังเหมือนกัน”

พระชายาอานเอ่ยด้วยความซาบซึ้ง “ขอบคุณมาก”

“พูดอะไรเช่นนี้เล่า? เห็นข้าเป็นคนนอกเสียแล้ว” หยวนชิงหลิงกลับห้องไปหยิบกล่องยา

เรื่องในอดีตผ่านไปนานมากแล้ว กอปรกับบัดนี้อ๋องอานอยู่ที่เมืองเจียงเป่ย ดำรงตำแหน่งเฝ้าระวังชายแดน จะด้วยส่วนตัวหรือส่วนรวมก็จะไม่แยแสไม่ได้

หยวนชิงหลิงพาเด็กๆ และพระชายาอานออกจากวังไปจวนอ๋องอาน กวากวาจำอ๋องอานไม่ค่อยได้ เพราะหลายปีมานี้อ๋องอานไม่ค่อยได้กลับเมืองหลวง และถึงจะกลับก็ไม่ประจวบเหมาะกับช่วงที่กวากวากลับมา แต่นางรู้ว่าอ๋องอานอยู่ที่เจียงเป่ย และเคยได้ยินมู่หรูกงกงเล่าเรื่องเขาในอดีต รู้สึกแปลกใจกับเสด็จลุงนามนี้อยู่บ้าง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน