หลังจากหยวนชิงหลิงไปแล้ว อ๋องอานก็นอนอยู่บนเตียง มองชายาที่ยุ่งงวดอยู่ข้างเตียงเงียบๆ แล้วเอ่ยลอยๆ “หากบอกว่าหลายปีมานี้ ข้าเคยคิดเสียใจในเรื่องเก่าก่อนเมื่อใด เช่นนั้นก็คือเวลานี้”
พระชายาอานประหลาดใจเล็กน้อย “เหตุใดจึงเป็นเวลานี้? ข้านึกว่าเจ้าเสียใจตั้งแต่ตอนนั้นแล้วเสียอีก”
“เมื่อก่อนที่ว่าเสียใจ มากน้อยก็เพราะสถานการณ์บังคับ แต่เวลานี้ข้าเสียใจจริงๆ พอเห็นเด็กๆ ดีกับข้าแล้ว ความแค้นรุ่นก่อนมิได้สืบต่อถึงรุ่นหลัง เจ้าห้ากับชายาต้องมีจิตใจกว้างขวางเพียงใด หากพวกเขามีใจคิดแค้นข้าสักนิด เด็กๆ ก็คงไม่ดีกับข้าเช่นนี้”
พระชายาอานนั่งลง ยิ้มอย่างอ่อนโยน “เจ้ารู้ก็ดีแล้ว”
อ๋องอานกุมมือนาง ฝืนหัวเราะไป “ตอนนี้ใจข้ารู้สึกโชคดียิ่งนัก ดีที่ไม่ผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซาบซึ้งในโอกาสที่เสด็จพ่อกับเจ้าห้ามอบให้ มิเช่นนั้น ข้าหรือจะได้มีวันเวลาดีๆ อย่างตอนนี้?”
พระชายาอานถอนหายใจเบา “แต่แขนของเจ้า อาการบาดเจ็บของเจ้า แล้วยังความเจ็บปวดทรมานหลายปีนี้ จะนับเป็นวันเวลาดีได้อย่างไร?”
“นับ!” อ๋องอานกุมมือนางแน่น “นี่แหละถึงเป็นช่วงเวลาที่ดีจริงๆ ความลำบากทางกายเล็กน้อยเท่านั้น”
พระชายาอานอมยิ้ม เอ่ย “เจ้าสบายใจก็พอ”หลังจากหยวนชิงหลิงพาเด็กๆ ออกจากจวนอ๋องอานแล้วก็ไปยังจวนอ๋องซู่ เนื่องจากอีกไม่กี่วันเด็กๆ ก็ต้องกลับไปแล้ว นางต้องพาพวกเขามาพบเสด็จทวดสักหน่อย
จวนอ๋องซู่ยังคงครึกครื้นอย่างเคย ครั้นเห็นเด็กๆ มา พวกเขาก็ดีใจมาก อู๋ซ่างหวงจูงกวากวา สำรวจแล้วสำรวจอีก อย่างไรก็ว่ากวากวาซูบลง
กวากวารักคนแก่ ปากหวาน จึงหยอกจนทุกคนจนอารมณ์ดี
หยวนชิงหลิงมาครั้งนี้ ย่อมต้องวัดความดันให้ทุกคน สอบถามสภาพร่างกาย
เด็กๆ จึงพากันไปเล่น
กวากวาไม่ได้อยู่กับพวกพี่ชาย แต่ไปยังสถานที่ที่เคยเกิดเพลิงไหม้เพียงลำพัง
ที่นี่ซ่อมแซมเสร็จแล้ว เจ้าห้าชดใช้เงิน พวกเขาคนมากกำลังเยอะ ก่อสร้างหอที่ถล่มลงมาด้วยตนเอง ทั่วทั้งบริเวณใช้อิฐเสียและไม้ ใช้วัสดุราคาถูก และเพราะพวกเขาลงมือทำกันเองจึงแทบไม่มีค่าแรง
กวากวาวนรอบจุดนั้นรอบหนึ่ง ประกายรอยยิ้มอยู่ในดวงตามากขึ้นเรื่อยๆ หมุนตัวกลับสักพักแล้ว ประกายก็กะพริบอีก กระทั่งนางเดินออกมาไกลสามจั้ง ด้านหลังก็เกิดแสงไฟพุ่งขึ้นท้องฟ้า!
เพลิงไหม้พัดโหมกระหน่ำ กว่าบรรดาชายชุดดำจะหิ้วถังน้ำมาก็เผาไปเกือบหมดแล้ว
ในเวลาเดียวกันก็เป็นเพลิงไหม้ที่มีขอบเขตมาก ไหม้แต่จุดตรงนั้น แต่ไม่ลามไปยังต้นไม้ใบหญ้ารอบๆ
กวากวากลับเรือนทิงหยู่เซวียนของอู๋ซ่างหวง ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อู๋ซ่างหวงกับหยวนชิงหลิงต่างรู้ว่าด้านนอกเกิดเพลิงไหม้ เดิมไม่ได้นึกโยงไปถึงกวากวา เพราะนางอยู่กับฉีฮั่วนานขนาดนี้ รู้ว่าต้องควบคุมไฟอย่างไร และนางก็มิใช่คนจิตใจโหดร้าย จะไม่วางเพลิงโดนไร้สาเหตุ
แต่พออ๋องชินเฟิงอัน ชายาและกลุ่มชายชุดดำหิ้วถังน้ำเดินมาอย่างโมโหเดือดแล้ว หยวนชิงหลิงก็มองไปทางกวากวาทันที คงไม่ใช่...?
กวากวานั่งอยู่บนเก้าอี้ ในมือถือจอกน้ำ ร่างเล็กกินที่ไม่ถึงครึ่งเก้าอี้ แลดูเรียบร้อยเชื่อฟัง
อ๋องชินเฟิงอันมองกวากวา นัยน์ตามีความดุดัน “เจ้ากวา! ใช่เจ้าวางเพลิงหรือไม่?”
อู๋ซ่างหวงปกป้องโดยสัญชาตญาณ “เหตุใดจึงคิดว่าเป็นนาง? นางอยู่ที่นี่ตลอด ไม่ได้ออกไปไหน พี่เหว่ยท่านอย่าได้ใส่ความนะ”
อ๋องชินเฟิงอันพูดด้วยความโมโห “เจ้าอย่าคิดจะปกปิดให้นางนะ องครักษ์เงาดำต่างเห็นว่านางออกมาจากที่เกิดเหตุ”
หยวนชิงหลิงมองกวากวา เคืองเล็กน้อย “ใช่เจ้าหรือไม่?”
กวากวาวางจอกแล้วกระโดดลงมา ย่อคำนับทางอ๋องชินเฟิงอัน รอยยิ้มหวานเปื้อนอยู่เต็มใบหน้าพริ้มเพรา “เสด็จลุงทวดเพคะ จนหม่อมฉันโตมาขนาดนี้ เคยวางเพลิงที่จวนอ๋องซู่แค่ครั้งเดียวนะ เสด็จลุงทวดก็ทรงทราบ ใช่ไหมเพคะ?”
อ๋องชินเฟิงอันผงะ มองกวากวา ทันใดนั้นก็พูดไม่ออก
พระชายาเฟิงอันจึงตงิดใจขึ้นมา ยื่นมือลากอ๋องชินเฟิงอัน “คืนสิ้นเมื่อหลายปีก่อน ที่เกิดเพลิงไหม้เพราะกวากวาเป็นผู้วางเพลิง บัดนี้ก็เกิดเพลิงไหม้อีก แต่นางกลับบอกว่านางวางเพลิงแค่ครั้งเดียว เจ้าว่ามันเป็นเพราะเหตุใดกัน?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...