ครั้นจิ้งเหอย้ายกลับจวนอ๋องเว่ย ทุกคนก็มาแสดงความยินดี
เจ้าเจ็ดอ๋องฉียังเจาะจงไปถามอ๋องเว่ยอีก ว่ายังจะอยู่ที่จวนอ๋องฉู่ต่อไม่กลับไปหรือ
อ๋องเว่ยอึดอัดใจจะแย่ ไม่มีคำพูด ชกเขาไปหมัดหนึ่ง เขาหรือจะไม่อยากกลับ แต่จะใช้ข้ออ้างอะไรเล่า?
‘ไสหัวไปซะ’ นุ่มๆ คำนั้นยังวนเวียนอยู่ในหัวสมองเขา
อย่างไรอ๋องเว่ยก็ไม่มีหน้าเอ่ยปาก บอกจะย้ายกลับไปอยู่สองสามวัน แต่ทุกเช้าตื่นขึ้นมาแล้วก็ไปเยี่ยมลูกๆ ที่จวนตัวเอง หวังจะได้เจอหน้าจิ้งเหอมากหน่อย
อยู่เมืองหลวงอย่างหน้าด้านครึ่งเดือน กระทั่งอาการบาดเจ็บของอ๋องอานแทบจะหายดีแล้วถึงกลับจวนเจียงเป่ยกับพวกเขา
อ๋องอานกลับเมืองหลวงครั้งนี้ ก็ถือว่าเปลี่ยนไปแบบกลับตาลปัตร
หลายปีมานี้เขาไม่มีใจคิดต่อต้าน และไม่อิจฉาริษยาเจ้าห้าด้วย แต่อย่างไรก็ไม่สนิท และไม่สำนึกบุญคุณสักเท่าไร
แต่หลังจากผ่านความเป็นความตายครั้งนี้มาแล้ว หยวนชิงหลิงช่วยรักษาให้กว่าครึ่งเดือนเต็ม ด้วยศักดิ์แห่งฮองเฮาออกจากวังมารักษาอาการบาดเจ็บให้เขา ปรับปริมาณยา สังเกตความคืบหน้าของบาดแผล หากอาการมีการเปลี่ยนแปลงก็จะเห็นนางร้อนรนและวังกลมาก
สัมพันธ์เครือญาตินี้ เขามองเห็นและสัมผัสได้ ไม่เสแสร้งสักนิด
เห็นได้ว่าฮองเฮาเห็นเขาเป็นครอบครัวจริงๆ
แน่นอนว่าเขาไม่รู้ว่าหยวนชิงหลิงไม่ได้คิดเรื่องพวกนี้ เห็นเขาเป็นแค่คนไข้ของตัวเองเท่านั้น หากอาการผู้ป่วยของนางมีการเปลี่ยนแปลง นางก็จะเฝ้าสังเกตเป็นพิเศษ ไม่ได้มีความคิดเครือญาติหรือครอบครัวอะไรทั้งนั้น อย่างมากก็แค่เห็นเขาเป็นแม่ทัพที่เฝ้าประจำอยู่ชายแดน พยายามรักษาให้เขาก็เท่านั้น
แต่การเข้าใจผิดนี้ก็เป็นสิ่งสวยงาม
ดังนั้นหลังจากกลับจวนเจียงเป่ย จึงคิดจะไปเมืองโร่ตูของหลานสาวกับเจ้าสามสักหน่อย เจ้าห้าเคยบอกว่าไว้กวากวากลับมาจะไปเมืองโร่ตูสักหน่อย ฉวยเวลาสองปีนี้จัดการเมืองโร่ตูให้สงบให้เร็วที่สุด
ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่อยากใช้ทหาร เพราะต้องการให้เกิดความสงบในระยะยาว การใช้ทหารไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด ได้แต่เปลี่ยนความคิดฝังลึกของพวกเขาจากการศึกษาและการดำรงชีวิต ทำการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ ให้ประชาชนรุ่นใหม่ของเมืองโร่ตูมีสายเลือดคนเป่ยถังไหลเวียนอยู่ในตัวกึ่งหนึ่ง เช่นนั้นอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า ปัญหาพวกนั้นก็จะค่อยๆ หมดสิ้นไปเอง
แต่เวลานี้แคว้นจินมีใจก่อความวุ่นวาย ยุยงเมืองโร่ตูให้ขัดแย้งกับเป่ยถัง นี่จึงทำให้ดำเนินตามกลยุทธ์เดิมไม่ได้ พวกเขาคิดจะไปดูสถานการณ์ก่อน หากถึงเวลาที่ต้องใช้ทหารจริง ก็จะปล่อยปละไปไม่ได้
ก็ขณะที่สองพี่น้องรวมตัวกันที่จวนอ๋องอาน คิดจะออกเดินทางไปเมืองโร่ตู ยามเฝ้าประตูกลับมารายงาน ว่าด้านนอกมีแม่นางน้อยผู้หนึ่ง บอกว่าเป็นลูกสาวของท่านห้าสหายเก่าของพวกเขา ต้องการมาขอความช่วยเหลือ
สองพี่น้องมองตากันแวบหนึ่ง รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ท่านห้าสหายเก่า? พวกเขามีสหายเก่าร่วมกันด้วยหรือ?
พวกเขาที่เป็นนักรบเช่นนี้ รู้จักท่านห้าอะไรที่ไหนกัน?
อ๋องอานถาม “เป็นแม่นางน้อย? แซ่อะไร?”
“เรียนท่านอ๋อง แม่นางน้อยท่านนั้นมิได้บอกว่าพ่ะย่ะค่ะ”
“แล้วนางมากับผู้ใด? ขี่ม้ามาหรือว่ารถม้า?”
“นางมาคนเดียวพ่ะย่ะค่ะ แต่จะมาอย่างไรนั้นข้าน้อยไม่ทราบ ไม่เห็นม้าและไม่เห็นรถม้าด้วย แต่ที่บ่ามีนกตัวงามอยู่ตัวหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”
ใบหน้าอ๋องเว่ยเปลี่ยนพลัน ที่บ่ามีนกตัวหนึ่ง นอกจากหลานสาวคนโตแล้วยังจะมีใครได้อีก?!
ท่านห้า...นั่นมิใช่น้องห้าหรือ?
อ๋องอานก็คิดขึ้นได้เหมือนกัน สองพี่น้องจึงออกไปทันที และเห็นเสี่ยวกวาจื่อยืนอยู่นอกประตูจริงๆ ครั้นเห็นพวกเขาแล้วก็ย่อคำนับด้วยรอยยิ้ม “หลานคารวะเสด็จลุงทั้งสองเพคะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...