อ๋องเว่ยเขียนจดหมาย ผูกไว้กับขาของนกส่งสาร มองมันพุ่งทะยานขึ้นฟ้าราวกับลูกธนู จากนั้นก็หายลับไปในอากาศอย่างรวดเร็ว เมื่อนั้นเขาจึงหันกลับ
พอเขาหันกลับมาพักหนึ่ง นกฟีนิกซ์น้อยก็ตามไป
ไม่รู้ว่าพิราบมีปมในใจหรือไม่ แต่หากมี เช่นนั้นก็ต้องฝังลึกแน่
เพราะมันถูกไล่บี้กลางอากาศเบรกเอี๊ยด รับกับนกฟีนิกซ์น้อยที่สยายปีกขวางทาง ตาหงส์เหี้ยมเกรียม ปีกที่สยายออกแทบปกคลุมมิด ยังไม่ทันได้ตั้งสติ เบื้องหน้าก็มืดสนิท ถูกคลุมอยู่ในปีก
ร้องก็ร้องไม่ออก
วันที่สี่หลังจากหยู่เหวินเจ๋อหลานถึงจวนเจียงเป่ย สี่วันมานี้อ๋องเว่ยพานางกับอานจือท่องไปทั่วจวนเจียงเป่ย เรียนรู้วัฒนธรรมพื้นบ้านของที่นี่ ศึกษาคุณภาพชีวิตของประชาชนที่นี่ และเข้าใจความลำบากของเหล่านักรบชายแดน
ได้เห็นลักษณะภูเขาและทิวทัศน์ของจวนเจียงเป่ย
สองวันแรกอานจือยังเดินตามได้ แต่จากนั้นเพราะไปหลายแห่งในวันเดียว ร่างกายนางรับไม่ไหว ดังนั้นจึงไม่ตามพวกเขาไป
แม้แต่พระชายาอานยังนับถือหยู่เหวินเจ๋อหลาน กำลังของนางดีมากจริงๆ ลงเขาทั้งวันมาถึงจวนกลับไม่เหนื่อยสักนิด
ส่วนอ๋องเว่ยที่ไปพร้อมกับนางกลับมีสีหน้าอ่อนล้า
ช่วงค่ำของวันที่สี่ก็ได้รับพิราบสื่อสารของหยู่เหวินเห้าจากเมืองหลวง
อ๋องอานดูก่อน จากนั้นก็ยื่นให้อ๋องเว่ย เอ่ย “น้องห้ารู้แล้ว”
อ๋องเว่ยหยิบมากางออก ยังไม่ทันได้ดูก็ตะลึง “เขียนมายาวขนาดนี้เชียว?”
ในจดหมาย เจ้าห้าบอกว่าเขาอนุญาตให้ฉีฮั่วพากวาจื่อไปเปิดหูเปิดตาที่จวนเจียงเป่ย แล้วลวดไปเมืองโร่ตู พักอยู่ที่เมืองโร่ตูสักสองสามเดือน อย่างไรนั่นก็เป็นเขตของนาง ให้นางรู้สึกผูกพันกับที่นั่น ในจดหมายยังกำชับเป็นพิเศษว่านางอยากทำอะไรก็ให้นางทำ ไม่ต้องก้าวก่าย และให้นางเจอกับอันตรายบ้างไม่ต้องป้องกัน จะปล่อยปละให้เคยตัวไม่ได้
อ๋องเว่ยรู้สึกแปลก เพราะด้วยนิสัยของเจ้าห้า จะบอกให้ลูกสาวไปเจอกับอันตรายอย่าให้เคยตัวได้อย่างไร? ตัวเขาเองยังเอาใจจะแย่ อย่าว่าแต่ให้ลำบาก แม้แต่พูดหนักสักนิดก็ยังทำไม่ลง
อ๋องอานเล็งเห็นความเคลือบแคลงใจของเขา จึงเอ่ย “เป็นลายมือของน้องห้าจริงๆ ตัวอักษร...ธรรมดาๆ”
“นั่นไม่เรียกว่าธรรมดา เรียกว่าห่วย!” อ๋องเว่ยพูดอย่างไม่เกรงใจ
แต่ก็เห็นด้วยกับคำพูดของเขา เป็นลายมือของน้องห้าจริงๆ
หยู่เหวินเจ๋อหลานจึงไขข้อข้องใจของพวกเขา เอ่ย “ท่านอาจารย์จะคุ้มครองหม่อมฉันอยู่ลับๆ เพคะ เสด็จพ่อก็เลยวางพระทัย ให้หม่อมฉันฝึกฝนสักหน่อย”
“จริงหรือ? เช่นนั้นอาจารย์เจ้าอยู่ที่ไหน? เหตุใดไม่บอกให้ออกมาเจอข้าสักหน่อย?” อ๋องเว่ยเอ่ย
หยู่เหวินเจ๋อหลานส่ายหน้า เอ่ย “ท่านอาจารย์นิสัยแปลกประหลาดเพคะ แต่ไหนแต่ไรก็ไม่ชอบพบปะผู้คน ชอบทำงานลับๆ เขาเอ็นดูหม่อมฉันมาหลายปี จะให้หม่อมฉันเจอกับอันตรายจริงๆ ได้อย่างไร เพราะฉะนั้นเสด็จลุงกับเสด็จป้าวางพระทัยได้เพคะ”
นางว่ามาแบบนี้ จดหมายของเจ้าห้าก็บอกไว้เช่นนี้เหมือนกัน เช่นนั้นก็น่าจะไม่มีปัญหา
พวกเขาต่างเคยพบกับฉีฮั่วอาจารย์ของนาง เป็นคนพิลึกกึกกือจริงๆ พูดจาก็ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่เคยช่วยเป่ยถังในสนามรบมาก่อน เชื่อถือได้
กอปรกับกวาจื่อเป็นศิษย์ของเขา น่าจะไม่ยอมเห็นศิษย์เสี่ยงภัยเป็นแน่ หากไปเมืองโร่ตู เขาก็จะคุ้มครองอยู่ลับๆ
ไม่ว่าอย่างไร ถึงฉีฮั่วจะไม่ได้คุ้มครองทางลับ พวกเขาทั้งสองก็เดินทางด้วย ย่อมไม่ให้หลานสาวเกิดเรื่อง แถมก่อนที่กวาจื่อจะมา พวกเขาก็คิดจะไปเมืองโร่ตูอยู่แล้ว
ในเมื่อกำหนดได้แล้ว ก็เตรียมตัวออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น
แรกเริ่มอานจืออยากตามไปด้วย แต่หยู่เหวินเจ๋อหลานไม่ให้นางไป บอกว่านางไม่เคยเรียนยุทธ์ และระหว่างทางก็เหนื่อยมาก ยั้งนางไว้
อานจือรู้สึกว่าเมืองโร่ตูไม่มีอะไรน่าชม ก่อนหน้านี้มักได้ยินเสด็จพ่อบอกว่าทางนั้นวุ่นวายและอันตรายมาก ที่นางอยากไปก็แค่เพราะไปเป็นเพื่อนน้องเท่านั้น บัดนี้เมื่อได้ยินนางบอกว่าไม่ต้องไปเป็นเพื่อน ก็ย่อมไม่ดึงดันไปอยู่แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...