ความเปรมปรีดิ์ของแม่นางโจวคงอยู่ไม่นาน หลังจากเจ๋อหลานกินอาหารเสร็จ เช็ดปากแล้วก็มองนางพลางเอ่ย “ไม่ เจ้าคิดผิดแล้ว หากต้องการขจัดปัญหาของเมืองโร่ตูจริงๆ ยังต้องใช้เวลาอีกนาน นั่นไม่เหมือนกับโจรภูเขา คนชั่วบนเขาลั่งซ่านเผาได้ในคราเดียว แต่ปัญหาสังคมของที่นี่ อย่างไรก็ฆ่าล้างบางไม่ได้”
แม่นางโจวอึ้ง นางตะลึงพรึงเพริดเกินไปจึงพูดเรื่องที่ตนคิดออกมาหรือ? แต่นางจำได้ว่านางไม่ได้พูดนี่ เห็นท่าทางนัยน์ตาเป็นมิตรที่มองมาของนายน้อยแล้ว นางก็ปัดความทรงจำของตนทันที นางต้องพูดออกไปแน่!
“ข้าจะอยู่ที่เมืองโร่ตูประมาณหนึ่งปี หนึ่งปีนี้เรื่องที่เราทำได้มีขีดจำกัด แต่อย่างน้อยก็กำจัดความวุ่นวายได้ส่วนหนึ่ง สำหรับความสมานฉันท์ระหว่างชนเผ่าในอนาคต การหลอมรวมทางวัฒนธรรม ความเคยชินในการดำรงชีวิตจนไปถึงการสวามิภักดิ์ต่อราชสำนักนั้น ยังต้องใช้เวลาอีกนานจริงๆ”
“เพคะ เพคะ ข้าน้อยยินดีให้ความร่วมมือกับเจ้าหญิงน้อย”
เจ๋อหลานยิ้มบาง “ไม่ เหล่าโจว เป็นข้าที่ให้ความร่วมมือกับเจ้า ข้ายังไม่ได้รับเมืองโร่ตูมาปกครองอย่างเป็นทางการ เวลานี้เจ้านั่นแหละถึงจะเป็นผู้ดูแลเมืองโร่ตูที่แท้จริง”
“ข้าน้อยมิกล้า มิกล้าเพคะ!” แม่นางโจวรีบเอ่ย ต่อหน้านายน้อย จะบอกว่าตนเป็นผู้ดูแลหลักได้อย่างไร? นี่เป็นการล่วงเกินอย่างสูง
แม่นางโจวไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ ตนจึงกลายเป็นคนประจบขึ้นมาเสียอย่างนั้น แต่เพลิงไหม้ที่เขาลั่งซานทำให้นางสะเทือนไปถึงจิตวิญญาณ แล้วยังยินดียอมรับศิโรราบจากใจจริง
“ให้เจ้าทำอย่างไร เจ้าก็ทำเช่นนั้นเถอะ” เจ๋อหลานลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก “ข้าจะนอนสักเดี๋ยว ง่วงนิดหน่อย ยามจื่อเรียกข้าตื่นมากินมื้อดึกนะ”
นางเคยชินกับการกินวันละสามมื้อ ตอนเช้ากินผลไม้ถือว่ามื้อหนึ่ง เวลานี้แม้จะค่ำแล้วแต่ก็จัดเป็นได้แค่มื้อเที่ยง ยามจื่อตอนนั้นถึงจะเรียกว่ามื้อเย็น
ความเคยชินมิอาจเปลี่ยน
อุ๊ยๆๆ ทันใดนั้นเมื่อนางโจวก็แตกตื่น วิ่งจู๊ดด้วยความเร็วร้อยเมตรไปทางตลาด
ปกติในจวนไม่มีผักเหลือค้าง แต่ถึงจะมี อาการร้อนเช่นนี้ ถึงยามจื่อก็เหี่ยวหมดแล้ว วันนี้นายน้อยเหน็ดเหนื่อยจริงๆ จะกินอาหารที่ไม่สดใหม่ไม่ได้
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม แม่นางโจวก็แบกวัตถุดิบอาหารกลับมาหนึ่งเข่ง ไก่หนึ่งตัว เป็ดหนึ่งตัว เนื้อไร้มันเล็กน้อย ผลไม้ผักสดเป็นกอง นางเข้าครัวด้วยตนเอง ทำอาหารมื้อใหญ่ให้นาย
นางเคยเห็นปริมาณกินของนายน้อยมาก่อน นางรู้ว่านายน้อยสามารถกินของในเข่งคนเดียวได้กว่าครึ่ง
เพื่อเอาใจนาง ยังรวบรวมหญิงในจวนมาทำขนมจำนวนหนึ่ง
ที่จริงสมัยก่อนคนทั้งจวนกระทั่งทั้งเมืองโร่ตู มีเพียงไม่กี่คนที่ทำขนมเป็น เป็นหูหมิงที่มาลาดตระเวนในตอนหลังสอนพวกนางทำขนม ให้นางเผยแพร่ออกไป ให้ประชาชนเมืองโร่ตูสัมผัสวัฒนธรรมการกินดื่มของเป่ยถัง
แต่ทั้งหมดก็แค่ไม่กี่อย่าง ที่ทำเป็นก็มีเพียงไม่กี่คน
ด้วยเหตุนี้ ขนมจึงเป็นของหายากมาก
แม่นางโจวหมกตัวอยู่ในครัวตลอดทั้งคืน เริ่มเตรียมมื้อเย็นให้นายน้อย
รอจนทำเสร็จ จัดวางอยู่บนโต๊ะในห้องโถง ก็ใกล้ได้เวลาพอดี ดังนั้นจึงไปเฝ้าอยู่ในเรือนของนายน้อย รอนางตื่นขึ้นมา
ฆ้องยามสามเคาะแล้ว แต่นายน้อยกลับไม่มีความเคลื่อนไหว นางจึงเคาะประตูอยู่ด้านนอก พักหนึ่งก็มีเสียงเจ๋อหลานแว่วออกมาจากข้างใน “เดี๋ยวนี้แหละ!”
นางเอ่ย “เจ้าหญิง ข้าน้อยจะรออยู่ที่ห้องโถงนะเพคะ”
ว่าแล้วนางก็หมุนตัวเดินกลับ
ครั้นถึงห้องโถงกลับเห็นข่งเยี่ยนพาคนอีกจำนวนหนึ่งนั่งกินข้าวอยู่ที่โต๊ะกันยกใหญ่ อาหารทั้งโต๊ะ กินไปแล้วกว่าครึ่ง
แม่นางโจววิ่งเข้าไปราวกับคนบ้า เท้าเอวตะคอก “ใครให้พวกเจ้ากิน?! นี่เป็นอาหารของเจ้าหญิงน้อย อาหารพวกเจ้าอุ่นอยู่ในหม้อ!”
ข่งเยี่ยนและคนอื่นๆ หาเสียงหนึ่ง ลุกขึ้นยืนพรวด “จริงหรือ? ข้านึกว่านี่เป็นอาหารที่ทิ้งให้พวกเรา กลับมาหิวจะแย่ ยังไม่ได้เข้าห้องครัวเลย เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี?”
แม่นางโจวโมโหพลุแตก “ยังไม่รีบเก็บกระดูกอีก?”
นางมองอาหารแวบหนึ่ง ไก่หนึ่งตัว เหลือแต่ตีนไก่ ตูดไก่ กับเนื้ออกไม่กี่ชิ้น เป็ดตุ๋นก็เช่นกัน อาหารจานอื่น ส่วนที่อร่อยก็ถูกกินไปหมดแล้ว เหลือแต่ที่ไม่อร่อย ขนมสองสามจานก็เหลือเพียงสามชิ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...