บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1586

ในใจหยวนชิงหลิงเจ็บปวดขึ้นมา

ไม่ใช่เป็นเพราะเรื่องยา แต่เป็นเพราะประโยคที่เจ้าหาพูด เขากับพวกเขามีความแตกต่างกัน ซึ่งเป็นเช่นนั้นจริง

เมื่อก่อนมักจะไม่ยอมคิดถึงปัญหาข้อนี้ ไม่ใช่ว่าใครเก่งหรือใครอ่อนแอ แต่เจ้าห้าไม่เป็นเหมือนอย่างพวกเขา ไม่สามารถล้างเซลล์แห่งความชราได้ นั่นก็หมายความว่า หากไม่เกิดเหตุสุดวิสัยในชีวิต ความเจ็บป่วยหรือความชรา โดยพื้นฐานแล้วพวกเขาสามารถผ่านพ้นได้

แต่เจ้าห้าทำไม่ได้

เรื่องนี้ถึงแม้จะไม่เคยพูดกับเจ้าห้า แต่ในใจของเขายังคงมีความคิดคาดเดาเช่นนี้อยู่

เพราะเขาเคยเห็นพวกลูกๆสามารถรักษาบาดแผลให้หายเองได้ เมื่อนำมาเปรียบเทียบ ที่จริงเป็นเรื่องที่ง่ายมากที่จะคิดได้ในด้านนี้

แต่ที่ผ่านมาเขาไม่เคยพูด

หยู่เหวินเห้ามองดูนาง ในใจพอรู้ว่านางคิดอะไรอยู่

นี่เป็นความผูกพันกันระหว่างสามีภรรยา มีจิตใจที่เชื่อมโยงต่อกัน บ่อยครั้งที่พวกเขามีความคิดที่เชื่อมโยงกัน

หลังจากที่เจ้าหยวนผ่านการผ่าตัด นางก็ไม่เคยแก่ลง ไม่มีเลยสักนิด แม้ว่าบางครั้งที่นางตั้งใจสวมเสื้อผ้าสีค่อนข้างแก่ แต่นางก็ยังดูอ่อนเยาว์ขนาดนั้น

ส่วนเขาเริ่มมีผมหงอกหลายเส้นแล้ว นี่อาจเป็นเพราะทำงานให้กับประเทศเหนื่อยเกินไป แต่ยิ่งมากไปกว่านั้นก็คือ เขาได้ก้าวไปสู่สถานะที่เขาควรจะอยู่ในวัยของเขาทีละขั้น

ห่างตาของเขายังไม่มีรอยเหี่ยวย่น เขาก็ยังไม่แสดงให้เห็นถึงสภาพร่างกายที่แก่ลง แต่เขารู้ว่านี่เป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้าก็เร็ว

ฉีดยาอะไรนั่น แค่พูดพลั้งปากไป ไม่ได้อยากฉีดจริงๆ

ที่จริงหากเจ้าหยวนไม่มีวันแก่ตลอดไป ไม่มีวันตายตลอดไป เขาจะดีใจและมีความสุขมาก

แต่ในใจก็ยังคงมีความรู้สึกไม่ดี นั่นก็คือหลังจากนี้อีกหลายสิบปี ในชีวิตของเจ้าหยวนก็จะไม่มีเขาอีกต่อไป

เรื่องพวกนี้ห้ามคิด เมื่อคิดแล้วในใจก็จะรู้สึกเป็นกังวล

ห้ามคิดถึงอีก ควรให้ความสำคัญกับการที่มีนางอยู่ด้วยทุกวัน ให้ความสำคัญทุกช่วงเวลาที่มีนางอยู่ด้วย

ช่วงนี้เขาค่อนข้างมีความเชื่อเรื่องโชคชะตา คิดว่าในเมื่อพรหมลิขิตส่งเจ้าหยวนมาข้างการเขา ก็จะต้องมีการวางแผนอย่างอื่น

เช้าวันรุ่งขึ้น ทั้งครอบครัวพากันมายังจวนอ๋องซู่ เดิมคิดว่าพวกเขาจะตื่นตั้งแต่เช้า ยังไงคนมีอายุก็มักจะนอนได้ไม่นาน

แต่เมื่อมาถึงจวนอ๋องซู่ ประตูใหญ่กลับปิดสนิท แม้แต่คนเฝ้าหน้าประตูก็ไม่เห็นใคร

ซาลาเปาเดินไปเคาะประตู ไม่มีคนตอบกลับ หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างค่อนข้างตื่นเต้นว่า “ เกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วหรือเปล่า?”

“ข้าเข้าไปดู” ซาลาเปาพูดแล้วก็กระโดดบินลอยเข้าไป

น้อยครั้งที่จะเห็นลูกชายเผยความสามารถเช่นนี้ออกมา หยู่เหวินเห้าอึ้งไปในทันใดพร้อมพูดขึ้นว่า “ ฝีมือการต่อสู้ของซาลาเปาดีขนาดนี้เลยหรือ?”

หยวนชิงหลิงอยากพูดว่านั่นไม่ใช่ฝีมือการต่อสู้ แต่เมื่อคิดถึงหัวข้อที่คุยกันเมื่อวาน กลัวว่าเขาจะคิดไปเรื่อยเปื่อยจึงพูดขึ้นว่า “ข้าก็แปลกใจมาก วิชาตัวเบาของเขาดีขนาดนี้”

ซาลาเปาเข้าไปแล้วก็เปิดประตู ทุกคนต่างก็พากันเข้าไป

ทั่วทั้งจวนอ๋องซู่ว่างเปล่า ไม่มีคนอยู่สักคน สิ่งของทุกอย่างยังวางอย่างเป็นระเบียบมาก เป็นระเบียบอย่างน้อยครั้งที่จะเห็น เห็นได้ชัดว่าเคยผ่านการจัดการเก็บกวาด

“น่าแปลก ไปไหนกันแล้ว?” หยวนชิงหลิงก็รู้สึกตกใจสงสัย ปีใหม่แบบนี้พวกเขาจะไปไหนได้?

ทุกคนหาทุกห้องนอนแล้วหนึ่งรอบ แม้แต่ยายชิวก็ไม่เห็นแล้ว หยวนชิงหลิงนับยาที่ให้ไว้ พบว่ามีการนำไปด้วยเลยปริมาณสองวัน นั่นก็เท่ากับว่าพวกเขาวางแผนที่จะออกไปสองวัน

“ในห้องโถงมีกล่องใบหนึ่งตั้งไว้ ข้าเปิดดูแล้วข้างในล้วนเป็นอั่งเปา” ทังหยวนรีบวิ่งมาพูดอย่างรีบร้อน

“อั่งเปา?” หยู่เหวินเห้ารีบวิ่งไปที่ห้องโถงทันที

ใต้โต๊ะในห้องโถง มีกล่องใบหนึ่งวางอยู่ ถูกทังหยางเปิดแล้ว เป็นอั่งเปามากมายที่ใช้กระดาษสีแดงหอไว้ บนห่อกระดาษสีแดงเขียนชื่อติดไว้ จวนอ๋องทุกบ้านล้วนมีหนึ่งอัน

ข้างล่างยังมีกระดาษแผ่นหนึ่ง เขียนอักษรไว้หลายตัว รอยอักษรทะลุถึงข้างหลัง เห็นได้ชัดว่าตื่นเต้นอย่างมาก

จากนั้น อาหารค่ำวันส่งท้ายปีเก่าเมื่อคืนนี้เป็นการปิ้งย่าง

อาหารที่เขาเตรียมไว้อย่างดี ตนเองไม่ได้ทานสักคำ ในถ้วยก็ถูกกองไปด้วยเนื้อย่างหลายชิ้น

เขาไม่ชอบของปิ้งย่างเลยจริงๆ อายุมากแล้ว ต้องรู้จักดูแลสุจภาพ ทานของสดใหม่ ทำอาหารง่ายๆ แบบบ้านๆ ไม่ดีกว่าหรือ?

ฮู่ไท่เฟยกับองค์ชายสิบกลับเล่นกับพวกเขาได้อย่างสนุกสนาน เมื่อก่อกองไฟ เขาก็ต้องถือดาบสู้กับอู๋ซ่างหวง

ฝันร้ายของทุกปี วนกลับมาอีกแล้ว ยังมาแบบไม่ทันตั้งตัว

พวกคนเฒ่าสนุกกันจนถึงเที่ยงคืนค่อยนอนหลับ

เดิมคิดว่าวันนี้จะนอนถึงเที่ยงวัน ที่ไหนได้ตื่นขึ้นมาตีฆ้องตีกลองตั้งแต่เช้าตรู่ เขาออกมาดูพร้อมขอบตาดำ ซึ่งกำลังเชิดสิงโตเชิดมังกรกัน ครึกครื้นจนสั่นสะท้านไปทั่วทั้งภูเขา

อดไม่ได้ที่จะต้องถอนหายใจ ยังคงเป็นคนแก่ที่ร่างกายแข็งแรงจริงๆ พวกเขาในวัยกลางคนพวกนี้ รับไม่ได้จริงๆ

และดูท่าทีแล้ว ยังจะมีอีกเยอะ ไม่รู้ว่าจะเดือดร้อนกันไปถึงเมื่อไหร่?

ฝ่าบาทหมิงหยวนหงุดหงิดอย่างมาก โชคดีที่ตอนบ่าย พวกเจ้าห้าพากันมาทั้งครอบครัวแล้ว ฝ่าบาทหมิงหยวนไม่เคยคิดถึงลูกชายมากขนาดนี้เลย ตื่นเต้นจนไปจับมือเขาไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “ในที่สุดพวกเจ้าก็มาเสียที"

เสด็จพ่อตื่นเต้นขนาดนี้ พวกที่เป็นลูกก็ดีใจ แต่ทุกคนต่างก็รู้ คงไม่ใช่เพราะคิดถึง แต่เป็นเพราะมีคนมาช่วยแล้ว

ทั่วทั้งหมู่ตึกเหมย ครั้งนี้เดือดจัดขึ้นมาจริงๆแล้ว

ราชวงศ์ฉลองปีใหม่ ไม่เคยขอไปทีขนาดนี้มาก่อน ทุกคนกลับมีความสุขกันถ้วนหน้า แม้แต่ยายชิวที่กำลังป่วย ยังเผยรอยยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

ตอนที่เจ้าห้ามีเวลาว่างได้ฝึกเพลงดาบ เดิมตั้งใจจะโชว์ตอนปีใหม่ ตอนนี้ถือว่าได้โอกาสแล้ว จึงแสดงโชว์ทุกคน เป็นที่ชื่นชมยิ่งนัก

พวกเด็กๆก็มีวิธีเล่นเป็นของตนเอง กลุ่มพวกเด็กๆวิ่งไปทั่วภูเขาเหมือนอย่างลิง ขุดรูหนู ปีนต้นไม้ พวกซาลาเปานำพากลุ่มน้องชายน้องชายเสียคนแล้วจริงๆ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน