บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1592

ทางด้านเจ๋อหลานเพิ่งรู้จุดประสงค์ของฝ่าบาทน้อยแคว้นจิน ที่แท้ก็มาเพื่อบอกข่าวร้าย บอกว่าจะต้องบอกให้ครอบครัวเจ้าห้ารู้ เจ๋อหลานตายอยู่ที่แคว้นจิน ศพไม่รู้หายไปไหน ให้พวกเขาสร้างสุสานแห่งหนึ่งให้กับเจ๋อหลาน นางจะได้หาทางกลับบ้านถูก ไม่ต้องเป็นวิญญาณเร่ร่อน

เจ๋อหลานฟังแม่นางโจวมารายงาน แล้วก็ค่อนข้างแปลกใจ ฝ่าบาทน้อยคนนี้คิดว่านางตายแล้วจริงหรือ? คนคนนี้ช่างซื่อสัตย์ดี ยังรู้จักสั่งคนมาตามหาครอบครัวของนาง นางจะได้ไม่กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน

“งั้นเขาคงต้องผิดหวังแล้ว ในเมืองมีคนชื่อเจ้าห้า แต่เจ้าห้าที่มีลูกสาวชื่อเจ๋อหลาน น่าจะไม่มี” เจ๋อหลานพูดขึ้น

แม่นางโจวกลับหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่นะ เขาหาเจอแล้ว เป็นหมู่บ้านทางซีจื่อหลิน มีคนครอบครัวหนึ่งชื่อเจ้าห้า และก็มีลูกสาวชื่ออาหลานคนหนึ่ง หายสาบสูญไปแล้วกว่าครึ่งปี และเจ้าห้าคนนี้สูญเสียขาทั้งคู่ตอนแผ่นดินไหว คนที่ชื่ออาหลานคนนี้ยังมีพี่สาวคนหนึ่ง ฝ่าบาทน้อยแคว้นจินสั่งคนพาพวกเขาไปแล้ว”

“บังเอิญขนาดนี้เลยหรือ?” เจ๋อหลานพูดขึ้น

“จะไม่บังเอิญขนาดนั้นหรือ? เจ้าห้าคนนั้นยังคิดว่าลูกสาวของตนตายแล้ว ร้องห่มร้องไห้และยังจัดงานศพ จากนั้นก็พาลูกสาวคนโตตามคนของฝ่าบาทน้อยไป”

เจ๋อหลานหัวเราะ เป็นเรื่องบังเอิญอย่างสมจริง

เพียงแต่ว่า ลูกสาวของเขาชื่ออาหลาน เขากลับบอกฝ่าบาทน้อยว่า นางชื่อเจ๋อหลาน

แต่ก็ต่างกันเพียงอักษรเดียว ไม่มีใครสนใจ ยังไงฝ่าบาทน้อยแคว้นจินก็ทำเพื่อตอบแทนบุญคุณ ให้ตนเองได้สบายใจ เรื่องนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด กลับก็ไม่ได้ส่งผลเสียหายอะไร

แต่ฝ่าบาทน้อยแคว้นจิน เวลาจัดการเรื่องนี้ หรือว่าสถานการณ์ภายในแคว้นจิน เกิดการเปลี่ยนแปลง?

ผ่านปีใหม่ปีนี้ไป ฝ่าบาทน้อยแคว้นจินก็อายุครบสิบสี่แล้ว หากได้รับการสนับสนุนจากเหล่าขุนนางในราชสำนัก ก็สามารถที่จะยึดอำนาจกลับคืนมาได้จริง

ในฐานะคนรู้จักกัน หวังว่าเขาจะสามารถกู้สถานการณ์กลับคืนมาได้

แน่นอนว่าหากเขาสามารถกู้สถานการณ์กลับมาได้ ถือเป็นเรื่องดีสำหรับเมืองโร่ตู

รอเมื่อเขาได้ครองอำนาจอย่างแท้จริงแล้ว นางจะต้องไปสักครั้ง คุยเจรจากันเรื่องขุดเหมือนของระหว่างทั้งสองเมือง

สวีอีกลับไปได้สองวัน เหลิ่งจิ้งเหยียนทั้งครอบครัวสามคนพร้อมลิงมาถึงเมืองโร่ตู มาถึงในฐานะข้าหลวงต่างพระองค์ของราชสำนัก ก่อนที่จะมาถึง ก็ไม่รู้ว่าทำไมข่าวถึงแพร่กระจายไปทั่วแล้ว บอกว่าพระราชสำนักส่งข้าหลวงต่างพระองค์มาเพื่อตรวจตราและช่วยเหลือฟื้นฟู

เมืองโร่ตูเมืองชายแดนแห่งนี้ เป็นเมืองที่ได้รับการให้ความสำคัญจากราชสำนักอีกครั้ง ชาวบ้านต่างบอกต่อๆกัน อย่างตื่นเต้น

โดยเฉพาะ ข้าหลวงต่างพระองค์ยังเป็นกันเอง ไม่ได้มาอย่างว่างท่าใหญ่โต แสดงว่าไม่ได้มาเพื่อวางมาดความเป็นขุนนาง

และก็มีคนบอกว่า ใต้เท้าข้าหลวงต่างพระองค์เป็นถึงโสวฝู่ เป็นขุนนางมีอำนาจรองจากฝ่าบาทเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าราชสำนักให้ความสำคัญเมืองโร่ตูอย่างมากจริงๆ

ความเชื่อมั่นในใจของชาวบ้านเพิ่มขึ้นอีกระดับ ความภักดีที่มีต่อราชสำนักก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน

เมื่อก่อนชาวบ้านต่างไม่พูดว่าตนเองเป็นคนเป่ยถัง เป็นปฏิปักษ์จากภายในใจ แต่ตอนนี้ทุกคนนั่งคุยอยู่ด้วยกัน เรื่องภายในประเทศที่พูดถึงกลับไม่ใช่เป่ยโม่อีกต่อไปแล้ว

หากมีคนพูดว่าเป่ยถังเราเป็นยังไงอย่างไร ทุกคนจะเงียบไปสักพัก จากนั้นต่างก็พูดเสริมจากเขา ทุกคนจะไม่พูดออกมาว่าตนเองเป็นคนเป่ยถัง แต่ก็ไม่ปฏิเสธสถานะนี้แล้ว

มาถึงเมืองโร่ตู ในใจเหลิ่งหมิงหยู่ดีใจอย่างมาก แต่เด็กคนนี้เคยชินกับการสุขุม ไม่แสดงท่าทีโกรธหรือดีใจ ดังนั้นต่อให้ในใจดีใจแค่ไหน แต่ก็ไม่แสดงออกมา เข้าๆออกๆกับพี่สาวทุกวัน ก็ไม่พูดอะไรสักคำ แต่ก็ชื่นชมในความตั้งใจและความกล้าหาญของพี่สาวอย่างจริงใจ

ภายในของหัวใจเด็กตัวน้อย มุ่งมั่นตั้งใจว่าต่อไปจะคอยติดตามพี่สาว

เขาก็แอบถามเจ๋อหลานว่า “พี่สาว ต่อไปข้าสามารถทำงานอยู่ข้างกายเจ้าได้ไหม?”

เจ๋อหลานหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “ได้สิ แต่เจ้าต้องฝึกฝีมือการต่อสู้ก่อน ฝีมือการต่อสู้ของเจ้าฝึกได้เป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน