ทังหยางคิดว่าตนเองรู้จักผู้หญิงเป็นอย่างดี โดยเฉพาะแม่นางเจ็ดอุปนิสัยค่อนข้างเข้มแข็ง และนางก็เคยชินกับการอยู่คนเดียว มีชีวิตอยู่อย่างอิสระ ไม่จำเป็นต้องผูกมัดอยู่กับเขา
แต่นั่นคือสิ่งที่เขาคิดไปเองว่ารู้ดี
กลับไม่รู้ว่าใจผู้หญิงนั้นมักแปรปรวน คนที่เข้มแข็งแค่ไหน มีบางครั้งที่ต้องการความอ่อนโยน แม่นางเจ็ดอยู่ตัวคนเดียวมานานขนาดนี้ บนที่สูงอากาศเหน็บหนาว ตอนนี้ถึงวัยกลางคนแล้วรู้สึกเหงาขึ้นมาแล้ว
มีใครสักคนอยู่ข้างกาย บางทีชีวิตคงไม่เป็นอย่างนี้
อาจมีความเป็นไปได้มากมาย
แน่นอนว่าอาจจะแย่ก็เป็นได้
แต่คติประจำตระกูลของตระกูลหยวน นอกจากความจงรักภักดีและรักชาติ ก็มีเพียงอีกสองคำ นั่นก็คือกล้าหาญ
ไก่ที่ตระกูลหยวนเลี้ยง ล้วนกล้าหาญกว่าคนอื่นๆ
นางเคยประสบความล้มเหลวมาแล้วครั้งหนึ่ง แค่บอกว่าไม่เชื่อมั่นในความรักอีกต่อไป นี่คือความกล้าหาญแล้วหรือ?
แน่นอน นางไม่ได้จะต้องหาทังหยางเท่านั้น สามารถหาคนอื่นที่เหมาะสมแล้วใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างกล้าหาญอีกสักครั้ง
ส่วนทังหยาง หากเขายอมเปิดปากพูด ยังมีความคิดเช่นนี้อยู่ ก็จะให้โอกาสเขาสักครั้ง
เพราะนางไม่สามารถโกหกตนเอง ผ่านมาหลายปีขนาดนี้ คนเดียวที่เดินเข้ามาในหัวใจของนาง มีเพียงเขาคนเดียว
บางทีอาจจะต้องลอง ถึงจะรู้ว่าสุดท้ายเหมาะสมหรือไม่
หรือบางที ที่จริงคิดว่าเขาเหมาะสม เพียงเพราะตนเองปิดกั้นหัวใจ ไม่ให้คนอื่นมีโอกาสเดินเข้ามา นี่จึงเป็นภาพลวงตา
รอกลับถึงเมืองหลวง หากเขายังไม่พูด
หลังจากเจ๋อหลานตามแม่นางโจวออกไปแล้ว ก็ถามแม่นางโจวว่า “ทำไมใต้เท้าทังถึงเป็นคนไม่ดี?”
“เพราะเขาแอบมองผู้หญิง”
“เขาชอบป้าเจ็ด มองป้าเจ็ดไม่ได้หรือ?”
แม่นางโจวคิดว่าเจ้าหญิงยังไม่รู้เรื่องพวกนี้ นางต้องสอนเจ้าหญิงถึงจะถูก จึงพูดขึ้นมาอย่างจริงจังว่า “ผู้ชายคนหนึ่ง หากรักชอบผู้หญิงคนหนึ่ง ปกติจะมองตานาง ไม่จ้องมองส่วนอื่น ดังนั้นใต้เท้าทังไม่ได้ชอบแม่นางเจ็ด”
“อ้อ เหมือนอย่างพี่ชายหูหมิงมองตาเจ้าแบบนั้นหรือ? พี่ชายหูหมิงชอบเจ้าหรือ?” เจ๋อหลานถามขึ้นด้วยสายตาเป็นประกาย
แม่นางโจวอึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “นี่....เพราะเขาพูดคุยกับข้า ดังนั้นจึงจ้องมองตาข้า จ้องมองตาไม่ได้แปลว่ารัก นี่คือมารยาท”
“ดังนั้น การรักคนคนหนึ่งต้องมีมารยาทหรือ?” เจ๋อหลานเอียงหัว พร้อมถามขึ้นอย่างครุ่นคิด
แม่นางโจวคิดไปคิดมา แล้วก็พูดขึ้นว่า “อืม คนเราต้องมีมารยาท กับความรักก็ต้องมีมารยาท"
“อ้อ” เจ๋อหลานพยักหัวอย่างรู้บ้างไม่รู้บ้าง นางไม่รู้เรื่องความรักจริงๆ ไม่ใช่เรื่องที่ช่วงวัยของนางควรรู้
แต่ว่าเมื่อก่อนอาจารย์เคยพูดถึงเรื่องอาจารย์แม่เยว่เอ๋อ เขาบอกว่าอาจารย์แม่ตามตื้อจีบเขา เริ่มแรกเขาไม่ชอบนางอย่างมาก ตามตื้อจนไม่รู้จะทำยังไง และเห็นว่านางก็ว่าสวย จึงยอมรับนาง
แต่เริ่มตั้งแต่ที่เขายอมรับ ชีวิตที่เหลือคือฝันร้าย
น่าจะเป็นเพราะอาจารย์แม่ไม่มีมารยาท
เจ๋อหลานจึงไปหาทังหยาง ดึงมือเขาไปเดินเล่น จากนั้นก็พูดโน้มน้าวเขาว่า “ใต้เท้าทัง หากท่านรักป้าเจ็ด ท่านก็ต้องให้เกียรตินาง ตอนที่พูดคุย ต้องมองตานาง ไม่ควรมองที่อื่น”
ทังหยางรู้แล้วว่าคนพวกนั้นสอนเจ้าหญิงไปในทางที่ผิดแล้ว จึงรีบพูดขึ้นว่า “เจ้าหญิงอย่าเข้าใจผิด ข้าไม่มองตรงส่วนอื่น”
“งั้นเวลาที่เจ้าพูด ได้มองตานางไหม?”
“มอง...ไม่ได้มอง มองตานางไม่ได้” ทังหยางไม่ค่อยกล้ามองสบตานาง แต่จะชอบมองหน้านาง และกล้าที่จะจ้องมองเมื่อนางไม่มองเขา
“ทำไมถึงมองตาของนางไม่ได้?” เจ๋อหลานไม่เข้าใจ
ทังหยางครุ่นคิด แล้วก็พูดขึ้นว่า “เพราะเวลามองตาของนาง ในใจจะเจ็บปวด หวาดกลัว กระวนกระวาย ทำตัวไม่ถูก แม้แต่คำพูดก็พูดไม่ออก"
เจ๋อหลานดึงมือของเขา มองดูเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นเจ้ามองตาข้าแล้วพูดดู”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...