บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1657

สรุปบท บทที่ 1657 สวีอีพูดถูกแล้ว: บัลลังก์หมอยาเซียน

ตอน บทที่ 1657 สวีอีพูดถูกแล้ว จาก บัลลังก์หมอยาเซียน – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1657 สวีอีพูดถูกแล้ว คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยาย จีน บัลลังก์หมอยาเซียน ที่เขียนโดย ลิ่วเยว่ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

กองไฟถูกก่อขึ้น ทุกคนต่างก็ยุ่งขึ้นมา

พวกหญิงชราต่างก็ห่อเกี๊ยวอยู่ในห้องครัว พวกชายชราต่างก็ล้อมวงกันอยู่ข้างนอก ทั่วทั้งหอจัยซิง มีคนมากมาย

หยู่เหวินจี๋ยังคงนิ่งอยู่ข้างกายของสองสามีภรรยาอ๋องชินเฟิงอัน ผู้อาวุโสทั้งสามนั่งอยู่บนพื้น ฮ่องเต้ฮุยจงและองค์รัชทายาทก็หาตำแหน่งที่เหมาะสมในการนั่งได้แล้ว

ส่วนโพ่ตี้อวี้คนนั้นดูเหมือนจะไร้ความสนใจ ปิ้งย่างกินแล้วร้อนใน กลับไปไม่รู้ว่าต้องดื่มยาแก้ร้อนในอีกเท่าไหร่

พวกเขาเคยพูดคุยปรึกษากันถึงเรื่องการเมืองอย่างดุเดือด ตอนนี้ พวกเขาก็ยังคงพูดถึงการปกครองประเทศของหยู่เหวินเห้าเช่นกัน ว่าทำอย่างไรจึงเจริญ ทำอย่างไรให้รุ่งเรือง

ไม่ช้าก็ถูกแสงไฟและกลิ่นของเนื้อย่างขับไล่ออกไปทีละน้อย สิ่งที่วิญญาณโหยหามานานกลับมาแล้ว การกินยังคงแย่งกันกิน พอไม่ทันระวังตัว ก็แย่งกันมาชั่วชีวิตแล้ว

ตำหนักเสี้ยวเยว่ในวังหลวง

ครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตากันแปดคนกินข้าวด้วยกัน ฮ่องเต้จิ่งเทียนนอนหลับแล้ว หยวนชิงหลิงได้ให้ยาบางอย่างร่วมด้วย ช่วงนี้เขาจะง่วงบ่อยอยู่บ้าง

หยู่เหวินเห้ากินไม่ลง กินไม่กี่คำก็วางตะเกียบลง

“ท่านพ่อ ท่านกังวลว่าพวกเขาจะก่อเรื่องวุ่นวายใช่หรือไม่ ระหว่างที่ข้าเดินทางกลับมา ก็ได้กำชับมาตลอด ไม่ให้พวกเขาออกไปเดินเพ่นพ่าน”

ทังหยวนพูดปลอบ

หยู่เหวินเห้าส่ายหน้า “ไม่ใช่ ไม่ใช่เรื่องนี้ ”

หยวนชิงหลิงถามว่า “แล้วเจ้ากังวลเรื่องอะไร”

หยู่เหวินเห้ามองไปทางหยวนชิงหลิง “เมื่อวานตอนที่ข้ากลับเข้าวัง สวีอีได้บอกกับข้าประโยคหนึ่ง เขาบอกว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่าที่อ๋องชินเฟิงอันไม่ให้พวกเขากลับมา เพราะเกรงว่าพวกเขาจะไม่สามารถยอมรับเรื่องที่เพื่อนเก่าแก่ได้ตายจากไปหมดแล้ว”

ความคิดของหยวนชิงหลิงนั้นไม่แตกต่างจากเจ้าห้ามากนัก อยู่บนตำแหน่งที่สูงส่งมานานแล้ว ย่อมคิดแต่เรื่องภาพรวม และไม่ได้ติดดินเหมือนกับสวีอี ได้ยินคำพูดนี้แล้ว หยวนชิงหลิงเพิ่งจะรับรู้ว่า สาเหตุนี้เป็นไปได้มากที่สุด

ที่จริงสามารถรับรู้ได้ราวกับเป็นตนเอง

เพราะว่านางเคยจากไปช่วงระยะหนึ่ง แต่ว่ายังดี ตอนที่นางกลับมาทุกคนก็ยังอยู่

ถ้าหากโชคไม่ดีเช่นนั้น นางกลับมาหลังจากผ่านไปแล้วห้าสิบปี เกรงว่านางเองก็คงจะรับไม่ได้ เพื่อนที่ดีต่อกันในตอนนี้ ส่วนใหญ่ก็จากโลกนี้ไปแล้ว

นี่ช่างเป็นเรื่องที่กระทบจิตใจอย่างรุนแรงมาก

“เข้าใจแล้ว พวกเราไปดูที่จวนอ๋องซู่กัน”หยู่เหวินเห้าพูด

หยวนชิงหลิงส่ายหน้า “อย่าเพิ่งไปชั่วคราว ให้พวกเขาได้รวมตัวกันก่อน ตอนนี้จวนอ๋องซู่ เกรงว่ากำลังพยายามค้นหาความรู้สึกในตอนนั้น พวกเขาไม่ต้องการให้คนนอกไปวุ่นวายหรือทำลายความรู้สึกเช่นนี้”

“เจ้าพูดถูก พวกเราไม่ใช่คนกลุ่มเดียวกันกับพวกเขา”หยู่เหวินเห้ากุมมือนางเอาไว้ “พวกเราก็มีกลุ่มของพวกเรา มียุคสมัยของเรา ”

หยวนชิงหลิงยิ้ม แล้วมองไปทางลูกๆ “พวกเขา ก็มีกลุ่มของพวกเขา มียุคสมัยของพวกเขา”

ยุคแล้วยุคเล่า สืบทอดต่อกันไปเช่นนี้

รายงานที่พวกลูกๆนำกลับมาจากยุคปัจจุบัน หยวนชิงหลิงอ่านดูหลายรอบมาก

มีอยู่หนึ่งฉบับ เป็นการที่หยางหรูไห่ได้เอาตัวอย่างเลือดของจิ่งเทียนไปทำการศึกษาในการไหลเวียนเสมือนจริงของมนุษย์ ความเร็วในการไหลเวียนนั้นมีมากกว่าโครงสร้างพื้นฐานของกระบวนการสร้างและสลายในร่างคน แล้วก็เพิ่มความเร็วในการไหลเวียนขึ้น หนึ่งวันนั้นเท่ากับสองเดือน พอถึงวันที่สาม แมลงน้ำแข็งก็ค่อยๆตื่นขึ้นจากการจำศีล นั่นก็เท่ากับว่า เลือดของเจ้าห้า สามารถควบคุมได้หกเดือน

อีกอย่าง นี่ยังเป็นตัวเลขที่เป็นการประมาณการเท่านั้น ถ้าหากจิ่งเทียนใช้วรยุทธ หรือออกกำลังจะเพิ่มการสร้างและสลายเร็วขึ้น เช่นนั้นยาก็จะสลายตัวเร็วขึ้นไปอีก

หยวนชิงหลิงประมาณการอย่างระมัดระวัง ประมาณสี่เดือนกระมัง ก็ต้องถ่ายเลือดอีกครั้ง

แน่นอนว่า ถ้าหากภายในสี่เดือนสามารถวิจัยยาออกมาได้ ก็ไม่ต้องรบกวนเลือดของเจ้าอีก

หลายวันมานี้เจ้าห้าได้เกิดความรู้สึกที่สับสนชนิดหนึ่งต่อจิ่งเทียนขึ้นมา

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตอนนี้ในร่างกายของจิ่งเทียนมีเลือดของเขาไหลเวียนอยู่ใช่หรือไม่ และเป็นไปได้ว่าจิ่งเทียนได้แสดงให้เขาเห็นถึงความเลื่อมใสที่มีต่อเขา ทำให้เขารู้สึกว่าที่จริงแล้วเด็กคนนี้ก็ไม่เลวสักเท่าไหร่

แต่ว่า หยวนชิงหลิงบอกว่าเป็นเพราะเขาชื่นชมในการปกครองประเทศและความสามารถกับยุทธศาสตร์ของจิ่งเทียน

นางได้แต่งงานมีลูกนานแล้ว และคิดถึงหูหมิงอยู่เสมอ หวังว่าเขาจะสามารถแต่งงาน มีครอบครัวที่ปกติ ไม่โดดเดี่ยวคนเดียวอีกต่อไป

ฉะนั้น หลังจากที่นางเข้าวังและถามหยวนชิงหลิงแล้ว ก็เขียนจดหมายไปที่หนานเจียง ให้เจ้าเก้าช่วยเตรียมของขวัญล้ำค่าไว้ให้ สั่งให้คนส่งไปยังเมืองโร่ตูเฉิง

เขามองหูหมิงเป็นเหมือนน้องชายของตนเอง

หยวนชิงหลิงทนไม่ได้ที่จะไม่ไปจวนอ๋องซู่พร้อมกับเจ้าห้า

ที่นางเป็นห่วงที่สุดคือหลังจากที่พวกฮ่องเต้ฮุยจงกลับมาแล้ว จะทนรับความสะเทือนใจไม่ได้ ร่างกายจะเกิดปัญหา

ส่วนเจ้าห้านั้นไปคำนับฮ่องเต้ฮุยจงและองค์รัชทายาท

ทุกครั้งที่หยวนชิงหลิงไปถึงจวนอ๋องซู่ ก็มีความรู้สึกราวกับเวลาได้เดินช้าลง ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเสียงอึกทึกครึกโครมที่อยู่ภายนอกเลยแม้แต่น้อย

การมาครั้งนี้ ไม่ได้รู้สึกสบายใจเหมือนแต่ก่อน ในอากาศราวกับมีความหนักอึ้งเพิ่มขึ้นมาหลายส่วน

ความรู้สึกเช่นนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนที่พวกเขาก้าวเท้าเข้ามาในจวนแล้ว

ห้องโถงใหญ่ไร้ผู้คน คาดว่าทุกคนต่างก็อยู่ที่หอจัยซิง และเป็นอย่างที่คิด บ่าวรับใช้บอกว่าทุกคนต่างก็พูดคุยกันอยู่ที่หอจัยซิง

ทั้งสองคนเดินไปทางหอจัยซิง เห็นคนเดินไปมาตรงประตูตั้งแต่ที่ไกลๆ ในลานบ้านเต็มไปด้วยผู้คน เห็นพวกเขาสองคนมาถึง พวกทหารชราต่างก็ถอยออกไป หลีกทางให้พวกเขา จากนั้นก็ประสานมือขึ้นคำนับ

หยวนชิงหลิงมองเห็นฮ่องเต้ฮุยจงนั่งอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ กำลังพูดคุยกับอู๋ซ่างหวง

พอมองไปแวบเดียว หยวนชิงหลิงก็ต้องตกใจสะดุ้ง

ฮ่องเต้ฮุยจงดูแก่ลงไปมาก เดิมทีเคยดึงหน้าช่วงหางตา ตอนนี้ก็ลู่ลงมาอีกแล้ว ดวงตาไม่ได้ดูสดใสเหมือนตอนที่อยู่ในยุคปัจจุบัน เขาก็มองออก มองเห็นพวกเขา เป็นเพียงสายตาที่เฉื่อยชาเท่านั้น

แล้วมองไปยังองค์รัชทายาทที่อยู่ข้างๆ ก็เป็นเช่นนี้ เส้นผมขาวโพลนไปหมดแล้ว ความทรุดโทรมที่เกิดขึ้นไร้ทางปกปิดอีกต่อไป

สองสามีภรรยาสบตากันแวบหนึ่ง หัวใจอดไม่ได้ที่จะกระตุกขึ้นมา สวีอีพูดถูกแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน