วันรุ่งขึ้น อ๋องชินเฟิงอันได้พาฮ่องเต้ฮุยจงที่ปลอมตัวเรียบร้อยแล้วไปยังหมู่ตึกเหมย
ท่านหมิงได้ยินว่าท่านลุงมา ในใจก็อดจะพึมพำไม่ได้ ผู้อาวุโสอย่างเขามาคงไม่มีเรื่องอะไรดีๆแน่ รีบให้คนเก็บของมีค่าที่มีทั้งหมด เตรียมแค่อาหารที่มีเนื้อเอาไว้ก็พอ
ฮ่องเต้ฮุยจงเห็นท่านหมิง ในใจย่อมรู้สึกตื่นเต้น แต่ได้ตกลงกับลูกชายแล้วว่าไม่สามารถทำความรู้จักกับหลานได้ ฉะนั้นจึงได้แต่เก็บความตื่นเต้นนั้นเอาไว้ลึกๆในใจเท่านั้น
อ๋องชินเฟิงอันบอกแค่ว่าฮ่องเต้ฮุยจงเป็นเพื่อนที่ดีของตนเท่านั้น ท่านหมิงไม่ค่อยสนใจนัก ทุ่มสติในการป้องกัน เกรงว่าอ๋องชินเฟิงอันจะเล็งอะไรในหมู่ตึกเหมยเอาไว้ และจะเอากลับไปด้วย
ตั้งแต่เกิดเรื่องขุดสมบัติในครั้งนั้น เขาได้ถูกปล้นจนรู้สึกกลัวแล้ว
และหลังจากเขาเกษียณ ก็ไม่ได้เหลือเงินไว้ใช้ยามแก่ตัวมากเท่าไหร่นัก ราชสำนักย่อมให้การสนับสนุนอยู่ แต่หลายปีก่อนก็ได้ชดเชยลูกชายไปแล้ว ช่วงสองปีมานี้เป่ยถังสถานการณ์ดีมาก เขาจึงกล้าที่จะใช้จ่ายในสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบ
ฮ่องเต้ฮุยจงแอบคุยกับอ๋องชินเฟิงอันว่า“หน้าตาของหลานชายข้าคนนี้ ไม่ค่อยเหมือนกับพ่อของเขาเท่าไหร่นัก แต่เป็นอย่างนี้ก็ดี พ่อเขาหน้าตาค่อนข้างไม่มีราศี”
อ๋องชินเฟิงอันกลอกตา“น้องหกหน้าตาไม่มีราศี ก็เพราะมีกิริยาบางอย่างไม่น่าดู แต่ทั้งหมดล้วนฝึกมาจากท่าน”
ฮ่องเต้ฮุยจงนึกถึงท่าทีของเจ้าหกที่นั่งลงแล้วเอาสองมือซ่อนเอาไว้ในแขนเสื้อ รู้สึกว่าเหมือนจริงๆ จึงไม่กล้าบ่นอีก
จะอัปลักษณ์แค่ไหนก็ลูกชายของตนเองมิใช่หรือ
เจ้าสิบเองตอนนี้ก็เติบโตขึ้นอย่าง “แข็งแกร่ง”แล้ว ความแข็งแกร่งนี้หากใช้คำพูดของอ๋องชินเฟิงอันมากล่าว แท้จริงแล้ว เป็นเพราะอ้วนเกินไป พอๆกับพี่รองของเขาในตอนนั้นเลย
แต่ดีที่ได้รับการฝึกวิทยายุทธ แม้จะอ้วน แต่ก็เป็นคนอ้วนที่ปราดเปรียว
เจ้าสิบได้ยินว่าพวกทังหยวนกลับมาแล้ว ก็เก็บข้าวของ บอกว่าจะลงจากเขาพร้อมกับพวกเขา
หยู่เหวินเห้าอยากจะแต่งตั้งน้องสิบเป็นอ๋องตั้งแต่สองปีก่อนแล้ว แต่ว่า ฮ่องเต้หมิงหยวนได้ห้ามเอาไว้ บอกว่าให้เขาฝึกฝนอีกหน่อย เข้าไปช่วยงานในราชสำนักเพื่อสะสมผลงานก่อนค่อยแต่งตั้งก็ยังไม่สาย ตอนนี้แต่งตั้งเร็วไป เกรงว่าจะเป็นการทำให้เกียรติอันสูงส่งนั้นสูญเปล่า
ลูกชายคนนี้เขารู้นิสัยดี เพราะตามใจเกินไป แน่นอนว่า ก็ไม่ใช่คนที่เจ้าเล่ห์อะไร แต่นิสัยเอาแต่ใจอยู่บ้าง ไม่อยากจะลำบาก เขาก็วางแผนไว้ว่าจะส่งเจ้าสิบไปอยู่ในกองทัพ ไปอยู่กับซาลาเปา
เจ้าสิบนั้นอยากจะไป เพียงแต่ลดน้ำหนักไม่สำเร็จสักที ไขมันเต็มร่างของเขาจะเป็นตัวถ่วงการสร้างผลงานในกองทัพ
ฮ่องเต้ฮุยจงได้ยินพวกเขาพูดถึงเรื่องครอบครัว ดวงตาก็ร้อนผ่าวขึ้น คิดถึงตัวเองในตอนนี้ นอกจากองค์รัชทายาทกับเหยียนซูหลิ่วและโพ่ตี้อวี้แล้ว ถ้าหากว่าอยู่ที่นี่ มีลูกหลานเต็มบ้าน อยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวใหญ่ จะมีความสุขมากแค่ไหน
เขารู้สึกไม่อยากจะกลับไปแล้ว
เหมือนทางด้านองค์รัชทายาท ที่ตายก็ตายในบ้านเกิดของตนเอง
ตอนที่ลงจากภูเขาเขาก็ได้พูดเรื่องที่จะอยู่จวนอ๋องซู่กับลูกชาย ไม่กลับไปแล้ว
อ๋องชินเฟิงอันนิ่งเงียบไปชั่วครู่ พูดขึ้นว่า “พรุ่งนี้ท่านต้องกลับไป”
เขาร้อนใจขึ้นมา “ข้าบอกแล้วว่าไม่กลับ ข้าเป็นพ่อหรือเจ้าเป็นพ่อกันแน่”
อ๋องชินเฟิงอันมองเขาแวบหนึ่ง “กลับไปทำเรื่องมอบบ้าน ทรัพย์สิน หุ้น แล้วก็หุ้นส่วนในบริษัทต่างๆ ทั้งหมดให้กับเจ้าโค้กกับเซเว่นอัพซะ”
“ได้ ได้”ทันใดนั้นฮ่องเต้ฮุยจงก็พยักหน้ารัวๆ แต่หลังจากนั้นก็ถามขึ้นมาว่า “มอบให้พวกเขาสองคนเท่านั้นหรือ”
“อืม ภายหน้าซาลาเปาจะเป็นฮ่องเต้ คงใช้เงินของท่านไม่ได้ ทังหยวนจะรับช่วงต่อสำนักเหลิ่งหลังและกิจการของเหลิ่งซี่ ข้าวเหนียวรับช่วงต่อจากแม่ของเขา มีเพียงเซเว่นอัพกับโค้กเท่านั้น ข้าเคยถามเป็นการส่วนตัวแล้ว พวกเขาค่อนข้างจะสนใจอาชีพในยุคปัจจุบัน ฉะนั้น พวกเขาจะรอให้สถานการณ์ทางชายแดนดีขึ้นแล้ว เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะอยู่ทางนั้น จากนั้นก็ไปกลับทั้งสองที่”
“จริงหรือ พวกเขาสนใจอาชีพอะไร”ฮ่องเต้ฮุยจงถามขึ้น
“เซเว่นอัพอยากจะเป็นนักขับเครื่องบินหรือไม่ก็ผู้กำกับ เจ้าโค้กอยากจะวิจัยเรื่องอวกาศ”
“ช่างมีความตั้งใจจริงๆ”ฮ่องเต้ฮุยจงดีใจมาก
อ๋องชินเฟิงอันมองเขาและถามขึ้นว่า“บอกมา ท่านมีทรัพย์สมบัติเท่าไหร่กันแน่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...