บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1701

สรุปบท บทที่ 1701 ไปหาอู๋ซ่างหวง: บัลลังก์หมอยาเซียน

ตอน บทที่ 1701 ไปหาอู๋ซ่างหวง จาก บัลลังก์หมอยาเซียน – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1701 ไปหาอู๋ซ่างหวง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยาย จีน บัลลังก์หมอยาเซียน ที่เขียนโดย ลิ่วเยว่ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

เสียงคัดค้านอื้ออึงดังขึ้นในบัดดล!

หยู่เหวินเห้ายังคงนิ่งเฉย รู้อยู่แล้วว่าจะมีเสียงคัดค้าน ทุกครั้งที่ผลักดันนโยบายใหม่ล้วนต้องผ่านการคัดค้านจากคนกลุ่มนี้

ชินแล้ว

เขาดื่มน้ำไปอึกอย่างช้าๆ ให้มู่หรูกงกงถอยออกไป เขานั่งอยู่บนแท่นสูงสุดมองผู้คนเบื้องล่างวิพากษ์วิจารณ์ ตื่นตระหนกร้อนรน

การเปลี่ยนแปลงระบบแต่งงาน มิใช่เลียนแบบโลกทางฝั่งหยวนชิงหลิง แต่ครั้นเป็นเด็กเขาก็ผ่านประสบการณ์มาก เด็กอายุสิบสามสิบสี่รู้อะไร? สิบหกสิบเจ็ดก็เป็นช่วงกำลังเรียน สมองยังไม่เติบโตเต็มที่ นี่ยังรวมพวกที่มีสติปัญญาปราดเปรื่องเป็นพิเศษไว้ด้วย แต่ระบบแต่งงานใช้กับประชาชนเป่ยถังทั้งหมด นั่นล้วนแต่เป็นประชาชนคนธรรมดา

เขาเคยได้ยินเจ้าหยวนพูด ว่าหลายปีก่อนโลกของพวกเขาก็คลุมถุงชนเช่นเดียวกับเป่ยถัง ชั่วชีวิตไม่รู้ว่า ‘รัก’ คือสิ่งใด

จากมุมมองในการดำรงชีวิต การคลุมถุงชนก็มีข้อดีอยู่จริงๆ เพราะเรื่องแต่งงานล้วนถูกจัดการให้แบบเบ็ดเสร็จ

แต่มนุษย์มิใช่แค่มีชีวิตอยู่ มนุษย์มีความรู้สึก มีความรัก การคลุมถุงชนรวมไปถึงการที่ได้เจอคนที่ชอบที่เหมาะสม แต่อัตราส่วนน้อยเหลือเกิน

ในตระกูลสูงศักดิ์เน้นเรื่องความเหมาะสมทางครอบครัว

แต่ที่ประชาชนเลือกก็คือทำงานและให้กำเนิดทายาทเก่ง

ความรักกระทั่งไม่คู่ควรให้พูดถึง

บ้านเมืองมั่งคั่งแล้ว ด้านจิตใจก็ควรพัฒนาด้วย

แน่นอน เขารู้ว่ามิอาจดำเนินการได้อย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้น แต่เรื่องนี้ก็ยังต้องมีคนเสนอ

ไม่มีกฎระเบียบในแคว้นใดที่มิอาจทำลาย

หากใช้กฎระเบียบเดิมๆ ในการปกครองบ้านเมือง สุดท้ายก็ต้องเข้าสู่เส้นทางหายนะ

ถกเถียงกันนั่นแหละดี ที่กลัวที่สุดก็คือนโยบายที่โยนไปแล้วกลับหายต๋อม นั่นแหละจึงจะเป็นลางร้าย

ครั้นถกเถียงกันพอประมาณ หยู่เหวินเห้าก็ประกาศยุติการประชุม บรรดาขุนนางพากันห้อมล้อมโสวฝู่เหลิ่ง ให้เขาไปเกลี้ยกล่อมฝ่าบาท

แต่... หยู่เหวินเห้าก็มีขุนนางใหญ่คนสนิทหลายคนเช่นกัน ซึ่งไม่ว่าหยู่เหวินเห้าจะตัดสินใจอย่างไร พวกเขาก็จะสนับสนุน รับผิดชอบดำเนินการ ซึ่งนำด้วยท่านชายสี่ โสวฝู่เหลิ่ง และอ๋องชินทั้งหลาย

มีขุนนางเก่าบางคนคิดแล้วก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มิจำเป็น จึงรวมกลุ่มกันไปหาอู๋ซ่างหวงที่จวนอ๋องซู่

ไปหาทางไท่ซ่างหวงไม่ได้ ทรงตรัสแล้วว่าจะไม่สนงานราชกิจ หากมีขุนนางไปถวายพระพรก็ต้องถูกซักไซ้อยู่ปากทางว่ามาด้วยเรื่องอันใด หากเป็นเรื่องราชกิจ ก็ไม่อนุญาตทั้งนั้น

ไท่ซ่างหวงเชื่อในฮ่องเต้โดยสมบูรณ์ มีเพียงอู๋ซ่างหวงทางนั้นที่ยังพอช่วยพูดได้บ้าง อีกอย่างท่านฉู่ก็อยู่ที่นั่น ท่านฉู่น่าจะคัดค้าน

ไหนเลยจะรู้ ครั้นไปพบและรายงานเรื่องนี้กับสามใหญ่ที่จวนอ๋องซู่แล้ว อู๋ซ่างหวงกลับถามด้วยความฉงนใจ “ช้าอีกสักสองสามปีค่อยแต่งงาน มีปัญหาอะไรหรือ?”

“เออ...แต่กฎครั้นแต่โบราณมาก็เป็นเช่นนี้นะพ่ะย่ะค่ะ”

“ครั้นโบราณมาก็มีที่แต่งงานเมื่อยี่สิบกว่านี่”

ขุนนางเก่าร้อนรน “นั่นก็มีความต่างระหว่างชนนั้นพ่ะย่ะค่ะ หากตั้งเป็นกฎขึ้นมาก็มิอาจฝ่าฝืนได้อีก ชาวบ้านอายุสิบสามก็แต่งงาน หรือว่าพวกเขาก็ต้องเปลี่ยนด้วยหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

“ข้าคิดว่าอายุสิบสามสิบสี่ไม่ควรแต่งงานมีลูกจริงๆ” อู๋ซ่างหวงเห็นด้วยกับข้อเสนอของหยู่เหวินเห้าอย่างยิ่ง

ท่านฉู่ก็เอ่ย “บันทึกของโจวหลี่ (*หนังสือที่พูดถึงระเบียบพิธีการ) ชายแต่งงานเมื่อสามสิบ หญิงยี่สิบถึงออกเรือน เห็นได้ว่าการแต่งงานเร็วมิใช่กฎแต่โบราณ ข้าก็เห็นด้วยกับฝ่าบาท”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน