บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1735

หลังจากหยวนชิงหลิงออกเดินทาง เดิมทีตั้งใจจะรีบไปที่เมืองหวูกุ้ยให้เร็วที่สุด แต่เมื่อมาถึงอำเภอและเขตใกล้เมืองหวูกุ้ย คุณย่ากลับขอให้เธอหยุดก่อน แล้วไปที่โรงหมอหุ้ยหมิงในพื้นที่แล้วขอให้พวกเขาจัดหายาเวชภัณฑ์ที่จำเป็น เตรียมไว้ให้พร้อมก่อน รอให้มีคำสั่งลงมาจะได้ส่งไปยังเมืองหวูกุ้ยได้ทันที

สำนักการแพทย์ภายใต้โรงหมอหุ้ยหมิง ได้รับการปฏิรูปตลอดหลายปีที่ผ่านมา จนเกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรมแล้ว สำนักการแพทย์ท้องถิ่นและคนในท้องถิ่นมีความเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด การรักษากระทำอย่างไม่เลือกปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อกลไกการแพร่ระบาดถูกกระตุ้นแล้ว ต้นน้ำจะต้องทำทุกอย่างจนสุดความสามารถ ในการจัดหาแพทย์และยารักษาโรคให้ทันท่วงที

หลังจากสั่งเรื่องเหล่านี้แล้ว ค่อยรีบเดินทางไปยังเมืองหวูกุ้ย

ตอนที่มาถึงเมืองหวูกุ้ย พวกหยู่เหวินเห้ายังมาไม่ถึง

เมืองหวูกุ้ยมีประชากรห้าล้านคน เป็นการรวมตัวของสองเมืองในแคว้น ตั้งอยู่ในเขตร้อน มีพื้นที่เพาะปลูกมาก พื้นที่ที่เป็นภูเขาก็มาก ส่วนใหญ่ประชาชนทำการเกษตร ถือได้ว่าเป็นยุ้งฉางฝั่งตะวันตกของราชสำนักเลยทีเดียว

ในพื้นที่ที่มีการพัฒนาด้านการเกษตร ว่ากันตามจริงเศรษฐกิจย่อมจะค่อนข้างเจริญรุ่งเรือง นอกจากข้าวแล้ว ชาวบ้านยังปลูกลูกพลับกับสาลี่ ลำไยลิ้นจี่ ลำไยกับลิ้นจี่ที่นี่ส่วนมากนอกจากจะสดรสชาติอร่อยแล้ว ยังสามารถทำเป็นผลไม้อบแห้งได้ สิ่งเหล่านี้นำพาให้เศรษฐกิจในท้องถิ่นมีความเจริญขึ้นมาระดับหนึ่ง

เมืองหวูกุ้ยอยู่ติดกับแคว้นไป่เยว่ ซึ่งเป็นแคว้นบรรณาการของเป่ยถัง พรมแดนมีมิตรไมตรีที่ดีต่อกัน มีความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจที่ดีต่อกัน ซึ่งเป็นตัวส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองของทั้งสองแคว้นในระดับหนึ่ง

ข้าหลวงผู้ดูแลเมืองหวูกุ้ยแซ่จาง เจ้าเมืองจางเป็นขุนนางน้ำดี คนในท้องถิ่นรักใคร่ชื่นชมเขาเป็นอย่างมาก

หลังจากที่หยวนชิงหลิงกับคุณย่ามาถึงเมืองหวูกุ้ย ก็ตรงไปที่สำนักงานแพทย์ในท้องถิ่นทันที

คุณย่าหยวนเปิดเผยตัวตน โดยบอกว่านางคือหัวหน้าโรงหมอหุ้ยหมิง สำนักแพทย์ทั่วเป่ยถังล้วนเป็นนางที่ดูแลทั้งหมด ซึ่งเทียบเท่ากับว่านางเป็นเจ้านายใหญ่

หมอหลี่จากสำนักแพทย์ตื่นเต้นอย่างยิ่ง หลังจากเชื้อเชิญทั้งสองคนเข้าไป ก็รีบคารวะทักทายด้วยท่าทางราวกับได้เจอไอดอลตัวเป็น ๆ ก็ไม่ปาน เวลาพูดจาน้ำเสียงก็ถึงกับสั่นเล็กน้อย "ข้าน้อยหลี่จืออวี้ ไม่รู้มาก่อนว่าท่านผู้อาวุโสจะเดินทางมาด้วยตนเอง ต้องขออภัยที่ไม่ได้ไปต้อนรับระหว่างทาง โปรดอภัยในความผิดครั้งนี้ด้วยเถิด"

คุณย่าหยวนรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย หลังจากนั่งลงก็ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ใต้เท้าหลี่ อย่าได้มากพิธี นั่งลงเถอะ ข้ามีเรื่องจะถามเจ้าเสียหน่อย”

ใต้เท้าหลี่หันไปโค้งคำนับให้หยวนชิงหลิงอีกครั้ง “ไม่ทราบว่าท่านผู้นี้คือ?”

ใต้เท้าหลี่ตอบว่า “นี่ก็... นี่ก็ไม่มีวิธีนับสถิติเช่นกัน มีคนที่ป่วยหลายคนมักไปหาซื้อน้ำแกงกับชาแก้โรคมาต้มกินเอง หรือบางส่วนก็เตรียมน้ำแกงกับใบชาเอาไว้ที่บ้าน เจ้าหน้าที่ในหน่วยแพทย์มีไม่เพียงพอ ไม่อาจออกไปตรวจสอบจำนวนที่แน่ชัดได้ ส่วนใหญ่เป็นเพราะคิดว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็น "

หยวนชิงหลิงพูดว่า "ในเมื่อไม่มีการนับสถิติ แล้วเจ้าจะรู้ได้อย่างไรล่ะ ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะเท่ากับปีก่อนหน้า?"

เมื่อเห็นว่าหยวนชิงหลิงพูดจาค่อนข้างน่าเกรงขามดูดุดันอยู่ในที ใต้เท้าหลี่ก็อดรู้สึกลนลานไม่ได้ ในใจกระตุกไปวูบหนึ่ง พูดอย่างร้อนรนว่า “เพราะว่าในโรงหมอต่าง ๆ มีรายงานผู้ป่วยไม่มากนัก ทั้งที่สำนักการแพทย์ของทางการก็เป็นเช่นเดียวกัน เหมือนกับปีก่อน ๆ ที่ผ่านมา ในส่วนของจำนวนผู้ตายที่ท่านถามถึง โดยปกติแล้วโรคไข้หวัดใหญ่ไม่ทำให้คนถึงตายได้ เว้นเสียแต่ว่าร่างกายจะอ่อนแอมาก หรือเดิมทีก็ป่วยอยู่ก่อนแล้ว” “เจ้าแน่ใจหรือ? เคยได้ตรวจสอบแล้วหรือไม่?” หยวนชิงหลิงถามกลับทันควัน

“มีส่งคนไปถามแล้ว ปกติถ้ามีคนตายจะต้องไปแจ้งทางการ เมืองหวูกุ้ยใหญ่มากขนาดนี้ ย่อมต้องมีคนตายทุกวัน”

สีหน้าของหยวนชิงหลิงมืดทะมึนลงทันที "เจ้าส่งคนไปที่สำนักการแพทย์ประจำแต่ละอำเภอทันที ไปถามสถานการณ์ทั้งหมดมาให้ชัดเจน ภายในวันพรุ่งนี้ ต้องมารายงานข้า"

ใต้เท้าหลี่เริ่มรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาแล้ว เจ้าไม่ใช่ขุนนางจากราชสำนักเสียหน่อย เป็นเพียงหลานสาวของใต้เท้าผู้ดูแลสำนักงานแพทย์ มีสิทธิ์อะไรมาสั่งให้เขาไปทำธุระให้แบบนี้?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน