หยู่เหวินเห้ารอหยวนชิงหลิงที่หน้าประตูวังอย่างกังวล
ไม่รู้ว่านางจะถูกด่าหรือไม่? และไม่รู้ว่าจะถูกมัดไว้หรือไม่? ร่างกายของนางไม่มีทางทนได้แน่นอน
สวีอีเห็นเขาเดินไปเดินมา จึงพูดขึ้น: “ท่านอ๋อง เข้าไปดูในวังไม่ดีกว่าหรือ? พระชายาฝีปากไม่ธรรมดาแบบนั้น ชอบทำให้คนอื่นโมโหง่ายด้วย ถ้าหากว่าไปล่วงเกินฝ่าบาทเข้าคงไม่ดีแน่”
“อย่าพูดเลอะเทอะ คงไม่ขนาดนั้น!” หยู่เหวินเห้าเดินกุมมือ ทำไมถึงยังไม่ออกมาอีก? ถ้าหากว่าโดนโบยก็น่าจะออกมาได้แล้ว ถึงเดินออกมาไม่ได้ก็น่าจะมีคนพยุงออกมาไม่ใช่หรือ?
สวีอีจึงอ้าปากพูด “พูดยาก ถ้าหากพระชายาไปพูดล่วงเกิน แล้วทำให้ฝ่าบาทโมโห หากว่าโดนโบยก็ยังถือว่าดี กลัวแต่ว่า.....”
หยู่เหวินเห้าคอตั้งพลันหันไปต่อว่าเขาทันที “สวีอี เจ้าไม่พูดสักครู่ลิ้นคงจะยื่นออกมาอย่างนั้นใช่ไหม?”
สวีอีพูดเสียงอ่อย : “ข้าน้อยกังวลขอรับ”
พอเขากังวลก็จะพูดจาไปทั่ว พอพูดออกมาก็จะเป็นทางไม่ดี
เขาเองก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
ในที่สุด ก็เห็นแม่นมสี่เดินออกมาพร้อมกับหยวนชิงหลิง
นางสวมชุดสีแดง เชิดหน้าตรง อย่างสง่า สีหน้าดูอิ่มเอม เหมือนกับแม่ไก่ที่พึ่งชนะมา
หยู่เหวินเห้าสบายใจขึ้นไม่น้อย แล้วในจังหวะนั้นก็รีบเข้าไปรับนาง พลางยกแขนนางขึ้นลงเพื่อตรวจสอบ “ไม่ได้ถูกมัดหรือ?”
หยวนชิงหลิงทำสีหน้าใส่เขาทีหนึ่ง “ท่านยังจะมาพูดแบบนี้อีกหรือ? ท่านคงอยากให้ข้าโดนมัดอย่างนั้นใช่ไหม?”
“ข้าห่วงเจ้า!” หยู่เหวินเห้าถอนหายใจออกมา พร้อมกับพยุงนางขึ้นรถม้า “เลยต้องดูละเอียดสักหน่อย”
หยวนชิงหลิงหัวเราะทันที “ทำไมหรือ? เพียงแค่ชั่วครู่สถานะข้าสูงขึ้นแล้วหรือ? ก่อนหน้าที่จะเข้าวังไม่เห็นดูแลดีแบบนี้”
นางขึ้นไปนั่งบนรถม้า หยู่เหวินเห้าก็เข้าไปนั่งด้วย พลางโอบนางแล้วถามขึ้น : “เป็นอย่างไรบ้าง? เสด็จพ่อว่าอย่างไรบ้าง? โมโหหรือไม่?”
“ใช่ ข้าตกใจจนหัวใจแทบวาย แทบไม่กล้าพูดอะไรออกมา แต่ไม่รู้ทำไมตอนหลังเสด็จพ่อก็ค่อยๆ หายโมโห” หยวนชิงหลิงกลอกตาไปมา
“เจ้าพูดอย่างไรบ้าง?” หยู่เหวินเห้าถามขึ้น “ได้ทำตามที่ข้าสอนเจ้าหรือไม่?”
หยวนชิงหลิงพยักหน้า เหมือนนักเรียนที่ตั้งใจเรียน “สิ่งที่ท่านสอนข้า ข้าพูดออกไปหมดแล้ว และยังพูดเพิ่มเติมไปสองสามความ”
“พูดเพิ่มเติมไปสองสามความ?” ทำไมประโยคนี้ถึงดูแปลกๆ
“ใช่ ข้าบอกว่า ประชาชนต่างโทษว่าเป็นความผิดของพระชายาอ๋องฉี ที่คิดอยากใช้โอกาสจากการแจกสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง ถ้าหากว่าข้าไปกำจัดนาง นางก็จะไม่มีทางรู้สำนึก แล้วทำผิดต่อไปเรื่อยๆ พอถึงจุดหนึ่งก็อาจจะไม่สามารถหยุดได้ ข้าพูดประมาณนี้ เพราะจำไม่ได้แล้วว่าพูดอะไรไปบ้าง ตอนนั้นพูดออกไปโดยไม่ได้คิด”
หยู่เหวินเห้ากลายเป็นหินทันที
พลางพูดออกมาด้วยสีหน้ากึ่งหัวเราะกึ่งร้องไห้ : “เจ้า......เจ้าพูดเรื่องพวกนี้ทำไม? เสด็จพ่อต้องคิดว่าเจ้าบ้าไปแล้วที่ไปเป็นพยานให้นาง”
“เสด็จพ่ออาจจะคิดแบบนั้น แต่ว่าถ้าหากไม่ใช่ฉู่หมิงชุ่ยยอมรับเรื่องนี้ไว้ และถึงจะไม่ใช่หยวนเจ๋ ก็อาจจะเป็นคนบริสุทธิ์คนอื่น ข้าไม่อยากเข้าวังมาบีบบังคับอีกครั้งหรอกนะ ไม้ปราบเองก็ไม่ได้ใช้ง่ายขนาดนั้น”
“เจ้าเอาไม้ปราบออกมาหรือ?” หยู่เหวินเห้าเบิกตากว้างเหมือนคนบ้า
แบบนี้ก็เหมือนเป็นการข่มขู่เสด็จพ่อชัดๆ และยังเป็นการข่มขู่ที่ชัดเจนมากเลย
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นด้วยท่าทางเหงื่อตก : “ที่จริง ข้าคิดจะใช้หนังสือติดหนี้ แต่ว่าดึงยังไงก็ไม่ออกนานมาก เพราะมือสั่น พอเห็นสีหน้านิ่งๆ ของเสด็จพ่อ ข้าเองก็ยิ่งเกร็ง จึงได้นำไม้ปราบออกมาต่อหน้าพระองค์ ตอนนั้นข้าตกใจมาก สมองคิดไม่ทัน จึงทำได้แค่มองหน้าเสด็จพ่อด้วยความน่าสงสาร โชคดีที่ข้าไม่ได้อึ้งนานมาก จึงรีบพูดเรื่องนี้ เสด็จพ่อน่าจะเข้าใจแล้ว”
หยู่เหวินเห้าแทบไม่มีอะไรจะพูดเลย
“ช่างเถอะ ถึงแม้เสด็จพ่อจะลงโทษ ก็คงต้องรอให้เรื่องทุกอย่างสงบลงก่อนถึงทำได้ รอให้ผ่านไปสักระยะ ข้าจะหาข้ออ้าง พาเจ้าออกไปจากเมืองหลวง เพื่อหลบอันตราย แล้วรอให้เสด็จพ่อหายโมโหแล้วค่อยกลับมา”
หยวนชิงหลิวพูดติดๆ ขัดๆ : “ที่ข้าพูดแบบนี้ออกไปอาจจะล่วงเกินตระกูลฉู่ ต่อไปท่านไปไหนมาไหนต้องระวังให้มากนะ”
“หมายความว่าไงอาจจะ? เจ้าได้ล่วงเกินตระกูลฉู่แล้ว และก็ล่วงเกินตั้งนานแล้วด้วย ก่อนหน้านี้ไม่เห็นกลัว ทำไมพึ่งมากลัวตอนนี้?” หยู่เหวินเห้าหัวเราะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...