บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 177

หยู่เหวินเห้ารอหยวนชิงหลิงที่หน้าประตูวังอย่างกังวล

ไม่รู้ว่านางจะถูกด่าหรือไม่? และไม่รู้ว่าจะถูกมัดไว้หรือไม่? ร่างกายของนางไม่มีทางทนได้แน่นอน

สวีอีเห็นเขาเดินไปเดินมา จึงพูดขึ้น: “ท่านอ๋อง เข้าไปดูในวังไม่ดีกว่าหรือ? พระชายาฝีปากไม่ธรรมดาแบบนั้น ชอบทำให้คนอื่นโมโหง่ายด้วย ถ้าหากว่าไปล่วงเกินฝ่าบาทเข้าคงไม่ดีแน่”

“อย่าพูดเลอะเทอะ คงไม่ขนาดนั้น!” หยู่เหวินเห้าเดินกุมมือ ทำไมถึงยังไม่ออกมาอีก? ถ้าหากว่าโดนโบยก็น่าจะออกมาได้แล้ว ถึงเดินออกมาไม่ได้ก็น่าจะมีคนพยุงออกมาไม่ใช่หรือ?

สวีอีจึงอ้าปากพูด “พูดยาก ถ้าหากพระชายาไปพูดล่วงเกิน แล้วทำให้ฝ่าบาทโมโห หากว่าโดนโบยก็ยังถือว่าดี กลัวแต่ว่า.....”

หยู่เหวินเห้าคอตั้งพลันหันไปต่อว่าเขาทันที “สวีอี เจ้าไม่พูดสักครู่ลิ้นคงจะยื่นออกมาอย่างนั้นใช่ไหม?”

สวีอีพูดเสียงอ่อย : “ข้าน้อยกังวลขอรับ”

พอเขากังวลก็จะพูดจาไปทั่ว พอพูดออกมาก็จะเป็นทางไม่ดี

เขาเองก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

ในที่สุด ก็เห็นแม่นมสี่เดินออกมาพร้อมกับหยวนชิงหลิง

นางสวมชุดสีแดง เชิดหน้าตรง อย่างสง่า สีหน้าดูอิ่มเอม เหมือนกับแม่ไก่ที่พึ่งชนะมา

หยู่เหวินเห้าสบายใจขึ้นไม่น้อย แล้วในจังหวะนั้นก็รีบเข้าไปรับนาง พลางยกแขนนางขึ้นลงเพื่อตรวจสอบ “ไม่ได้ถูกมัดหรือ?”

หยวนชิงหลิงทำสีหน้าใส่เขาทีหนึ่ง “ท่านยังจะมาพูดแบบนี้อีกหรือ? ท่านคงอยากให้ข้าโดนมัดอย่างนั้นใช่ไหม?”

“ข้าห่วงเจ้า!” หยู่เหวินเห้าถอนหายใจออกมา พร้อมกับพยุงนางขึ้นรถม้า “เลยต้องดูละเอียดสักหน่อย”

หยวนชิงหลิงหัวเราะทันที “ทำไมหรือ? เพียงแค่ชั่วครู่สถานะข้าสูงขึ้นแล้วหรือ? ก่อนหน้าที่จะเข้าวังไม่เห็นดูแลดีแบบนี้”

นางขึ้นไปนั่งบนรถม้า หยู่เหวินเห้าก็เข้าไปนั่งด้วย พลางโอบนางแล้วถามขึ้น : “เป็นอย่างไรบ้าง? เสด็จพ่อว่าอย่างไรบ้าง? โมโหหรือไม่?”

“ใช่ ข้าตกใจจนหัวใจแทบวาย แทบไม่กล้าพูดอะไรออกมา แต่ไม่รู้ทำไมตอนหลังเสด็จพ่อก็ค่อยๆ หายโมโห” หยวนชิงหลิงกลอกตาไปมา

“เจ้าพูดอย่างไรบ้าง?” หยู่เหวินเห้าถามขึ้น “ได้ทำตามที่ข้าสอนเจ้าหรือไม่?”

หยวนชิงหลิงพยักหน้า เหมือนนักเรียนที่ตั้งใจเรียน “สิ่งที่ท่านสอนข้า ข้าพูดออกไปหมดแล้ว และยังพูดเพิ่มเติมไปสองสามความ”

“พูดเพิ่มเติมไปสองสามความ?” ทำไมประโยคนี้ถึงดูแปลกๆ

“ใช่ ข้าบอกว่า ประชาชนต่างโทษว่าเป็นความผิดของพระชายาอ๋องฉี ที่คิดอยากใช้โอกาสจากการแจกสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง ถ้าหากว่าข้าไปกำจัดนาง นางก็จะไม่มีทางรู้สำนึก แล้วทำผิดต่อไปเรื่อยๆ พอถึงจุดหนึ่งก็อาจจะไม่สามารถหยุดได้ ข้าพูดประมาณนี้ เพราะจำไม่ได้แล้วว่าพูดอะไรไปบ้าง ตอนนั้นพูดออกไปโดยไม่ได้คิด”

หยู่เหวินเห้ากลายเป็นหินทันที

พลางพูดออกมาด้วยสีหน้ากึ่งหัวเราะกึ่งร้องไห้ : “เจ้า......เจ้าพูดเรื่องพวกนี้ทำไม? เสด็จพ่อต้องคิดว่าเจ้าบ้าไปแล้วที่ไปเป็นพยานให้นาง”

“เสด็จพ่ออาจจะคิดแบบนั้น แต่ว่าถ้าหากไม่ใช่ฉู่หมิงชุ่ยยอมรับเรื่องนี้ไว้ และถึงจะไม่ใช่หยวนเจ๋ ก็อาจจะเป็นคนบริสุทธิ์คนอื่น ข้าไม่อยากเข้าวังมาบีบบังคับอีกครั้งหรอกนะ ไม้ปราบเองก็ไม่ได้ใช้ง่ายขนาดนั้น”

“เจ้าเอาไม้ปราบออกมาหรือ?” หยู่เหวินเห้าเบิกตากว้างเหมือนคนบ้า

แบบนี้ก็เหมือนเป็นการข่มขู่เสด็จพ่อชัดๆ และยังเป็นการข่มขู่ที่ชัดเจนมากเลย

หยวนชิงหลิงพูดขึ้นด้วยท่าทางเหงื่อตก : “ที่จริง ข้าคิดจะใช้หนังสือติดหนี้ แต่ว่าดึงยังไงก็ไม่ออกนานมาก เพราะมือสั่น พอเห็นสีหน้านิ่งๆ ของเสด็จพ่อ ข้าเองก็ยิ่งเกร็ง จึงได้นำไม้ปราบออกมาต่อหน้าพระองค์ ตอนนั้นข้าตกใจมาก สมองคิดไม่ทัน จึงทำได้แค่มองหน้าเสด็จพ่อด้วยความน่าสงสาร โชคดีที่ข้าไม่ได้อึ้งนานมาก จึงรีบพูดเรื่องนี้ เสด็จพ่อน่าจะเข้าใจแล้ว”

หยู่เหวินเห้าแทบไม่มีอะไรจะพูดเลย

“ช่างเถอะ ถึงแม้เสด็จพ่อจะลงโทษ ก็คงต้องรอให้เรื่องทุกอย่างสงบลงก่อนถึงทำได้ รอให้ผ่านไปสักระยะ ข้าจะหาข้ออ้าง พาเจ้าออกไปจากเมืองหลวง เพื่อหลบอันตราย แล้วรอให้เสด็จพ่อหายโมโหแล้วค่อยกลับมา”

หยวนชิงหลิวพูดติดๆ ขัดๆ : “ที่ข้าพูดแบบนี้ออกไปอาจจะล่วงเกินตระกูลฉู่ ต่อไปท่านไปไหนมาไหนต้องระวังให้มากนะ”

“หมายความว่าไงอาจจะ? เจ้าได้ล่วงเกินตระกูลฉู่แล้ว และก็ล่วงเกินตั้งนานแล้วด้วย ก่อนหน้านี้ไม่เห็นกลัว ทำไมพึ่งมากลัวตอนนี้?” หยู่เหวินเห้าหัวเราะ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน