ขณะที่หยู่เหวินเห้าออกเดินทางไปประพาสหัวเมืองอื่น กลุ่มสามคนที่ท่องเที่ยวในยุคปัจจุบันก็คิดจะกลับบ้านแล้ว
ไม่ใช่กลับเป่ยถัง แต่กลับเมืองก่วง คิดจะฝึกจิตใจและการปฏิบัติตัว รอการมาถึงของการสอบวัดระดับ
สามใหญ่เคยสอบมาแล้ว ในช่วงฮ่องเต้เซี่ยนก็เคยมีปีหนึ่งที่อนุญาตให้ลูกหลานในราชวงศ์เข้าสนามสอบ
แต่นั่นเป็นการพิเศษ มีเพียงปีนั้นปีเดียว จากนั้นก็ไม่มีอีก
ที่เปิดเป็นพิเศษนี้ ย่อมเป็นเพราะปัจจัยในราชสำนักเวลานั้น
ขณะที่สามใหญ่กำลังเดินทางก็หวนรำลึกถึงการสอบในตอนนั้น
ในการสอบครั้งนั้น อู๋ซ่างหวงอยู่ตัวลำพัง รู้สึกลำบาก หวั่นวิตก ทุ่มเทกายใจ สุดท้ายกลับไม่ติดอันดับ แต่ก็ได้รับการชมเชยจากฮ่องเต้เซี่ยน
เซียวเหยากงมิได้คิดว่าการสอบง่าย แต่เขาคิดแง่ดี อย่างไรครอบครัวก็มีเหมือง ปู่ของเขาก็เป็นผิงเล่อกง และเขาก็เป็นทายาทเพียงคนเดียว เวลานั้นคิดว่าหลังจากสิ้นปู่แล้ว ทรัพย์สมบัติทุกอย่างก็จะตกเป็นของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจว่าการสอบจะเป็นอย่างไร
แต่สนามสอบก็เหลือเป็นความทรงจำอันยากจะลืม เพราะฟุบหลับปวดต้นคอ แล้วยังถูกผู้คุมสอบตำหนิเพราะกรนเสียงดังอีก
ส่วนโสวฝู่ฉู่ก็ตั้งใจเตรียมตัวกับการสอบครั้งนี้เหมือนกัน แต่เขาที่มีบุคลิกเป็นเด็กเรียนดี ครั้นเข้าสนามสอบเห็นข้อสอบแล้ว ก็มีความคิดในใจ ลงพู่กันดั่งเทพ กลายเป็นที่หนึ่งของการสอบปีนั้น
เสริมอีกประโยค ที่ได้ที่หนึ่งในการสอบปีนั้นคืออ๋องผิงหนานหยู่เหวินจี๋ พระราชนัดดาองค์ใหญ่ในเวลานั้น สมองเขามักเลอะเลือน แต่เขาเป็นพวกหัวกะทิที่แท้จริง หัวกะทิคนหนึ่งจะแสดงออกอย่างไรน่ะหรือ? นั่นก็คือแม้สมองจะมีปัญหา แต่ความรู้ที่สะสมในหัวกลับไม่เสียหายสักนิด
ตอนนั้นมีคำพูดหนึ่งเผยแพร่ออกไป ปัญญาชนก็คือปัญญาชน คนเก่งคือคนเก่ง พระราชนัดดาองค์ใหญ่ก็คือพระราชนัดดาองค์ใหญ่
เป็นความสัมพันธ์ระดับชั้น ชั้นหนึ่งสูงกว่าอีกชั้นหนึ่ง
“ที่ร้ายกาจที่สุดก็ยังเป็นพี่จี๋เอ๋อร์เสียอีก” อู๋ซ่างหวงถอนใจเล็กน้อยปนความเสียดาย “หากสมองพี่จี๋เอ๋อร์ไม่บาดเจ็บ เขาต้องเป็นปัญญาชนโดดเด่นที่สุดในเป่ยถังแน่”
“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ หากอ๋องผิงหนานไม่ได้รับบาดเจ็บ ชะตาของเขาจะเป็นอย่างไรกันนะ?”
“เป็นฮ่องเต้กระมังพ่ะย่ะค่ะ? ก็ทรงเป็นพระราชนัดดาองค์ใหญ่นี่”
“หากเขาเป็นฮ่องเต้จริง พระองค์ก็ไม่ได้เป็นฮ่องเต้ และชะตาของพวกเราทั้งสามก็ต้องเปลี่ยนแปลงใหม่”
เมื่อนั้นทั้งสามก็เงียบงัน อัศจรรย์เพียงไร? คนหนึ่งบาดเจ็บ ที่เปลี่ยนแปลงกลับเป็นชะตาของผู้คนมากมาย
นั่นสิ หากตอนนั้นพี่จี๋เอ๋อร์เป็นฮ่องเต้ เช่นนั้นก็จะไม่มีอู๋ซ่างหวงในตอนนี้ ไม่มีฮ่องเต้หมิงหยวน เจ้าห้าก็อาจเป็นแค่จวิ้นอ๋อง ถึงจะเป็นแม่ทัพ แต่ก็เป็นแค่ม้าศึกตลอดชีวิต คุมกำลังทหารอะไรนั่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
OMG ไม่คิดว่าจะอ่านจบ 2105 หน้าสุดปัง เรื่องสนุกมาก ดำเนินเรื่องได้น่าติดตาม มีความเรียลจนบางตอนมีน้ำตาซึมตามเพีาะความประทับใจ สนุกมากจริงๆทอยากให้มีภาคลูกไปบ้าง...
กลับมาอ่านอีกครั้ง สนุกจริง...
สนุกมากค่ะ มีต่อไหมคะ...
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...