บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1774

ขณะที่หยู่เหวินเห้าออกเดินทางไปประพาสหัวเมืองอื่น กลุ่มสามคนที่ท่องเที่ยวในยุคปัจจุบันก็คิดจะกลับบ้านแล้ว

ไม่ใช่กลับเป่ยถัง แต่กลับเมืองก่วง คิดจะฝึกจิตใจและการปฏิบัติตัว รอการมาถึงของการสอบวัดระดับ

สามใหญ่เคยสอบมาแล้ว ในช่วงฮ่องเต้เซี่ยนก็เคยมีปีหนึ่งที่อนุญาตให้ลูกหลานในราชวงศ์เข้าสนามสอบ

แต่นั่นเป็นการพิเศษ มีเพียงปีนั้นปีเดียว จากนั้นก็ไม่มีอีก

ที่เปิดเป็นพิเศษนี้ ย่อมเป็นเพราะปัจจัยในราชสำนักเวลานั้น

ขณะที่สามใหญ่กำลังเดินทางก็หวนรำลึกถึงการสอบในตอนนั้น

ในการสอบครั้งนั้น อู๋ซ่างหวงอยู่ตัวลำพัง รู้สึกลำบาก หวั่นวิตก ทุ่มเทกายใจ สุดท้ายกลับไม่ติดอันดับ แต่ก็ได้รับการชมเชยจากฮ่องเต้เซี่ยน

เซียวเหยากงมิได้คิดว่าการสอบง่าย แต่เขาคิดแง่ดี อย่างไรครอบครัวก็มีเหมือง ปู่ของเขาก็เป็นผิงเล่อกง และเขาก็เป็นทายาทเพียงคนเดียว เวลานั้นคิดว่าหลังจากสิ้นปู่แล้ว ทรัพย์สมบัติทุกอย่างก็จะตกเป็นของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจว่าการสอบจะเป็นอย่างไร

แต่สนามสอบก็เหลือเป็นความทรงจำอันยากจะลืม เพราะฟุบหลับปวดต้นคอ แล้วยังถูกผู้คุมสอบตำหนิเพราะกรนเสียงดังอีก

ส่วนโสวฝู่ฉู่ก็ตั้งใจเตรียมตัวกับการสอบครั้งนี้เหมือนกัน แต่เขาที่มีบุคลิกเป็นเด็กเรียนดี ครั้นเข้าสนามสอบเห็นข้อสอบแล้ว ก็มีความคิดในใจ ลงพู่กันดั่งเทพ กลายเป็นที่หนึ่งของการสอบปีนั้น

เสริมอีกประโยค ที่ได้ที่หนึ่งในการสอบปีนั้นคืออ๋องผิงหนานหยู่เหวินจี๋ พระราชนัดดาองค์ใหญ่ในเวลานั้น สมองเขามักเลอะเลือน แต่เขาเป็นพวกหัวกะทิที่แท้จริง หัวกะทิคนหนึ่งจะแสดงออกอย่างไรน่ะหรือ? นั่นก็คือแม้สมองจะมีปัญหา แต่ความรู้ที่สะสมในหัวกลับไม่เสียหายสักนิด

ตอนนั้นมีคำพูดหนึ่งเผยแพร่ออกไป ปัญญาชนก็คือปัญญาชน คนเก่งคือคนเก่ง พระราชนัดดาองค์ใหญ่ก็คือพระราชนัดดาองค์ใหญ่

เป็นความสัมพันธ์ระดับชั้น ชั้นหนึ่งสูงกว่าอีกชั้นหนึ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน