จู่ ๆ โจวเม่าก็รู้สึกว่าตัวเองรู้เรื่องของนักเรียนเปาน้อยเกินไปแล้ว รู้แค่แซ่อย่างเดียว แต่กระทั่งชื่อจริงชื่ออะไรก็ยังไม่รู้
ปกติจะเห็นเขาใส่แต่เสื้อผ้าที่ค่อนข้างเรียบง่าย แต่มักดูมีความมั่นใจในตัวเองเต็มเปี่ยม ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไปเอาความมั่นใจขนาดนั้นมาจากไหน
ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าจะไม่อยากยอมรับ แต่เขาก็มองออกอยู่ว่านักเรียนเปามีกิริยาท่าทางของพวกชนชั้นสูง ซึ่งเขาจงใจปกปิดเอาไว้ แต่บางครั้งไม่ว่าจะเป็นตอนยกไม้ยกมือ ท่วงท่ายามก้าวขาเดินเหิน ก็ยังมองเห็นในจุดนั้นได้
แน่นอนว่า เขาไม่เคยยกเรื่องนี้ขึ้นมาตั้งเป็นประเด็น เพราะคนธรรมดาสามัญพวกนี้ จะแค่เยาะเย้ยถากถางเขา หาว่าเขาเป็นพวกคิดมากช่างสงสัย พวกเขาไม่เข้าใจ ถ้าไม่มีความสงสัย พวกเขาจะไม่ไปตรวจสอบ และถ้าไม่มีการตรวจสอบ ก็จะไม่มีทางพิสูจน์ความจริงได้
คนธรรมดาสามัญ
เขาคิดว่าครอบครัวของนักเรียนเปาน่าจะเป็นขุนนาง ซึ่งจุดนี้สามารถเห็นได้จากรถม้า ส่วนเรื่องที่ว่ามีตำแหน่งขุนนางถึงขั้นไหน เดาแบบคร่าว ๆ ก็ไม่น่าจะเกินขั้นเจ็ด
เพราะว่า พวกลูกหลานในครอบครัวขุนนางที่มีตำแหน่งเกินขั้นเจ็ดขึ้นไป จะค่อนข้างเย่อหยิ่งจองหองกันทั้งนั้น
นี่ก็เป็นหนึ่งในประสบการณ์ชีวิตของเขาที่ได้เรียนรู้สะสมมา เขาเคยได้พบกับพวกลูกหลานขุนนางมาจำนวนหนึ่ง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจมูกแต่ละคนจะเชิดหยิ่งขึ้นฟ้ากันทั้งนั้น
เขามีแผนในใจแล้ว อีกครู่เขาจะค่อย ๆ เลียบเคียงถามเกี่ยวกับครอบครัวของนักเรียนเปา ว่าเป็นขุนนางตำแหน่งอะไร ต้องทำความรู้จักสนิทสนมกับเขาไว้สักหน่อย
รถม้ามาถึงจวนอ๋องซู่ แต่ไม่ได้เข้าทางประตูหลัก แต่กลับอ้อมไปทางประตูข้าง
จวนอ๋องซู่เป็นจวนที่ถูกทิ้งร้างจนทรุดโทรมมาช้านาน ประตูหน้าสีหลุดลอกกระดำกระด่างไปหมดแล้ว ส่วนประตูข้างก็ยิ่งทรุดโทรมหนักกว่า
ในวันธรรมดา ประตูข้างก็แทบจะไม่ค่อยปิดอยู่แล้ว เพราะคนทั่วทั้งเมืองหลวงต่างรู้ว่าที่นี่ไม่มีของมีค่าอะไรให้ขโมย ดีไม่ดีถ้าหลวมตัวเข้ามา อาจต้องทิ้งแผ่นทองแดงสักหลาย ๆ แผ่นไว้ที่นี่แทนก็ได้
แน่นอนว่า ทุกคนก็รู้ด้วยว่าจวนอ๋องซู่เป็นดั่งปราการเหล็กที่แข็งแกร่งมาก ที่นี่มีกลุ่มชายชราที่มีวรยุทธ์สูงอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เรียกได้ว่าคนเดียวสู้ศัตรูได้เป็นร้อย และไม่ใช่ตำนานที่เล่าขานกันแค่เล่น ๆ ด้วย
ที่ตรอกของประตูข้างนั้น รถม้าสามารถผ่านได้ ทั้งหมดเกิดจากการที่กำแพงประตูข้างของจวนเกิดพังถล่มลงมา จึงเกิดพื้นที่ว่างราวสิบฉื่อ(เทียบได้กับฟุต) ขึ้นโดยอัตโนมัติ เนื่องจากต้องการรักษาระยะห่างจากพวกเขา จึงต้องมีตรอกกว้าง ๆ เช่นนี้
เหล่านักเรียนลงจากรถม้า มีข้ารับใช้ชราที่สวมชุดดำทั้งตัวเข้ามานำทางพวกเขาให้เดินตรงไปข้างหน้า ข้ารับใช้ชราคนนี้เดินได้เร็วมาก อีกทั้งฝีเท้าก็เบามาก จนเหล่านักเรียนวัยเยาว์ทั้งหลายแทบจะเดินตามไม่ทันเลยทีเดียว
ทั้ง ๆ ที่เร่งฝีเท้าตามจนสุดแรง ก็ยังถูกทิ้งระยะห่างระดับหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...