บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1865

โจวเม่าตกตะลึงไปครู่หนึ่ง นี่มันพอจะนับว่าใช่ได้ด้วยรึ? ใช่ก็คือใช่ ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่สิ

แต่เพราะสุดท้าย อีกฝ่ายก็อายุมากแล้ว เขาจึงไม่กล้าทำให้ขุ่นเคือง จึงรวบรวมความกล้าถามออกไปอีกครั้งว่า “ไม่ทราบว่าท่านผู้อาวุโสเคยรับตำแหน่งถึงขั้นอะไรแล้วขอรับ?”

“ไม่มีขั้น!” อู๋ซ่างหวงยกมือขึ้นโบกสะบัด

โจวเม่าถึงกับหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกขึ้นมาทันที สรุปว่าเขาดูผิดไปแล้ว ไม่มีเลยแม้แต่ขั้นเดียว ทำไมถึงนับว่าเคยรับตำแหน่งในราชสำนักได้ล่ะ?

“ก็แค่....”อู๋ซ่างหวงชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วพูดต่อด้วยท่าทางเสียดายว่า “คิด ๆ ดูแล้ว ในชีวิตนี้ของข้ายังไม่เคยได้ขั้นอะไรเลย ตอนที่ยังเด็กอยู่ในจวน คนก็เรียกว่าคุณชายหก ต่อมาพี่เหว่ยพี่ชายของข้าประสบความสำเร็จ พริบตาเดียวข้าก็ได้รับการเลื่อนยศจากคุณชายหกเป็นรัชทายาท เป็นรัชทายาทได้ไม่นาน ก็กลายเป็นฮ่องเต้ จากนั้นก็ได้มาเป็นไท่ซ่างหวง มาตอนนี้หลานชายของข้าได้ขึ้นครองราชย์ ข้าก็กลายเป็นอู๋ซ่างหวงอีก ช่างน่าเสียดายนัก ยังไม่เคยเป็นขุนนางที่มีขั้นเลยสักครั้ง"

พริบตานั้น เพื่อนร่วมชั้นทั้งห้าต่างก็รู้สึกหายใจลำบากขึ้นมาทันที สองขาพลันอ่อนแรง คำพูดที่เขาพูด ช่างเป็นตัวตนที่น่านับถือจนทำให้แข้งขาอ่อนเปลี้ยได้เลยทีเดียว ทั้งหมดพากันคุกเข่าลงกับพื้นทันที ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ ถ้าพูดถึงขึ้นมาคือต้องคุกเข่าไว้ก่อน

ท่านฉู่กลอกตามองบนใส่ ให้มันได้อย่างนี้สิ ไม่ใช่พูดเองหรอกหรือว่าจะไม่เปิดเผยตัวตน? พูดไปได้ไม่เกินสองประโยค ก็เปิดเผยตัวตนออกไปเสียจนหมดเปลือก แล้วนี่จะคุยอะไรกันต่อได้ล่ะ?

เมื่อคืนไม่น่าปล่อยให้เขาดื่มเหล้ามากเกินไปเลยจริง ๆ วันนี้ถึงได้เลอะเลือนเละเทะขนาดนี้

อู๋ซ่างหวงหัวเราะฮา ๆ อย่างขบขัน “คุกเข่ากันทำไมล่ะนั่น? ข้าก็แค่คุยโม้ไม่ได้รึ? ที่นี่ไม่มีคนนอกเสียหน่อย พวกเจ้าก็อย่าเอาคำพูดของข้าไปเล่าให้ใครฟังล่ะ”

ทั้งห้าคนยิ่งหายใจลำบากขึ้นกว่าเดิมแล้ว สวรรค์ เรื่องแบบนี้ทำไมถึงได้กล้าเอามาคุยโม้โอ้อวดได้ล่ะ? นี่มีสิทธิ์โดนตัดหัวได้เลยนะ คนในครอบครัวของนักเรียนเปา คงไม่ใช่คนโง่หรอกนะ?

พวกเขาช่วยพยุงกันและกัน ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนช้าๆ

แต่แล้วก็ได้ยินเขาพูดต่ออีกว่า "แต่ถ้าจะพูดถึงฮ่องเต้ของเป่ยถัง ข้าก็ชื่นชมฮ่องเต้คนปัจจุบันที่สุดแล้ว หรือก็คือหลานชายของข้าหยู่เหวินเห้า ติดอยู่แค่ เขาไม่ค่อยจะกตัญญูเอาเสียเลย ไม่ยอมให้ข้ามีตำแหน่งแบบขุนนาง มันทำให้ข้ายิ่งเสียดายวันเวลาในชีวิตนัก"

เกิดเสียง “ตึง”ดังสนั่น ทุกคนคุกเข่าลงอีกครั้ง โจวเม่าเกิดความคิดอยากจะหันหลังกลับแล้วเดินออกไปเสียที ถึงขั้นเรียกขานพระนามของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันตรง ๆ ยังบอกอีกว่าหลานชายคนนี้ไม่กตัญญู นี่มันร้ายแรงถึงชีวิตแล้วนะ คนในครอบครัวของนักเรียนเปาเป็นบ้าไปแล้วรึ?

ท่านฉู่กลอกตามองบนใส่ต่อจนตาแทบกลับ “พอเถอะ เจ้าดื่มเหล้าเมาก็อย่าได้พูดจาไร้สาระนักเลย อีกประเดี๋ยวพอตื่นขึ้นมา น่ากลัวว่าตัวเองพูดอะไรไปก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ”

พวกโจวเม่าทั้งห้าเหงื่อกาฬหลั่งไหลจนทั่วร่าง ต่างช่วยพยุงกันและกันอย่างทุลักทุเล เช็ดเหงื่อออกจากหน้าผาก แล้วลากขาที่เวลานี้หนักอึ้งไปหมด คิดจะก้าวขึ้นไปข้างหน้า ขอร้องให้พวกเขาระวังคำพูด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน