บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1879

ท่านฉู่กลับคิดว่าเขาอยากใช้ชีวิตที่สงบสุขเท่านั้น ทุกคนล้วนมีวิถีชีวิตของตัวเอง ไม่จำเป็นที่อู๋ซ่างหวงจะต้องเข้าไปก้าวก่ายเขาแบบนี้เลย

แต่เมื่อฮู่เฟยมาน้อมทักทายในคืนนั้น นางก็บอกเล่าความเป็นจริงให้ทุกคนฟัง

ปรากฏว่าแท้ที่จริงแล้ว ตลอดหลายปีมานี้เจ้าหมิงไม่ได้สนใจใครหรือเรื่องอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน หรือเรื่องของอารมณ์ความรู้สึก ล้วนหดหู่ซึมเซาอย่างมาก ถึงขั้นไปถึงจุดที่เรียกว่าเป็นอาการป่วยเลยก็ว่าได้

“ก่อนหน้านี้ ฮองเฮาคิดจะมาตรวจชีพจรตามปกติเสียหน่อย เขาก็ไม่ยอม รับเพียงคำทักทายของฮองเฮา แล้วก็กลับเรือนไปพักผ่อนตามเดิม”

ฮู่เฟยเองก็จนใจทำอะไรไม่ได้มากเช่นกัน ไม่ใช่ว่านางรังเกียจชีวิตเรื่อย ๆ แบบที่เป็นอยู่นี้ แต่รู้สึกว่าหมู่ตึกเหมยมีบรรยากาศที่หดหู่ซึมเศร้า ไร้ชีวิตชีวาเกินไป ทั้ง ๆ ที่เป็นสถานที่สวยงามขนาดนี้ ยามเมื่อหมู่มวลดอกไม้เบ่งบานจนทั่วหุบเขา ตัวเขาก็ยังไม่ยอมออกไปเดินชมดูความงามเหล่านั้นด้วยซ้ำ แค่สั่งให้คนไปเด็ดกลับมานิด ๆ หน่อย ๆ ปักใส่แจกันไว้ชมดูเป็นบางโอกาสเท่านั้น

อู๋ซ่างหวงหันไปมองฮู่เฟย แล้วกล่าวว่า "นี่เขามีปัญหาด้านอารมณ์ความรู้สึกสินะ เอาล่ะ เจ้ากลับไปก่อนเถอะ หลังจากนี้ข้าจะไปคุยกับเขาให้เอง"

ฮู่เฟยกล่าวขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจอย่างมาก ก่อนจะค้อมกายคารวะแล้วจากไป

ไท่ซ่างหวงเป็นโรคทางใจแล้ว อาการของโรคซึมเศร้านั้นเขาเคยได้ยินมาก่อน โรคนี้จะทำให้ผู้ป่วยหมดความสนใจในทุกสิ่ง เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า จะส่งผลถึงขั้นที่แม้แต่การใช้ชีวิตในฐานะคนคนหนึ่ง ก็ยังไม่อยากทำอีกต่อไปแล้ว

“พรุ่งนี้พวกเราพาไท่ซ่างหวงออกไปเที่ยวเล่นสักหน่อยเถอะนะ” เซียวเหยากงเสนอ

ท่านฉู่พูดว่า "คุยกับเขาก่อนดีกว่า ลองทำความเข้าใจกับปมที่ติดค้างอยู่ในใจของเขาดูก่อน"

“ปมในใจของเขา…” อู๋ซ่างหวงครุ่นคิดครู่หนึ่ง ค่อยพูดขึ้นเบา ๆ ว่า “เหมือนว่าข้าก็พอจะรู้อยู่นะ”

คนเป็นพ่อแม่ย่อมรู้จักลูกของตัวเองดีที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าลูกชายคนนี้เป็นคนที่ถูกจับตามองอย่างเข้มงวดมาตั้งแต่เด็ก อารมณ์ของเขา นิสัยใจคอ รวมถึงสิ่งที่เขาคิดในใจ ต่างก็รู้ได้ชัดเจนแจ่มแจ้งไม่มีตกหล่น

ทั้งท่านฉู่และเซียวเหยากงต่างก็มองไปที่เขา

อู๋ซ่างหวงทอดถอนใจ “ก็เพราะได้เห็นว่าเจ้าห้าปกครองประเทศได้ดีขนาดนี้ แต่ตอนที่ตัวเองอยู่ในตำแหน่ง ทำอย่างไรก็ไม่สามารถไปถึงจุดสูงสุดได้สักที ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากทำให้สำเร็จ แต่เพราะไม่สามารถทำได้จนสำเร็จ พอตอนนี้เกษียณแล้วมาลองคิดทบทวนดู ก็รู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์ จึงได้ปฏิเสธตัวเอง”

ท่านฉู่กับเซียวเหยากงคิดว่านี่ก็มีความเป็นไปได้ แต่ปัญหานี้ควรจะแก้อย่างไรดีล่ะ?

“เจ้าหก เจ้าเป็นพ่อของเขา ลองไปคุยกับเขาดูสิ” ท่านฉู่เสนอ

อันที่จริง ไท่ซ่างหวงรู้สึกเคารพเกรงกลัวอู๋ซ่างหวงมาโดยตลอด ทั้งยังกังวลเกี่ยวกับความคิดเห็นที่อู๋ซ่างหวงมีต่อเขาเป็นพิเศษ ดังนั้น ถ้าให้อู๋ซ่างหวงเป็นคนไปพูด น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด

อู๋ซ่างหวงปรายตามองเขาแวบหนึ่ง “ฉู่เสี่ยวอู่ ถ้าข้าบอกว่าเจ้าหน้าตาหล่อเหลา เจ้าเชื่อหรือไม่?”

ท่านฉู่พูดอย่างโกรธเคือง “ไม่เชื่อแน่อยู่แล้วสิ”

เมื่อได้เจอหลานชาย ในใจท่านหมิงก็มีความสุขมาก หลังจากถามเรื่องการเรียนแล้ว ก็ไปคุยตามลำพังกับทังหยวน กระทั่งฮู่เฟยก็ยังไม่เชิญมาด้วยซ้ำ

อันที่จริงแล้วเขาอยากรู้เรื่องของเจ้าห้า แม้ว่าจะมีคนมารายงานสถานการณ์เป็นระยะๆ แต่ล้วนเกี่ยวข้องกับเรื่องในราชสำนัก เขาไม่ค่อยอยากได้ยินเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่ เขารู้ดีว่าเป่ยถังในเวลานี้เป็นอย่างไร

เขาอยากรู้เรื่องที่เกี่ยวกับลูกชาย แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาคุ้นเคยกับนิสัยรอโอกาสเหมาะ ๆ ไปก่อนหรืออาจเป็นเพราะเหตุผลอื่นก็สุดจะรู้ สุดท้ายเขาก็ไม่เคยส่งใครไปไถ่ถามเป็นพิเศษสักที

ทังหยวนได้รับคำสั่งจากท่านผู้นำสูงสุด ดังนั้น หลังจากพูดถึงสถานการณ์ทั่ว ๆ ไปแล้ว ก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด "แต่เสด็จปู่ทวดกลับไม่ค่อยพอใจเสด็จพ่อในตอนนี้เอาเสียเลย รู้สึกว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่เสด็จพ่อยังทำได้ไม่ดีพอ ไม่เหมือนตอนที่เสด็จปู่อยู่ในตำแหน่ง"

ท่านหมิงได้ยินในใจก็พลันเครียดเขม็ง "ทำไมถึงไม่พอใจเขาล่ะ? ข้ารู้สึกว่าเสด็จพ่อของเจ้าทำได้ดีมากเลยนะ"

“เห็นว่าเสด็จพ่อเริ่มเกียจคร้าน มักชอบส่งงานไปให้คนอื่นจัดการอยู่เสมอ ไม่ยอมลงมือทำเอง เสด็จปู่บอกว่าในแง่ของความขยันหมั่นเพียร ยังมีแง่ของการใส่ใจเรื่องในราชสำนัก กับแง่ของการดูแลห่วงใยประชาชน ยังเทียบท่านไม่ได้แม้แต่หนึ่งในหมื่น”

ท่านหมิงตกตะลึง “เขาพูดอย่างนั้นจริง ๆ น่ะรึ?”

“พูดบ่อยมาก” ทังหยวนเทเหล้าให้เสด็จปู่ ใช้โอกาสนี้คีบเนื้ออีกชิ้นใส่ลงในชามข้าวของเขา "เสด็จพ่อตอนนี้ก็รู้จักแก้ไขตัวเองใหม่แล้ว เสด็จปู่ไม่ต้องทรงเป็นห่วงเขามากเกินไป หรืออย่าทรงตำหนิเขาเลยนะพ่ะย่ะค่ะ "

หางตาของท่านหมิงค่อย ๆ วาดโค้งขึ้นตามการแย้มยิ้ม มีท่าทางคล้ายสับสนเล็กน้อย จริง ๆ แล้วเสด็จพ่อแทบจะไม่เคยชื่นชมเขาเลย เดิมคิดว่าตอนนี้เจ้าห้าได้ปกครองใต้หล้าแล้ว ประเทศเจริญรุ่งเรือง ประชาชนปลอดภัย ผู้คนล้วนมั่งคั่งร่ำรวยเข้มแข็ง เสด็จพ่อจะคิดว่าตัวเขาที่เป็นฮ่องเต้องค์ก่อนจะเป็นคนไร้ประโยชน์เสียอีก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน