ท่านฉู่กลับคิดว่าเขาอยากใช้ชีวิตที่สงบสุขเท่านั้น ทุกคนล้วนมีวิถีชีวิตของตัวเอง ไม่จำเป็นที่อู๋ซ่างหวงจะต้องเข้าไปก้าวก่ายเขาแบบนี้เลย
แต่เมื่อฮู่เฟยมาน้อมทักทายในคืนนั้น นางก็บอกเล่าความเป็นจริงให้ทุกคนฟัง
ปรากฏว่าแท้ที่จริงแล้ว ตลอดหลายปีมานี้เจ้าหมิงไม่ได้สนใจใครหรือเรื่องอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน หรือเรื่องของอารมณ์ความรู้สึก ล้วนหดหู่ซึมเซาอย่างมาก ถึงขั้นไปถึงจุดที่เรียกว่าเป็นอาการป่วยเลยก็ว่าได้
“ก่อนหน้านี้ ฮองเฮาคิดจะมาตรวจชีพจรตามปกติเสียหน่อย เขาก็ไม่ยอม รับเพียงคำทักทายของฮองเฮา แล้วก็กลับเรือนไปพักผ่อนตามเดิม”
ฮู่เฟยเองก็จนใจทำอะไรไม่ได้มากเช่นกัน ไม่ใช่ว่านางรังเกียจชีวิตเรื่อย ๆ แบบที่เป็นอยู่นี้ แต่รู้สึกว่าหมู่ตึกเหมยมีบรรยากาศที่หดหู่ซึมเศร้า ไร้ชีวิตชีวาเกินไป ทั้ง ๆ ที่เป็นสถานที่สวยงามขนาดนี้ ยามเมื่อหมู่มวลดอกไม้เบ่งบานจนทั่วหุบเขา ตัวเขาก็ยังไม่ยอมออกไปเดินชมดูความงามเหล่านั้นด้วยซ้ำ แค่สั่งให้คนไปเด็ดกลับมานิด ๆ หน่อย ๆ ปักใส่แจกันไว้ชมดูเป็นบางโอกาสเท่านั้น
อู๋ซ่างหวงหันไปมองฮู่เฟย แล้วกล่าวว่า "นี่เขามีปัญหาด้านอารมณ์ความรู้สึกสินะ เอาล่ะ เจ้ากลับไปก่อนเถอะ หลังจากนี้ข้าจะไปคุยกับเขาให้เอง"
ฮู่เฟยกล่าวขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจอย่างมาก ก่อนจะค้อมกายคารวะแล้วจากไป
ไท่ซ่างหวงเป็นโรคทางใจแล้ว อาการของโรคซึมเศร้านั้นเขาเคยได้ยินมาก่อน โรคนี้จะทำให้ผู้ป่วยหมดความสนใจในทุกสิ่ง เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า จะส่งผลถึงขั้นที่แม้แต่การใช้ชีวิตในฐานะคนคนหนึ่ง ก็ยังไม่อยากทำอีกต่อไปแล้ว
“พรุ่งนี้พวกเราพาไท่ซ่างหวงออกไปเที่ยวเล่นสักหน่อยเถอะนะ” เซียวเหยากงเสนอ
ท่านฉู่พูดว่า "คุยกับเขาก่อนดีกว่า ลองทำความเข้าใจกับปมที่ติดค้างอยู่ในใจของเขาดูก่อน"
“ปมในใจของเขา…” อู๋ซ่างหวงครุ่นคิดครู่หนึ่ง ค่อยพูดขึ้นเบา ๆ ว่า “เหมือนว่าข้าก็พอจะรู้อยู่นะ”
คนเป็นพ่อแม่ย่อมรู้จักลูกของตัวเองดีที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าลูกชายคนนี้เป็นคนที่ถูกจับตามองอย่างเข้มงวดมาตั้งแต่เด็ก อารมณ์ของเขา นิสัยใจคอ รวมถึงสิ่งที่เขาคิดในใจ ต่างก็รู้ได้ชัดเจนแจ่มแจ้งไม่มีตกหล่น
ทั้งท่านฉู่และเซียวเหยากงต่างก็มองไปที่เขา
อู๋ซ่างหวงทอดถอนใจ “ก็เพราะได้เห็นว่าเจ้าห้าปกครองประเทศได้ดีขนาดนี้ แต่ตอนที่ตัวเองอยู่ในตำแหน่ง ทำอย่างไรก็ไม่สามารถไปถึงจุดสูงสุดได้สักที ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากทำให้สำเร็จ แต่เพราะไม่สามารถทำได้จนสำเร็จ พอตอนนี้เกษียณแล้วมาลองคิดทบทวนดู ก็รู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์ จึงได้ปฏิเสธตัวเอง”
ท่านฉู่กับเซียวเหยากงคิดว่านี่ก็มีความเป็นไปได้ แต่ปัญหานี้ควรจะแก้อย่างไรดีล่ะ?
“เจ้าหก เจ้าเป็นพ่อของเขา ลองไปคุยกับเขาดูสิ” ท่านฉู่เสนอ
อันที่จริง ไท่ซ่างหวงรู้สึกเคารพเกรงกลัวอู๋ซ่างหวงมาโดยตลอด ทั้งยังกังวลเกี่ยวกับความคิดเห็นที่อู๋ซ่างหวงมีต่อเขาเป็นพิเศษ ดังนั้น ถ้าให้อู๋ซ่างหวงเป็นคนไปพูด น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด
อู๋ซ่างหวงปรายตามองเขาแวบหนึ่ง “ฉู่เสี่ยวอู่ ถ้าข้าบอกว่าเจ้าหน้าตาหล่อเหลา เจ้าเชื่อหรือไม่?”
ท่านฉู่พูดอย่างโกรธเคือง “ไม่เชื่อแน่อยู่แล้วสิ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...