บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1902

แต่จะว่าไป นี่คือข้อแตกต่างระหว่างเด็กกากกับเด็กเรียนสินะ? อู๋ซ่างหวงทำเป็นแค่เอาหนอนไปปล่อยบนเตียงของคุณย่า ในขณะที่ท่านฉู่กลับเอ่ยปากรับประกันเองเลยว่า ทุกวันทุกปีจะรักใคร่สามัคคีไม่มีแปรผัน

คืนนี้หยวนชิงหลิงพักอยู่ที่จวนอ๋องซู่ ทุกคนในจวนรู้ว่านางไม่อาจรั้งอยู่ที่นี่ได้นาน ดังนั้นจึงจ้างหมอเข้ามาในจวน เพื่อดูแลอาการบาดเจ็บของแม่นมสี่โดยเฉพาะ

ในเช้าวันถัดมาหยวนชิงหลิงตื่นแต่เช้าตรู่ ก็ให้น้ำเกลือแม่นมสี่ต่อทันที เมื่อเห็นว่าสีหน้าของนางค่อยๆ ดีขึ้นแล้ว บวกกับค่าตัวชี้วัดต่าง ๆ ก็ค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นมาทีละน้อย ก็สบายใจได้ว่านางจะต้องดีขึ้นได้แน่

แม่นมสี่เป็นคนที่เข้มแข็งหนักแน่นมาโดยตลอด ทั้งยังมีคนมากมายที่คอยห่วงใยและพร้อมช่วยประคับประคองนาง

กลุ่มคนที่ทำเหมือง ไม่ได้อาศัยอยู่ในหมู่ตึกเหมยแล้ว แต่จะออกไปตอนเช้ากลับมาตอนค่ำ แม้ว่าจะลำบากขึ้นสักหน่อย แต่ถ้ากลางคืนไม่ได้กลับบ้าน พวกเขาจะรู้สึกไม่สบายใจ

นอกจากสามยักษ์ใหญ่ พวกเขาต่างก็ไม่มีใครที่แต่งงาน จวนอ๋องซู่เป็นบ้านของพวกเขา หลังจากที่ หยวนชิงหลิงกลับถึงวัง ก็ออกพระราชเสาวนีย์ว่า จากนี้ไปเรื่องอาหารการกินทั้งหมดในจวนอ๋องซู่ ทางพระราชวังจะเป็นผู้จัดหาให้ ไม่เพียงแค่อาหารการกิน ยังรวมถึงเสื้อผ้า กางเกง รองเท้า ถุงเท้าทั้งหมด ล้วนเป็นหน้าที่ของกรมวังรับผิดชอบให้

แน่นอนว่าตอนนี้พวกเขาสามารถจ่ายเองได้ และอาจจะไม่ได้ขาดแคลนเงินทองของเหล่านี้ด้วย แต่พวกเขาเคยชินกับการประหยัดที่พอเห็นอะไรถูกเป็นต้องรีบคว้า ไม่ใช้ประโยชน์ก็เท่ากับเสียของเปล่า ๆ พระราชเสาวนีย์ฉบับนี้ออกมา จะต้องทำให้พวกเขามีความสุขมากแน่ ๆ

ผลเป็นดังคาด เมื่อพระราชเสาวนีย์มาถึงจวนอ๋องซู่ บรรยากาศก็ร้อนระอุขึ้นมาทันที พวกเขาต่างร้องขอให้จัดเตรียมเนื้อย่างชุดใหญ่ อาศัยช่วงระหว่างที่พี่จูตี้ยังไม่กลับ รีบจัดงานเลี้ยงเนื้อย่างขนานใหญ่กินกันให้เต็มคราบ

ต้าหมอที่มาส่งยาอยู่ค้างในวัง เขาสนิทสนมกับพวกเด็ก ๆ มาก รัชทายาทถึงกับลาหยุดหลายวัน โดยให้เหตุผลว่าเขาจะไปเดินเที่ยวรอบ ๆ เมืองหลวงกับต้าหมอ

ต้าหมอชื่นชอบการซื้อของมาก เพราะเขาค้นพบว่าไม่ว่าของอะไรที่ชอบ ก็สามารถใช้เงินซื้อได้ ไม่ต้องไปแย่งชิง ไม่ต้องสิ้นเปลืองเรี่ยวแรง เขามีท่าทางตื่นเต้นยินดีเสียจนเก็บอาการไม่อยู่

มู่หรูกงกงฝืนลากร่างกายที่ยังคงไม่สบายอยู่ออกมา จัดวางคนรอบตัวเขาให้พร้อม

การถูกพิษครั้งนี้ ทำร้ายร่างกายของเขาอย่างหนัก แต่ยิ่งทำร้ายหัวใจของเขาหนักยิ่งกว่า

อันที่จริงคนที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุดก็คือเสี่ยวจิ่นจื่อ แม้ว่าจะไม่เคยอนุญาตให้เขาได้รับใช้ใกล้ชิดฝ่าบาท แต่ยังสามารถเลื่อนตำแหน่งให้ขึ้นไปทำงานต่าง ๆ ในตำหนักได้ ซึ่งพอจะมองออกได้ว่า เขาตั้งใจที่จะฝึกฝนสอนสั่งให้เสี่ยวจิ่นจื่อเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งของเขา

เขารู้สึกว่าช่างอันตรายยิ่งนัก โชคยังดีที่เสี่ยวจิ่นจื่อชิงลงมือเสียก่อน ไม่อย่างนั้นก็เท่ากับว่าเขาจะเป็นคนที่ฝึกฝนเลี้ยงดูหมาป่าตัวหนึ่งให้ไปทำร้ายฝ่าบาท คนประเภทนี้ที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ถึงกับทำร้ายกระทั่งอาจารย์ได้ ก็ไม่ต่างอะไรกับหมาป่าตาขาวจอมเนรคุณ

คนแบบนี้ จะปล่อยให้อยู่ข้างกายฝ่าบาทได้อย่างไรกัน?

ดังนั้น แม้จะพูดได้ว่าเสียใจมาก แต่ก็รู้สึกโล่งใจด้วย วันหลังเวลาที่เขาจะคัดเลือกคนมาทำงาน จะต้องเข้มงวดให้มากกว่านี้

นอกจากนี้ จากการได้เรียนรู้ผ่านใต้เท้าสวี ยังทำให้เขาไตร่ตรองถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

ใต้เท้าสวี่ติดตามอยู่ข้างกายฝ่าบาทมานานมากแล้ว เอาชีวิตไปเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเพื่อฝ่าบาทก็หลายครั้งหลายหน แต่ถ้าจะให้บอกว่าอะไรคือจุดเด่นที่ใต้เท้าสวีมีเหนือไปกว่าคนอื่นน่ะรึ? ความฉลาดหลักแหลม? สัญชาตญาณอันเฉียบคม? ความสงบหนักแน่น? ความมีเหตุมีผล?

อันที่จริงคือไม่มีอะไรเลยสักอย่าง ถึงขั้นพูดได้ว่าใต้เท้าสวีออกจะไร้เดียงสาเกินไปด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่ชนะใจได้อยู่ที่ความซื่อสัตย์ภักดีที่เขามีต่อฝ่าบาท ซึ่งสามารถใช้ดวงตะวันและจันทรามาเป็นพยานได้แบบไร้ข้อกังขา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน