หลังจากที่หยวนชิงหลิงกับอู๋ซ่างหวงกลับไปถึงที่นั่น ก็รีบตรงกลับบ้านทันที
ผลคือ คุณพ่อกับคุณแม่บอกว่าคุณย่าออกไปเยี่ยมเพื่อนร่วมงานเก่าของท่าน บอกว่าจะไปราว ๆ ครึ่งเดือน หยวนชิงหลิงเข้าใจความต้องการของคุณย่าได้ทันที ประมาณว่าตอนนี้น่าจะยังอยู่ระหว่างตรวจอาการอยู่ ยังไม่รู้ผลตรวจ เลยไม่ได้บอกกับคนในครอบครัว
หยวนชิงหลิงทำใจให้สงบลง หลับตาลงเพื่อเปิดการรับรู้และสัมผัส เธอรู้ว่าคุณย่าอยู่ในโรงพยาบาลประจำเมืองแห่งที่แปด ในเวลานี้ เธอสามารถสัมผัสได้ถึงคุณย่าแล้ว
หลังจากที่เธอกับอู๋ซ่างหวงเปลี่ยนกลับไปใส่เสื้อผ้าของยุคปัจจุบันแล้ว ก็ไปถามยืมกุญแจรถจากพ่อ โดยอ้างว่าจะไปเยี่ยมเพื่อน จากนั้นก็ขับรถออกไปเลย
อันที่จริงพอได้เห็นอาการที่คุณย่าเขียนไว้ ในใจของเธอก็รู้ชัดแล้ว แต่แค่ไม่อยากเชื่อมันก็เท่านั้น
หลังจากมาถึงโรงพยาบาลประจำเมืองแห่งที่แปด หยวนชิงหลิงก็ไปหาศาสตราจารย์ฟาง พ่อของศาสตราจารย์ฟางเป็นเพื่อนร่วมงานเก่าของคุณย่า เมื่อก่อนศาสตราจารย์ฟางมักจะไปเยี่ยมเยือนครอบครัวตระกูลหยวนทุกปี เพื่ออวยพรวันปีใหม่ ดังนั้น ทั้งสองครอบครัวจึงสนิทสนมคุ้นเคยกันดี
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ศาสตราจารย์ฟางยังมาจากสถาบันวิจัยของหยางหรูไห่อีกด้วย เขาพอจะรู้เรื่องเกี่ยวกับหยวนชิงหลิงอยู่บ้างบางส่วน
ตอนที่เขาเห็นหยวนชิงหลิง ก็รีบปลอบใจก่อนทันทีว่า "อย่ากังวล ไม่ใช่อาการขั้นสุดท้าย"
คำว่าไม่ใช่อาการขั้นสุดท้าย เท่ากับว่าการคาดเดาของหยวนชิงหลิงได้รับการยืนยันขั้นพื้นฐานแล้ว
เธอทรมานใจสุดขีด ถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
“นั่งลงค่อย ๆ คุยกันเถอะนะ” ศาสตราจารย์ฟางพูด พลางเหลือบตามองอู๋ซ่างหวงแวบหนึ่ง สีหน้าของชายชราคนนี้ก็ดูร้อนรนกังวลใจไม่ต่างกัน จึงเชิญให้เขานั่งลงด้วย
"เป็นอย่างไรบ้าง? พี่จูตี้เป็นอย่างไรบ้างแล้ว?" หลังจากที่อู๋ซ่างหวงนั่งลง เขาก็รีบถามหยวนชิงหลิง คำว่า "ไม่ใช่ขั้นสุดท้าย" ไม่ใช่คำอธิบายถึงลักษณะของอาการป่วยนี้หรอกหรือ?
ศาสตราจารย์ฟางยื่นแผ่นฟิล์มกับผลการเจาะตรวจให้หยวนชิงหลิง "เนื้องอกยังไม่ได้แพร่กระจาย ยังไม่นับว่าใหญ่ โชคดีที่ค้นพบได้เร็ว นี่ถือว่าเป็นเรื่องดีอยู่นะ"
หยวนชิงหลิงรับมันมาดู ทันทีที่เห็นคำว่ามะเร็งตับ หัวใจก็พลันหนักอึ้งจมดิ่งลงไปทันที
ศาสตราจารย์ฟางอธิบายว่า "เธอมีอาการปวดท้องและปวดกระเพาะมาระยะหนึ่งแล้ว เริ่มสงสัยว่าจะเป็นมะเร็งลำไส้หรืออาจเป็นมะเร็งในกระเพาะอาหาร เลยเข้าแอดมิดในโรงพยาบาลเพื่อรับการตรวจระบบทางเดินอาหาร จึงพบว่าเป็นอาการของโรคกระเพาะเรื้อรังที่แสดงอาการต่อเนื่อง จึงมีอาการปวด ในส่วนของตับไม่ได้มีอาการปวด ถ้าไม่ใช่เพราะเกิดปวดท้องขึ้นมาเป็นอาการเตือน เลยเข้ามาตรวจที่โรงพยาบาลแล้วล่ะก็ เดาว่าบางทีอาจจะตรวจไม่พบปัญหาที่ตับก็ได้”
อู๋ซ่างหวงเคยมาใช้ชีวิตอยู่ในยุคปัจจุบัน ดังนั้น เขาย่อมรู้ดีถึงความน่ากลัวของคำว่ามะเร็ง เขาตั้งใจฟังทุกคำพูดอย่างละเอียด เพราะนี่ไม่ใช่เนื้อหาที่เขาเชี่ยวชาญ งานแบบนี้จำเป็นต้องมอบให้เป็นหน้าที่ของผู้เชี่ยวชาญทำ
พี่จูตี้ทั้งน่าสงสารทั้งน่าชิงชังเสียจริง ล้มป่วยก็ไม่ยอมบอกใครเลย อายุก็มากขนาดนั้นแล้วยังแอบย่องมาตรวจที่โรงพยาบาลเพียงคนเดียว ถ้าหากพวกเขาไม่มา นางก็คงคิดจะแบกรับผลตรวจตามลำพังสินะ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...