บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 2001

องค์หญิงมีความกระตือรือร้นเกี่ยวกับงานสาธารณกุศล ติดแค่นางไม่ค่อยปรากฏตัวในที่สาธารณะมากนัก แต่สิ่งที่นางโปรดปรานที่สุดคือการบริจาคเงิน

และทุกคนก็ชอบสิ่งที่นางชอบมาก ๆ เสียด้วย

ความชอบบริจาคเงินเสมือนว่าเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ ยังมีเซียวเหยากงด้วยอีกคน

ครอบครัวของเซียวเหยากงร่ำรวยมั่งคั่ง ลูก ๆ หลานๆ ของเขาล้วนมีแววกันทุกคน แรกเริ่มเดิมทีครอบครัวของเขาไม่ได้ใหญ่โต เขาเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัว หลังจากแต่งงานมีภรรยา ภรรยาเขาได้ให้กำเนิดลูกสามคน ลูกสาวหนึ่งลูกชายสอง ลูกชายสองคนต่างมีภรรยาหนึ่งอนุสอง ล้วนมีความสามารถในการคลอดลูกกันทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้ การที่ครอบครัวของเขาขยายใหญ่ขึ้นมาจนถึงทุกวันนี้ นับได้ว่าเป็นการขยายที่ใหญ่โตไม่น้อยเลยทีเดียว

แต่เรื่องในครอบครัว เซียวเหยากงในวัยชราไม่ได้ไปสนใจอะไรอีก เขาแยกบ้านออกไปนานมากแล้ว ไปอาศัยอยู่ในจวนหลังใหญ่ของตัวเอง ถ้าพอมีเวลาก็กลับมาอยู่ได้สักพัก แต่ถ้าคิดจะกลับมาอยู่ยาวจนถึงบั้นปลาย นั่นไม่มีทางเป็นไปได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยพื้นฐานแล้วเซียวเหยากงอาศัยอยู่ในจวนอ๋องซู่แบบถาวร กระทั่งจวนของตัวเองก็ไม่ได้กลับไปอีกเลย จวนของเขาไม่มีคนอยู่อาศัย กลายเป็นสวนสัตว์กับสวนพืชพันธุ์ไม้ไปแล้ว

เขาชอบต้นไม้เป็นพิเศษ แล้วก็ชอบสัตว์ด้วย เช่นพวกเสือเอย หมาป่าเอย หมาบ้านเอย มีเลี้ยงไว้ในจวนเป็นโขยง ทั้งยังมีคนคอยดูแลพวกมันโดยเฉพาะ

เขาอาศัยอยู่ในจวนอ๋องซู่ด้วยดีมาโดยตลอด แต่จู่ ๆ ช่วงนี้กลับพูดขึ้นมาว่าจะกลับไปอยู่ที่จวนของตัวเองอย่างกะทันหัน

เดิมอู๋ซ่างหวงคิดว่าเขาคงแค่อยากจะกลับไปพักอยู่สักระยะหนึ่ง จึงบอกว่าเขากับท่านฉู่ก็จะไปด้วย แต่ผลสุดท้ายกลับถูกเขาปฏิเสธอย่างไร้เยื่อไย บอกแค่ว่าอารมณ์ไม่ดี อยากอยู่เงียบ ๆ คนเดียว

นี่นับว่าแปลกแล้ว สิบกว่าปีมานี้อยู่กันแบบอึกทึกคึกโครมจนเคยชินแล้วแท้ ๆ ทำไมอยู่ดี ๆ เขาถึงอยากอยู่เงียบ ๆ คนเดียวขึ้นมาแล้วล่ะ?

แน่นอนว่าอู๋ซ่างหวงไม่มีทางยอมปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวตามลำพังแน่ หลังจากที่เซียวเหยากงย้ายออกไปในวันนั้นเอง เขากับท่านฉู่ก็เก็บสัมภาระเล็ก ๆ น้อย ๆ ของตัวเอง แล้วแอบย่องมาถึงจวนของเซียวเหยากงอย่างเงียบ ๆ ในช่วงพลบค่ำ

อันที่จริงในความคิดของอู๋ซ่างหวง คิดว่าการที่เซียวเหยากงกลับไปอยู่จวนตัวเอง เพราะเขาไม่คุ้นเคยกับอาหารรสชาติจืดชืดของจวนอ๋องซู่ช่วงนี้ ทั้งยังไม่ได้ดื่มเหล้า ดังนั้นเขาจึงกลับไปตั้งสำรับกับข้าวเคล้าสุรา ดื่มให้สาแก่ใจสักหลาย ๆ วันแน่

ดังนั้น เขากับท่านฉู่ย่อมต้องไปอยู่เป็นเพื่อนเป็นธรรมดา ไปอยู่กินข้าวด้วยกันสักหลาย ๆ วัน ถึงอย่างไรเทพไม่รู้ผีไม่เห็นก็ช่วยกันเก็บเป็นความลับให้มิดชิด  มากสุดก็แค่ระวังไม่ดื่มเหล้าเข้าไปก็พอแล้ว

ทั้งสองพลิกกำแพงเข้าไปข้างใน ประจวบเหมาะกับที่ตอนนี้เป็นเวลาอาหารพอดี

ผลคือพอไปถึงห้องโถงใหญ่ ก็เห็นน้องสิบแปดนั่งกินข้าวอยู่ตามลำพังบนโต๊ะอาหาร เวลานี้ล่วงเข้าสู่ยามพลบค่ำ ยังไม่จุดไฟ มีแสงเลือนรางสลัว ๆ ส่องสะท้อนเรือนร่างแข็งแรงกำยำสูงใหญ่ของน้องสิบแปด แต่กลับดูหงอยเหงาโดดเดี่ยวอย่างน่าประหลาด

“กินเข้าไปแล้วจริง ๆ สินะ!” อู๋ซ่างหวงสาวเท้าก้าวเข้าไป เหลือบมองอาหารบนโต๊ะ กลับรู้สึกตกใจขึ้นมา “นี่เจ้ากินอะไรน่ะ? ไข่? เต้าหู้?”

เซียวเหยากงวางตะเกียบลง เหลือบมองทั้งสองคนแวบหนึ่ง “พวกเจ้ามากันทำไมรึ?”

ท่านฉู่พูดอย่างตรงไปตรงมา “ เจ้าหกบอกว่าเจ้าจะต้องกินอาหารมื้อใหญ่แน่ ดังนั้นพวกเราจึงแวะมาดู รวดมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้าสักหลาย ๆ วัน แต่ทำไมเจ้าถึงกินของพวกนี้ล่ะ? แต่ไหนแต่ไรมาเจ้าไม่เคยชอบกินเต้าหู้นี่ บอกว่ามันมีกลิ่นเหม็น ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน