หลังจากเซเว่นอัพกลับถึงวังหลวงก็ไม่พูดไม่จาตลอด ในใจมีความหนักอึ้งที่สลัดไม่หลุด
มักรู้สึกว่าชาตินี้คนของหอจัยซิงลำบากยิ่งนัก
หยวนชิงหลิงเห็น เรียกเจ้าห้าไปแนะนำปลอบใจ บางครั้งระหว่างพ่อลูกก็จำเป็นต้องพูดคุยกัน
เจ้าห้ายกกาสุราเข้ามา บุตรชายเติบใหญ่แล้ว สามารถดื่มได้สองจอกเล็ก บุรุษสองคนลูบจอกสุราสนทนาจะเผยความในใจได้ดีกว่า ไม่ปกปิด
เซเว่นอัพเล่าเรื่องคนของหอจัยซิงกับบิดา รู้สึกเสียดายแทนพวกเขา เดิมพวกเขาควรมีชีวิตที่ดีและสมบูรณ์ยิ่งกว่านี้ มีครอบครัว มีภรรยางดงามและบุตรอันเป็นที่รัก
หลังจากหยู่เหวินเห้าได้ฟังแล้วกลับส่ายหน้า “เจ้ารู้ได้ยังไงว่าพวกเขาไม่มีความสุข ทำไมถึงไปจำกัดจำเขียดนิยามชีวิตที่สมบูรณ์ สำหรับพวกเขาแล้ว จนถึงยามแก่ชราก็ยังสามารถอยู่กับคนที่รู้จักได้เหมือนวัยหนุ่ม อีกทั้งผ่านมาทั้งชีวิต นั่นก็คือความสุขที่ยิ่งใหญ่แล้ว”
“เซเว่นอัพ ชีวิตคนไม่ได้มีวิธีการดำรงชีวิตเพียงอย่างเดียวจึงเรียกว่าความสุข ในโลกบ้านเดิมของพวกเขาก็มีคนมากมายที่ไม่ได้แต่งงาน หรือไม่ก็ไม่มีลูกไม่ใช่หรือ พวกเขาก็เหมือนกับคนที่แต่งงานมีลูกทุกอย่าง ต่างใช้ชีวิตที่ตัวเองเลือก และแต่ละรูปแบบชีวิตก็มีสองด้านสองมุม ดีกับไม่ดี สำหรับมาตรฐานของประเพณีนิยมต้องแต่งงานมีลูกถึงจะสมบูรณ์ แต่พวกเขาก็ไม่ได้บอกว่าในการแต่งงานมีปัญหาเล็กๆ น้อยๆ การหักหลังทำร้ายกันเท่าไรนี่ นั่นเป็นความสุขที่แท้จริงหรือ สำหรับคนที่ไม่ได้แต่งงานมีลูก ขอเพียงจิตใจเป็นอิสระ ก็ยังต้องเผชิญกับการโจมตีและการทำร้ายอยู่ดี และคนที่แต่งงานก็มีโอกาสประสบกับการทำร้ายเหล่านี้เช่นกัน ข้ากลับคิดว่าชีวิตพวกเขานั่นแหละที่ดีจริง มักมีคนที่ไม่ทอดทิ้งอยู่ข้างกาย ทะเลาะเบาะแว้ง ชุลมุนวุ่นวายตลอดชีวิต”
เซเว่นอัพฟังคำกล่าวของบิดา เหมือนกับถ้อยคำของผู้เฒ่าองครักษ์เงาดำ เขาคิดว่าความเข้าใจในชีวิตของตนเองเพิ่มสูงขึ้นอีกแล้ว เมื่อก่อนอาจเป็นเพราะเห็นความสุขในตอนที่ท่านพ่อท่านแม่อยู่จนเคยชิน และมักคิดว่าแบบนี้นี่แหละจึงเป็นความสุขที่แท้จริง แต่พอคิดอย่างละเอียด จะมีสามีภรรยาที่เหมือนท่านพ่อท่านแม่ของเขาเช่นนี้สักเท่าไร
ครั้นคิดถึงคนกลุ่มนั้นที่หอจัยซิง หากให้พวกเขาไปรับมือกับปัญหาจิปาถะในการแต่งงาน กลัวแต่จะยิ่งไก่เตลิดสุนัขวิ่งพล่านไม่สงบ
พวกเขาจะไม่ดีใจจนกระโดดโลดเต้นเพราะเนื้อหนึ่งมื้อ สุราหนึ่งมื้อเท่านั้นอีก
“เจ้าเนี่ย ไม่จำเป็นต้องเสียดายชีวิตพวกเขาหรอก ใช้ชีวิตของตัวเองให้ดีก็พอ” หยู่เหวินเห้ายกจอกสุรามองบุตรชาย ผู้ที่เป็นดั่งผู้มีพรสวรรค์สูงส่งนี้ อีกไม่นานก็คงมีคนที่ตนชอบแล้ว
ในฐานะที่เป็นบุรุษซึ่งมีความสุขในชีวิตแต่งงาน เขาจะไม่นิยามชีวิตของคนอื่น จะแต่งงานหรือไม่ไม่สำคัญ แต่เขารู้สึกว่าความรักเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องประสบสักครั้ง
ก็ได้ การที่เขาคิดอย่างนี้เป็นการตีกรอบอีกแล้ว ต้องมีคนที่ไม่อยากมีความรัก ต้องเคารพผู้ที่ใช้ชีวิตโดยการทำตามใจปรารถนา
หลังจากกลับจากเป่ยถัง เซเว่นอัพก็เริ่มเขียนบทภาพยนตร์แบบสะดุด
คุณปู่โพ่ตี้อวี้บอกว่าผลงานชิ้นแรกของบริษัทพวกเขา จะต้องได้เรื่องเล่าของคนรุ่นก่อนของเป่ยถัง
เขาก็กำลังเลือกนักแสดงแล้ว เซเว่นอัพได้ยินเขาบอกว่าจะเลือกนักแสดง ก็นึกว่าช่วงที่ตนกลับไป เขาได้จัดการการเตรียมการเบื้องต้นแล้วเสียอีก
โพ่ตี้อวี้คิดว่าต้องเลือกนักแสดงดังหน่อย งบประมาณมากหน่อยก็ไม่เป็นไร ต้องได้กระแส
แต่เซเว่นอัพกลับคิดว่าไม่เกี่ยวกับจะเป็นนักแสดงดังหรือไม่ ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความต้องการด้านทักษะการแสดงสูง ต้องหาผู้ที่มีทักษะการแสดง
“พวกคนมีความสามารถที่มีทักษะการแสดงค่าตัวยังถูกกว่าเด็กใหม่ที่กำลังเป็นที่ฮอตฮิตเสียอีก เรื่องนี้ฉันจะจัดการเอง ฉันจะไปหาเดี๋ยวนี้ เธอวางใจเขียนบทเถอะ” โพ่ตี้อวี้ตบหน้าอกรับประกันทันที
“ผมเขียนโครงเรื่องกับตัวละครแล้ว จะพิมพ์ออกมาก่อน ตอนที่ท่านไปคุยจะได้ง่ายหน่อย อย่างน้อยคนเขาก็รู้ว่าบทของตัวเองน่าสนใจหรือเปล่า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...