หยู่เหวินเห้าพูดปลอบว่า “เจ้าอย่าบ่นเลย ไปถึงต่อหน้าเสด็จพ่อ หากเขาได้ยินเจ้าบ่นอยู่ตลอด เขาจะเห็นว่าเจ้าขี้ขลาด”
อ๋องฉีเจ็บปวดจนพูดไม่ออกอยู่แล้ว เดินอยู่อย่างคร่ำครวญโศกเศร้า สุดท้ายทนไม่ไหวจึงพูดขึ้นว่า “พี่ชาย เจ้าแบกเถอะ”
“บาดแผลของเจ้าอยู่ด้านหน้า ข้าแบกเจ้าจะไม่ยิ่งเจ็บปวดหรือ?”หยู่เหวินเห้าเห็นเขาเป็นเช่นนี้ ก็หงุดหงิดขึ้นมา ทำไมถึงทนความเจ็บปวดแค่นี้ก็ไม่ได้?
คิดถึงตอนนั้นเจ้าหยวน เข้าวังมาด้วยบาดแผลเต็มตัว แต่ก็สามารถอดทนมาได้ เจ้าเจ็ดยังสู้ผู้หญิงคนหนึ่งก็ไม่ได้
“ปวดกะบังลม ดีกว่าเจ็บแบบนี้”อ๋องฉีหยุดเดิน โบกมืออย่างหมดแรง สีหน้าขาวซีดไปหมด แม้แต่ริมฝีปากก็ไม่มีเลือดฝาด
หยู่เหวินเห้าจึงจำต้องแบกเขา เมื่อแบกขึ้นมา อ๋องฉีก็ร้องเจ็บปวดขึ้นมาอีก
หยู่เหวินเห้าถามขึ้นว่า “ไหวไหม?”
อ๋องฉีหันไปมองมู่หรูกงกงอย่างทรมาน พูดขึ้นด้วยสีหน้าโศกเศร้าว่า “พวกเจ้า ยกข้าไปไหม”
มู่หรูกงกงได้ถามคนที่ออกไปแจ้งราชโองการแล้วว่า หมอหลวงเฉาบอกว่าอาการบาดเจ็บไม่ได้สาหัสขนาดนั้น ตรงหน้าอกยังดี เพียงแต่ตรงหน้าท้องบาดแผลค่อนข้างลึกหน่อย
ดังนั้น เห็นอ๋องฉีเป็นเช่นนี้ มู่หรูกงกงจึงถามขึ้นอย่างเป็นห่วงว่า “หมอหลวงไม่ได้ตรวจให้อย่างดีหรือ? บาดเจ็บจนส่งผลกระทบถึงระบบภายในหรือเปล่า?”
อ๋องฉีสูดลมหายใจเข้า พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ได้ส่งผลกระทบถึงระบบภายใน”
มู่หรูกงกงเห็นเขาเป็นเช่นนี้ ยากที่จะไปต่อจึงพูดขึ้นว่า “งั้นก็ได้ งั้นก็หามไปเถอะ”
ไม่มีเสลี่ยง ไม่มีไม้หาม เมื่อต้องหามกันไปคนหนึ่งยกไหล่ อีกคนหนึ่งยกขาทั้งสองข้าง ส่วนหัวสมองห้อยลง ปากยังต้องคาบไม้ตะเกียงโคมไฟไว้
แต่ก็ยังดีกว่าต้องเดินไปด้วยตนเอง
อ๋องฉีมองดูท้องฟ้าที่มืดมิด แสงไฟจากตะเกียง ไม่เพียงพอที่จะส่องสว่างพระราชวังในยามค่ำคืน
เขารู้สึกเหมือนทุกอย่างอยู่คนละโลก
ไม่รู้ว่าทำไมเดินๆอยู่ แล้วทำไมถึงกลายเป็นเช่นนี้
ในใจยังคงทรมานอย่างมาก
โดยเฉพาะเมื่อคิดถึงสุดท้ายตนเองต้องบาดเจ็บไปทั้งตัว นางยังเข้าวังไปฟ้องร้องก่อน
“ท่านอ๋อง ท่านเดินช้าหน่อย ทางกระหม่อมเดินไม่ค่อยทัน”มู่หรูกงกงรับผิดชอบยกตรงไหล่ หัวสมองของอ๋องฉีตีถูกตรงเป้าของเขาอยู่ตลอด จะเดินเร็วก็ไม่ได้ จะเดินช้าก็ไม่ได้
หยู่เหวินเห้าหยุดเดิน พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ได้ เดินแบบนี้เหนื่อยยิ่งกว่า เจ้าเจ็ด เจ้าอดทนหน่อย ให้ข้าแบกเจ้าไป”
เขาพูดเสร็จ แล้วก็ยกอ๋องฉีขึ้นมา มือข้างหนึ่งจับตรงก้นไว้ มือข้างหนึ่งจับตรงเอวไว้ ฝีเท้าเดินเหินด้วยวิชาตัวเบา บินลอยไปอย่างรวดเร็ว
บินลอยมาตลอดทาง จนมาถึงห้องทรงพระอักษร ฮ่องเต้หมิงหยวนเดินออกมายึดเส้นยึดสายพอดี แล้วก็มองเห็นเขาหามอ๋องฉีมาถึง
เขารีบวางอ๋องฉีลง แล้วถวายบังคม ฮ่องเต้หมิงหยวนมองดูเขาอย่างเรียบเฉย พร้อมพูดขึ้นว่า “คุกเข่าอยู่แบบนี้ พร้อมทั้งหามเขาไว้ ไม่มีคำสั่งจากข้า ห้ามวางลงมา”
มือของหยู่เหวินเห้าปวดเมื่อยจนชา เดิมคิดว่าในที่สุดก็จะสามารถวางไม่ลง กลับคิดไม่ถึงว่า เมื่อมาถึงเสด็จพ่อก็มีคำสั่งเช่นนี้ ไม่กล้าไม่ทำตามเสียด้วย
เขาจึงทำได้เพียงคุกเข่าลงอย่างสั่นเทา มือทั้งคู่ยังคงหามอ๋องฉีไว้
อ๋องฉีต้องนอนราบ มือของเขาก็ไม่สามารถขยับได้ จะต้องรักษาท่านิ่งไว้อย่างมั่นคง
แต่คุกเข่าพร้อมทั้งหามไว้ จะเหนื่อยขนาดไหน?
อ๋องฉีที่ถูกหามไว้ เพราะเจ็บตรงหน้าท้อง เท้าทั้งคู่กับศีรษะจึงต้องห้อยลง เพื่อไม่ให้ไปกดตรงบริเวณหัวหน่าวของช่องท้อง เท้าทั้งคู่ของเขา ห้อยอยู่เช่นนี้อยู่ตรงหน้าหยู่เหวินเห้า ที่ใกล้ยิ่งกว่าเท้าทั้งคู่ คือโหนกก้นทั้งสองข้าง แทบจะห้อยอยู่ตรงหน้าผากของเขาแล้ว
ในใจหยู่เหวินเห้าคิด เคราะห์ร้ายจริงๆ
ฮ่องเต้หมิงหยวนเดินเล่นอยู่ในลาน ยืดเส้นยืดสาย ส่วนมู่หรูกงกงเดินตามอยู่ด้านหลัง หันไปมองหยู่เหวินเห้ากับอ๋องฉีอย่างเป็นห่วง
หยู่เหวินเห้าของ ยิ่งอยู่ยิ่งต่ำลง ร่างกายแทบจะทรุดลงแล้ว
เวลาหนึ่งถ้วยชาผ่านไปแล้ว
เวลาธูปหนึ่งดอกผ่านไปแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...