บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 344

อ๋องฉี “ไม่ง่ายเลย”ที่จะค่อยๆดีขึ้นมาบ้าง ค่อยๆนั่งลง ยื่นมือออกมาเช็ดคราบเลือดที่มุมปาก สายตามีแววเศร้าสร้อย มองหยวนหยิ่งอี้ “นี่เป็นโรคที่พบเห็นยากมาก ตอนนี้มีเพียงเสด็จพ่อกับเสด็จแม่เท่านั้นที่รู้ เรื่องนี้ถูกเก็บรักษาเป็นความลับมาตลอด เดิมทีก็ไม่ควรบอกกับเจ้า แต่ว่าอาการกำเริบต่อหน้าเจ้า ก็คงจะปิดบังต่อไปไม่ได้อีก”

หยวนหย่งอี้ประคองเขาให้นั่งลงบนเก้าอี้ ขมวดคิ้วพูดขึ้นว่า “หมอหลวงบอกว่าไร้ทางรักษาหรือ”

“ไม่ใช่”อ๋องฉีส่ายหน้าเคร่งขรึม เขายิ้มขม “ที่เจ้าบอกเมื่อครู่ ว่าจะเดินทางไปขึ้นเหนือล่องใต้ ช่างดีจริงๆ ข้าเองก็อยากจะไป แต่ว่าร่างกายข้า ช่างเถอะ ภายหน้าหากเจ้ากลับเข้าเมืองหลวง ก็นำเอาป้ายวิญญาณของข้าไปกับเจ้าด้วย ให้ข้าได้ชื่นชมแผ่นดินอันงดงามของเป่ยถัง”

หยวนหย่งอี้เห็นเขามองโลกในแง่ร้ายเช่นนี้ ก็รู้สึกไม่สบายใจ เอ่ยปลอบใจว่า “บางทีอาจจะยังมีความหวังอยู่ ท่านอย่าเพิ่งหมดกำลังใจ ใต้หล้านี้มีหมอเก่งๆมากมาย ต้องมีวิธีการรักษาแน่”

“สองปีมานี้เสด็จพ่อก็เสาะหาหมอที่มีชื่อเสียง แต่เสียดายที่หาไม่พบ ช่างเถอะ ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้ว จะได้ไม่เป็นการทำให้เจ้ารู้สึกเศร้าก่อนจะจากไป ”อ๋องฉีมองหยวนหย่งอี้ด้วยความจริงใจ

หยวนหย่งอี้รู้สึกสงสัยอยู่บ้าง ถามเสียงเบาว่า “แล้วคนในจวนต่างก็รู้ถึงอาการป่วยของท่านหรือ”

“ไม่มีใครรู้ เสด็จพ่อไม่ให้พูด มีแต่เจ้าที่รู้ ”อ๋องฉียักไหล่ แสร้งทำเหมือนไม่ใส่ใจแต่สายตากลับฉายแววอ่อนแอ “ข้าเป็นลูกเมียหลวง ถ้าหากข้าตาย คนจำนวนมากต้องสนับสนุนพี่ใหญ่ ไม่มีลูกเมียหลวงก็ต้องแต่งตั้งลูกชายโต ”

หยวนหย่งอี้เข้าใจ แม้ว่านางจะไม่ใส่ใจเรื่องพวกนี้ แต่ท่านย่าก็ต้องพูดให้ฟังอยู่ดี

ตอนนี้ ที่จริงก็เป็นการแย่งชิงบัลลังก์ระหว่างลูกเมียหลวงกับลูกชายคนโตของเมียรอง

แน่นอนว่า การแย่งชิงของทั้งสองฝ่ายนี้เป็นเพียงความต้องการของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น แค่อาการที่แสดงออกภายนอก

ซึ่งภายนอกที่แสดงออกนี้ เป็นโสวฝู่ฉู่ที่สร้างเรื่องขึ้นมา

เขาให้หลานสาวของตนเองแต่งให้กับหลานชายของตนเองอ๋องฉี ทุกคนต่างก็รู้สึกว่าโสวฝู่ฉู่คงจะสนับสนุนอ๋องฉีแน่

นี่จึงเป็นที่มาของภาพลวงตาที่ว่าเป็นการแย่งชิงตำแหน่งของลูกเมียหลวงกับลูกคนโตของเมียรอง

แต่ว่า ไม่ช้า คิดว่าทุกคนคงมองออก โสวฝู่ฉู่ไม่แน่ว่าจะมีความคิดอย่างนั้นจริงๆ

นางครุ่นคิด และพูดว่า “ถ้าเช่นนั้นข้ายังไม่ไปก็ได้”

อ๋องฉีหัวใจลิงโลดขึ้นมา แต่ใบหน้ากลับแสดงออกว่าจะปฏิเสธความเห็นใจเช่นนี้ “อย่าเลย เจ้าอยากไปก็ไปเถอะ นี่เป็นฝันในวัยเยาว์ของเจ้า เจ้าสมควรวิ่งตามหาความฝัน ไม่จำเป็นต้องสงสารข้า ข้าหวังว่าเจ้าจะมีความสุข”

หยวนหย่งอี้พูด “ไม่เป็นไร ก็แค่หนึ่งปีเท่านั้น รอให้ท่านตายแล้วข้าค่อยไป”

นางพูดเช่นนี้ออกไป แล้วก็รู้สึกว่าไม่เหมาะสม จึงพูดใหม่ว่า“ข้าหมายความว่า หลังจากนี้หนึ่งปี บางทีอาจมีคนที่สามารถรักษาท่านได้ปรากฏตัวขึ้น ก็ยังไม่แน่ ”

นางยื่นมือออกไป กุมมือของเขาเอาไว้ ให้กำลังใจเขา

อ๋องฉีมองนิ้วมือขาวเรียวยาวของนางคู่นั้น นิ้วมือของนางไม่เหมือนกับฉู่หมิงชุ่ย ไม่ได้อ่อนนุ่ม เห็นข้อต่อของนิ้วชัดเจน

จากนั้นก็มองใบหน้ากลมใหญ่ที่เต็มไปด้วยความห่วงใย ทำให้เขารู้สึกว่าตนเองนั้นช่างน่ารังเกียจนัก

เขาไม่รู้ว่าทำไมตนเองต้องไปขัดขวางการออกไปค้นหาชีวิตที่มีความสุขของนางด้วย

แต่ว่า พอได้ยินว่านางจะไป เขาก็เศร้าใจมาก ความคิดแรกของเขาที่ผุดขึ้นก็คือไม่อยากให้นางไป

ตอนนี้ก็ทำได้สมตามที่หวังแล้ว แต่ทำไมใจเขาจึงไม่รู้สึกสงบสุข

ถ้าหากถูกรู้เท่าทันความคิด นางคงจะรู้สึกว่าเขานั้นเจ้าแผนการ

เขาอยากจะพูดตรงไปตรงมา แต่ว่า พอมองไปเห็นมือที่วางอยู่บนหลังมือของเขาแล้ว มีความอบอุ่นถ่ายทอดส่งผ่านมา เขารู้สึกว่า ค่อยพูดพรุ่งนี้ก็ยังไม่สาย

หลังจากส่งศพฉู่หมิงชุ่ยแล้ว ฮ่องเต้หมิงหยวนก็มีบัญชาให้พระชายาฉู่หยวนชิงหลิงเข้าวัง

หยู่เหวินเห้าอยากจะตามไปด้วย แต่มู่หรูกงกงได้เน้นย้ำพระบัญชา ให้เรียกตัวพระชายาฉู่ ไม่ใช่อ๋องฉู่

เปลือกตาหยู่เหวินเห้ากระโดดขึ้นมาหนึ่งที “กงกง เสด็จพ่อได้บอกหรือไม่ว่าเป็นเรื่องใด?” “ขอรับ ทรงบอกว่าจะชวนพระชายาเสวยพระกระยาหารขอรับ!” มู่หรูกงกงตอบ

หยู่เหวินเห้าหัวเราะ แต่หนังตานั้นกระตุกอย่างแรง เชิญกินข้าวอย่างไร้เหตุผล ข้าวมื้อนี้คงมียาพิษ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน