บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 528

ตี๋เว่ยหมิงไม่ได้พูดอะไรอีก นิสัยของพ่อตาเขารู้ดี ถ้าหากยังขัดแย้งไม่เชื่อฟัง เขาจะทำในทางตรงกันข้าม ถึงตอนนั้น เขาคงกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจคนหนึ่ง

หลายปีมานี้ ก็ยังไม่สามารถดึงเขามาเป็นพวกได้ ตอนนี้กลับต้องมองเขาเขยิบเข้าไปใกล้กับคนของหยู่เหวินเห้าด้วยตาปริบๆ ตี๋เว่ยหมิงรู้สึกไม่พอใจจริงๆ

ฉะนั้นเขาจึงยังไม่ไปไหน ยังคงอยู่รอดูสถานการณ์ต่อไป

หยวนชิงหลิงถูกเชิญมาในเวลาดึกมากแล้ว ครั้งนี้เป็นเพราะพระชายารัชทายาทออกจากจวนในยามวิกาล หยู่เหวินเห้าจึงมีเหตุผลให้ตามออกมาด้วย

ไม่ปลอดภัยนี่นา

รัชทายาทองค์ปัจจุบันของเป่ยถัง ช่วยพระชายารัชทายาทถือกล่องยามาถึงจวนของจูกั๋วกง

ตี๋เว่ยหมิงได้ยินว่ารัชทายาทก็มาด้วย จึงเอ่ยด้วยเสียงเย็นๆว่า “ท่านพ่อ ท่านดูสิข้าพูดไม่ผิดใช่หรือไม่ รัชทายาทต้องใช้พื้นที่และเวลาให้เกิดประโยชน์แน่ ”

จูกั๋วกงเอ่ยอย่างโมโหว่า “ถ้าหากสามารถรักษาให้แม่ยายเจ้าหายได้ ตอบตกลงเขาไปจะเป็นไรไป ทำไมคืนนี้เจ้าจึงพูดมากจริงๆ ให้เจ้ากลับไปเจ้าก็ไม่กลับ เอาแต่อยู่กวนใจข้าที่นี่ทำไม”

คนของตระกูลจูเกลี้ยกล่อมกั๋วกง แม่ทัพตี๋เว่ยหมิงนั้นมีอำนาจมาหลายปี ตอนนี้ยังเป็นผู้นำสูงสุดขององครักษ์ลับผี คนของตระกูลจูไม่น้อยที่นับถือเขา ไม่กล้าล่วงเกินเขา แต่ก็มีเพียงกั๋วกงเท่านั้นที่ยังคงตำหนิเขาเหมือนกับเป็นหนุ่มน้อยเมื่อสมัยก่อน

ทุกคนต่างก็รู้ว่าตี๋เว่ยหมิงนั้นมีความดื้อรั้นเอาแต่ใจไม่ฟังความคิดเห็นของผู้อื่นอยู่บ้าง ถ้าหากด่ามากไปเกรงว่าจะเป็นการล้ำเส้น และกั๋วกงก็อายุมากแล้ว ข่มเขาไม่อยู่ เกรงว่าจะเป็นการเลี้ยงสุนัขให้แว้งกัดเจ้าของของมันเอง เช่นนั้นก็เป็นภัยใหญ่หลวงสำหรับตระกูลจูแล้ว

จูโห้วเต๋อนำหยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงเข้ามา ทุกคนต่างออกไปต้อนรับ เพราะแม่นมสี่ยังรู้สึกไม่ค่อยสบายดีนัก มีอาการเวียนหัว จึงไม่ได้ตามมาด้วย

หยู่เหวินเห้ามาตั้งหลายครั้ง ก็ไม่เคยได้พบกับจูกั๋วกง คืนนี้ได้รับอานิสงค์จากหยวนชิงหลิง จูกั๋วกงให้การคำนับเขาอย่างจริงจัง

และเป็นการคุกเข่าลงเพื่อคำนับ นับว่าเป็นการชดเชยที่ไม่ได้คุกเข่าคำนับรัชทายาทในตอนนั้น

จูกั๋วกงคุกเข่าลง แน่นอนว่าคนของตระกูลจูก็ต้องคุกเข่าตามไปด้วย สีหน้าของตี๋เว่ยหมิงเขียวคล้ำขึ้นมาทันที โมโหเป็นอย่างยิ่ง แต่ในเมื่อทุกคนต่างก็คุกเข่าลงแล้ว เขายืนหัวโด่อยู่คนเดียวก็ใช่เรื่อง ได้แต่คุกเข่าลงเช่นกัน

หยู่เหวินเห้ายื่นมือออกไปประคองจูกั๋วกงให้ลุกขึ้น “ไม่ต้องมากพิธี เชิญกั๋วกงรีบลุกขึ้น ลุกขึ้นให้หมด”

จูกั๋วกงลุกขึ้น แล้วรีบหันไปมองทางหยวนชิงหลิงทันที ประสานมือขึ้นกล่าวว่า “พระชายารัชทายาท ดึกป่านนี้แล้วยังรบกวนท่านมาที่นี่ ต้องขออภัยจริงๆ วันนี้ตอนที่ท่านมา ข้าไม่รู้ ขอท่านอภัยด้วย”

หยวนชิงหลิงคิดไม่ถึงว่าจูกั๋วกงจะมีมารยาทและอบอุ่นเช่นนี้ ก่อนหน้านี้ยังคิดว่าเป็นตาแก่หัวรั้นคนหนึ่งเสียอีก นางย่อตัวคำนับกลับ “กั๋วกงอย่าพูดเช่นนี้เลย วันนี้ข้ามาอย่างกะทันหัน เพราะได้ยินหมอหลวงเฉาในจวนบอกว่าฮูหยินกั๋วกงเป็นโรคขัดเบาเจ็บปวดทรมานแทบทนไม่ไหว ข้ามียาระงับปวดพอดี จึงอยากจะรีบส่งมาให้ หัวใจของฮูหยินกั๋วกงมีแต่ความดีงาม ทำประโยชน์ให้กับราษฎร น่าเลื่อมใสยิ่งนัก ถ้าหากข้ามีวิธีย่อมต้องช่วยเหลือไม่ให้นางต้องเจ็บปวดทรมานแน่”

นางพูดแล้ว ก็ถามขึ้นว่า “ไม่ทราบว่าหลังจากฮูหยินกินยาไปแล้ว บรรเทาอาการปวดลงบ้างหรือไม่ ”

จูกั๋วกงรีบพูดขึ้นว่า “กินยาแล้วก็หลับไป น่าจะดีขึ้นมากแล้ว เมื่อคืนนางไม่ได้นอน และเริ่มมีอาการปวด ต้องขอบคุณพระชายารัชทายาทมาก ”

“บรรเทาอาการปวดได้บางก็ดี นางนอนแล้วถ้าเช่นนั้นข้ารอสักครู่ค่อยเข้าไปดูนางก็ได้ ”หยวนชิงหลิงพูด

“ไม่เป็นไร ไปตอนนี้เลยก็ได้ ไปตอนนี้เลย”จูกั๋วกงเร่งให้เข้าไปราวกับว่าหยวนชิงหลิงจะเปลี่ยนใจอย่างไรอย่างนั้น รีบพูดขึ้นมาทันที

“ถ้าเช่นนั้น ก็ได้ รบกวนให้คนนำทางด้วย”หยวนชิงหลิงพูด

“ข้านำทางเอง ”จูกั๋วกงพูดแล้ว ก็เดินไปนำหน้า ไม่สนใจหยู่เหวินเห้า ไม่ทักทายแม้แต่คำเดียว

“มีสิ ”จูกั๋วกงเอ่ยอย่างเอาแต่ใจ

ฮูหยินจูกั๋วกงขมวดคิ้ว ตำหนิเบาๆว่า “ท่านทำหยาบคาย เสียมารยาทหรือเปล่า”

จูกั๋วกงส่ายหน้า เอ่ยเสียงดังอย่างมีเหตุมีผลว่า “เมื่อครู่ตอนอยู่ข้างนอกข้าได้คุกเข่าเพื่อคำนับแล้ว ไม่ได้หยาบคาย ไม่เชื่อเจ้าถามพระชายารัชทายาทได้ ”

ฮูหยินจูกั๋วกงยิ้มอย่างอ่อนโยน เผยให้เห็นสีหน้าเมตตาอ่อนโยน พูดกับหยวนชิงหลิงว่า “พระชายารัชทายาทท่านอย่าถือสาเลย แต่ไหนแต่ไรเขาก็เป็นคนนิสัยหยาบกระด้าง ถ้าหากล่วงเกิน ข้าก็ขออภัยท่านด้วย”

หยวนชิงหลิงยิ้มและนั่งลง “พอแล้ว ฮูหยิน เรื่องคำนับขออภัย พูดกันจะเป็นเวลาหนึ่งชั่วยามแล้ว ข้ามาเพื่อตรวจดูโรคของท่าน พวกเราอย่าเสียเวลาดีกว่า ฮูหยิน ท่านเป็นโรคขัดเบามานานเท่าไหร่แล้ว ตอนนี้หลังจากได้กินยาไปแล้ว รู้สึกอย่างไรบ้าง ยังคงเจ็บปวดอยู่หรือไม่ ”

ฮูหยินกั๋วกงถอนหายใจยาวๆหนึ่งเสียง “ตอนนี้รู้สึกสบายขึ้นมากแล้ว เมื่อครู่นั้นเจ็บจนรู้สึกอยากตาย เป็นโรคนี้มาสองสามปีแล้ว อาการจะกำเริบขึ้นเป็นครั้งคราว แต่ละครั้งก็จะยิ่งเจ็บกว่าเก่า ปวดขึ้นมาทีไรแทบไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ พระชายารัชทายาท ถ้าวันนี้ไม่ได้รับยาระงับปวดของท่าน ข้าคงทนต่อไปไม่ไหวแน่ ”

หยวนชิงหลิงพูดว่า “ฮูหยิน ยานี้ใช้ระงับปวดได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น ถ้าหากฤทธิ์ยาหมด แล้วไม่ได้กินต่อเนื่องก็จะปวดขึ้นมาอีก และได้ยินมาว่าตอนนี้ท่านฉี่ไม่ออกแล้วใช่หรือไม่ ข้าจะใช้ยาที่ช่วยฆ่าเชื้อและขับปัสสาวะให้ท่าน ถ้าหากยังฉี่ไม่ออกอีก ก็คงต้องสวนท่อปัสสาวะให้ท่านแล้ว”

ฮูหยินกั๋วกงไม่ค่อยเข้าใจคำพูดของหยวนชิงหลิงนัก แต่ว่า การฉี่ไม่ออกนั้นทรมานจริงๆ นางพูดว่า “การที่ฉี่ไม่ออกกับจุดที่ปวดนั้นแทบไม่ต่างกันเลย ตอนนี้ก็ปวดฉี่มาก แต่ก็ฉี่ไม่ออก ช่างทรมานจริงๆ อยากจะตายให้รู้แล้วรู้รอด ”

ฮูหยินของตี๋เว่ยหมิง นางจูใหญ่เอ่ยว่า “พระชายารัชทายาท ยาของท่านได้ผลหรือไม่ หัวหน้าหมอหลวงก็เคยให้ยาขับปัสสาวะมาแล้ว แต่พอกินแล้วก็ไม่เห็นได้ผล กลับยิ่งทำให้กลั้นฉี่จนทรมาน ถ้าหากท่านมั่นใจค่อยให้ยา ถ้าไม่มั่นใจละก็ จะเป็นการทำร้ายให้แม่ข้าต้องทรมานขึ้นอีกเปล่าๆ ”

หยวนชิงหลิงพูดว่า“ยาจะได้ผลหรือไม่ ต้องใช้แล้วจึงจะรู้ ข้าเคยบอกแล้ว ถ้าหากฉี่ไม่ออกจริงๆ ก็ต้องสวนท่อให้ออกมา ถึงตอนนั้นจะสามารถบรรเทาอาการเจ็บปวดได้บ้าง ท่านเป็นใคร ”

หลิงจากหยวนชิงหลิงอธิบายแล้ว มองนางและถามขึ้นมาหนึ่งประโยค คนที่พูดนั้นไม่เป็นมิตรเลยสักนิด ต้องถามสถานะให้ชัดเจนจึงจะตอกกลับได้ถูกคน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน