มันโหดร้าย แต่เกิดแก่เจ็บตาย ความจริงเป็นเรื่องปกติในโลก ไม่ว่าโหดร้ายเพียงใด สุดท้ายมีเพียงวิธีเดียว นั่นคือยอมรับและปล่อยวาง
โม่ยี่คิดว่า จดหมายและของขวัญที่ตนนำกลับมา สามารถปลอบโยนคนตระกูลหยวนได้มากน้อยเพียงใด
ตอนโม่ยี่ขอตัวกลับ ศาสตราจารย์หยวนมอบเงินให้เธอส่วนหนึ่ง โม่ยี่รับเพียงเงินค่าตั๋วเครื่องบิน สถานะทางการเงินของเธอน่ากังวลจริง หลังน้องสาวออกจากโรงพยาบาล ต้องทำการฟื้นฟูร่างกายซึ่งใช้เงินไม่น้อยทีเดียว
ศาสตราจารย์หยวน บันทึกเบอร์โทรศัพท์ของเธอเอาไว้ พร้อมขอร้องเธอว่าหากมีโอกาสไปทางนั้น รบกวนบอกกล่าวกันด้วย
โม่ยี่รับปาก แต่เธอรู้ว่าโอกาสแบบนี้ต่อไปไม่มีอีกแล้ว โอกาสที่หาได้ยากในชีวิต อาจจะมีเพียงครั้งเดียวในชีวิตเท่านั้น
ศาสตราจารย์หยวนปลอบโยนภรรยาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะไปที่โรงพยาบาล
ซูยู่อี้ มารดาของศาสตราจารย์หยวน เป็นศาสตราจารย์อาวุโสแผนกเนื้องอกในโรงพยาบาลในเครือมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเมืองก่วง หลังเกษียณอายุกลับมาทำงานเช่นเดิม หลังเกิดเรื่องของหยวนชิงหลิง นางตรอมใจจนป่วย จึงลาออกจากงาน เพราะเจ็บป่วยบ่อยครั้ง ดังนั้นตอนนี้จึงรักษาตัวอยู่แผนกเวชศาสตร์ฟื้นฟูในโรงพยาบาล ที่สำคัญนางไม่อยากอยู่ในบ้าน เพราะคนในบ้านต่างมักพากันร้องไห้
ความเจ็บปวดที่คนผมขาวส่งคนผมดำ ยากที่จะเปลี่ยนแปลงและสูญหายไปตามกาลเวลา บางครั้งนึกถึง ในใจเจ็บปวดรวดร้าว ศาสตราจารย์ซูอายุมากแล้ว จะอดทนได้อย่างไร?
เรื่องลูกสะใภ้โดดตึกฆ่าตัวตาย คล้ายถูกถ่ายทอดสดออกไปในอินเทอร์เน็ต วีแชทของผู้คนในเมืองก่วงต่างพากันโพสต์ นางไม่รับรู้ แต่หมอและพยาบาลในโรงพยาบาลรู้ จึงแอบบอกเรื่องนี้กับนาง
ศาสตราจารย์ซูเห็นคนมากมายใช้แววตาสงสารมองนาง ในใจเกิดความสงสัย จึงสอบถามพยาบาลคนหนึ่ง พยาบาลจึงนำวิดีโอในวีแชทให้นางดู ศาสตราจารย์ซูเห็นวิดีโอนี้ จู่ ๆ หัวใจวายทันที
ขณะศาสตราจารย์หยวนไปถึง ศาสตราจารย์ซูกำลังถูกช่วยชีวิตอยู่
แคว้นเป่ยถัง จวนอ๋องฉู่
ทังหยางและกู้ซือทั้งสองร่วมมือกันตรวจสอบรอบหนึ่ง พบว่าในวังหลวงไม่มีผู้ป่วยโรคเรื้อนผ่านเข้ามาเลย โรงหมอหุ้ยหมิงทางนั้นส่งรายชื่อเข้ามา และยืนยันว่าไม่เคยเข้ามาในวังหลวง
หรือพูดได้ว่า มีโอกาสสูงที่แม่นมสี่ไม่ได้ติดเชื้อจากในวังหลวง และทำให้หยวนชิงหลิงและหยู่เหวินเห้าวางใจ
อารมณ์ของแม่นมสี่ค่อย ๆ สงบลง ไม่ดึงดันที่จะไปแล้ว แต่ยืนยันว่าจะไม่พบผู้ใด อาหารการกิน ล้วนเรียกให้คนวางไว้หน้าประตู นางจะออกไปหยิบด้วยตนเอง กระทั่งหยวนชิงหลิงเอ่ยว่าจะตรวจอาการเพื่อวินิจฉัยโรคให้นาง นางล้วนไม่อนุญาตให้เข้าไป
ไม่เพียงหยวนชิงหลิงเข้าไปไม่ได้ กระทั่งโสวฝู่มาพบนาง นางไม่ยินยอมพบ และแม่นมสี่ยังกำชับหยวนชิงหลิง ห้ามบอกโสวฝู่ว่านางป่วยเป็นโรคใด ให้บอกเพียงนางไม่ยินยอมพบผู้ใด
นี่สร้างความลำบากให้กับหยวนชิงหลิง
การมาทุกครั้งของโสวฝู่ แม่นมสี่ล้วนลงมือชงชาทำขนมต้อนรับเขา และพูดคุยกับเขา ฟังเสียงสายลม มองท้องฟ้า เล่าเรื่องในอดีต สิ่งที่หวังในวันหน้า แต่จู่ ๆ บอกไม่ต้องการพบเขา โสวฝู่ฉู่จะไม่ร้อนใจเช่นไร?
แต่เมื่อถามคนในจวนอ๋องฉู่ ผู้ใดล้วนไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น เขาจึงทำได้เพียงไปพบหยวนชิงหลิง
หยวนชิงหลิงจนใจอย่างมาก จึงเอ่ยว่า “ไม่รู้เช่นกันว่าจู่ ๆ เกิดอันใดกับแม่นมสี่ ไม่เพียงไม่พบท่าน กระทั่งข้า นางไม่ยอมพบหน้า”
โสวฝู่มองนาง “นางกระทั่งข้าไม่ยอมพบ และจะอยากพบเจ้าได้เช่นไร ในใจนาง เจ้าสำคัญกว่าข้าหรือ?”
ช่วงสับสนวุ่นวายนี้ โสวฝู่ฉู่ยืนกรานลำดับตำแหน่งจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ นี่คือปัญหาด้านศีลธรรม
หยวนชิงหลิงจึงเอ่ยว่า “ถูกต้อง ข้าพูดผิดไปแล้ว เพียงนางตอนนี้ผู้ใดล้วนไม่พบ ฝืนบังคับไม่ได้ โสวฝู่กลับไปก่อนเถิด เดาว่าแม่นมสี่คงอารมณ์ไม่ดีเพียงไม่กี่วัน สักระยะคงดีขึ้น”
โสวฝู่ฉู่จ้องนาง “คนคนหนึ่งไม่โมโหอย่างไร้สาเหตุได้หรอก ต้องมีคนล่วงเกินนาง”
กลิ่นอายการกล่าวโทษนี้รุนแรงยิ่งนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...