บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 565

หยู่เหวินเห้ากลับมาที่ห้องพัก หยวนชิงหลิงนั่งเช็ดเครื่องสำอางอยู่ที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง โดยไม่ได้เรียกให้หมันเอ๋อเข้ามาดูแลรับใช้ เขามองเห็นสีหน้าอันเย็นชาของนางได้ ผ่านทางกระจกทองแดง

หยู่เหวินเห้าย้ายเก้าอี้ตัวหนึ่งไปนั่งลงข้าง ๆ นาง จับไหล่ให้หันมาแล้วพูดอย่างเคร่งเครียดจริงจังว่า “เจ้าหยวน ข้าต้องขอวิจารณ์เจ้าอย่างจริงจังแล้วนะ ก่อนหน้านี้พวกเราเคยทำข้อตกลงกันมาแล้ว ว่าพวกเราจะไม่เก็บซ่อนเรื่องอะไรก็ตามไว้ในใจ หากมีอะไรที่สงสัย หรือมีความไม่พอใจอะไรต้องพูดกันอย่างตรงไปตรงมา แต่เจ้าเอาแต่งอนข้ามาหนึ่งวันเต็ม ๆ แล้ว ถามเจ้าว่าเป็นเพราะเรื่องอะไร? เจ้าก็ไม่ยอมพูดสักคำ ทั้งยังแสร้งทำเป็นไม่สนใจอีก ถ้าไม่ใช่เพราะสวีอีมาสารภาพกับข้าตรง ๆ ข้าก็คงยังไม่รู้ว่าเจ้าโกรธเรื่องอะไร ทำแบบนี้เจ้าคิดว่ามันยุติธรรมกับข้าแล้วหรือไม่?”

หยวนชิงหลิงมองดูใบหน้าที่โกรธจนเดือดปุด ๆ ของเขา ยักไหล่แล้วพูดด้วยท่าทางไม่ใส่ใจเหมือนเดิมว่า “นี่ก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลย ข้าไม่คิดเล็กคิดน้อยอะไรกับคนตายคนหนึ่งหรอก”

“ไม่คิดจริงๆ น่ะหรือ?” หยู่เหวินเห้าถาม

หยวนชิงหลิงหันหน้าไป เช็ดเครื่องสำอางบนใบหน้าออกเงียบ ๆ แต่จู่ ๆ นางก็โยนผ้าขนหนูที่เปียกชื้นลงไปบนโต๊ะเครื่องแป้ง ดวงตากลมโตดั่งผลซิ่งเบิกกว้าง "เจ้าพูดมา ว่าทำไมต้องไปสักการะฉู่หมิงชุ่ยด้วย? ข้าเกือบต้องตายเพราะน้ำมือนาง ความเกลียดชังจากการฆ่าภรรยา มันยังไม่เพียงพอที่จะหักล้างอดีตดี ๆ ที่พวกเจ้าเคยมีร่วมกันได้อีกอย่างนั้นหรือ?”

หยู่เหวินเห้าทำเสียงจิ๊ปากขึ้นมาเสียงหนึ่ง “ดูสิ เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเจ้าถือสาเรื่องนี้ ยังจะแสร้งทำเป็นว่าเป็นคนใจกว้างอยู่อีก เจ้าถือสาเรื่องนี้แล้วทำไมไม่ถาม ? ยังเอาแต่งอนเองอยู่คนเดียว รู้สึกว่าตัวเองได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจ รู้สึกว่าตัวเองถูกต้องแล้วอย่างนั้นรึ?”

“จะพูดหรือไม่พูด?” เมื่อหยวนชิงหลิงเขาเห็นเขาพูดพล่ามด้วยเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น ก็โกรธจนยกเท้าขึ้นมาแล้วเตะออกไปทันที หยู่เหวินเห้าคว้าเท้าของนางแล้วดึงอย่างรวดเร็ว หยวนชิงหลิงเสียหลักหงายหลังไป เมื่อเห็นว่านางกำลังจะล้ม มือใหญ่ข้างหนึ่งก็คว้าเสื้อของนางไว้ ดึงนางเข้ามากอดจนจมอ้อมอกอันแข็งแกร่งของเขาโดยตรง

แขนแข็งแรงดั่งเหล็กหมุนรอบเอวนางรอบหนึ่ง พาตัวนางไปวางลงบนโต๊ะเครื่องแป้ง หยู่เหวินเห้าบดริมฝีปากลงไปอย่างรุนแรง กัดที่ริมฝีปากของนางเหมือนเป็นการลงโทษ ทั้งยังแรงมากอีกด้วย หยวนชิงหลิงเจ็บจนดันเข่าตัวเองขึ้นมาหมายจะผ่าหมาก แต่หยู่เหวินเห้ารู้ลูกไม้นี้ของนางมานานแล้ว จึงใช้ขาสองข้างสกัดหัวเข่าของนางไว้ พูดอย่างเผด็จการใส่ใบหน้าที่กำลังเง้างอนน้อย ๆ ของนาง "ยังจะดุอีก ? ลงไม้ลงมือกับผู้ชาย เจ้าจะเกินไปแล้วจริงๆ นะ เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าข้าจะเอาแต่ก้มหน้าฟังเจ้าตลอดเวลาไม่กล้าขัดขืนน่ะ? คิดว่าข้าตายด้านไร้อารมณ์รึ? คิดว่าจะโกรธข้าง่าย ๆ ได้ตามอำเภอใจใช่หรือไม่?”

หยวนชิงหลิงถูกเขาทับเสียจนขยับตัวไม่ได้ ริมฝีปากก็ถูกกัดจนเจ็บแปลบอีกครั้ง เมื่อคิดไปถึงเรื่องที่เขาไปสักการะหลุมศพฉู่หมิงชุ่ย ก็รู้สึกน้อยใจไปครู่หนึ่ง ขอบตาก็พลันแดงก่ำ

หยู่เหวินเห้าเป็นพวกหัวแข็ง ที่ไม่ว่าจะใช้ไม้อ่อนหรือไม้แข็งก็เปลี่ยนใจไม่ได้ แต่สำหรับนาง ไม่ว่าจะไม้อ่อนหรือไม้แข็งก็ล้วนใช้ได้ผลหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อนางตัวอ่อนลงไปทำท่าจะร้องไห้ เขาก็ไม่มีวิธีรับมือแล้ว อารมณ์แบบลูกผู้ชายอกสามศอกที่เพิ่งถูกปลุกขึ้นมาเมื่อครู่ ก็มีอันถูกน้ำตาของนางดับจนสลายหายไปทันที จนต้องยอมจำนนแต่โดยดี “ ทำไมถึงร้องไห้ขึ้นมาเสียแล้วล่ะ? ช่วยกลับไปหยิ่งยโสเหมือนเมื่อครู่นี้หน่อยจะได้หรือไม่ ? เจ้าร้องไห้ขึ้นมา ข้าก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว"

เขาปล่อยนาง จากนั้นก็โอบกอดนางไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง พูดเกลี้ยกล่อมว่า "ข้าจะไปสักการะหลุมศพฉู่หมิงชุ่ยได้อย่างไรกัน? เจ้าไม่เชื่อใจในตัวข้าเลยแม้แต่น้อยอย่างนั้นหรือ?"

หยวนชิงหลิงเช็ดน้ำตา แพขนตาเปียกชื้น พูดด้วยท่าทางน้อยอกน้อยใจว่า “แล้วสรุปว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? สวีอีไม่มีทางกล้าแต่งเรื่องใส่ร้ายเจ้าตามอำเภอใจแน่นอน”

หยู่เหวินเห้าดึงนางให้นั่งลง แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “คำพูดของสวีอีเชื่อได้ด้วยหรือ? เขาไม่กล้าแต่งเรื่องแน่ แต่ขนาดความกลวงในสมองของเขา มันใหญ่พอ ๆ กับอ่างทองแดงนั่นล่ะ มันล้วนเต็มไปด้วยกากเต้าหู้ทั้งนั้น เจ้าไม่รู้หรอกรึ?”

“แล้วเจ้าไม่เคยไปที่หลุมฝังศพของฉู่หมิงชุ่ยเลยรึ?” หยวนชิงหลิงถาม

หยู่เหวินเห้าชะงักไปครู่หนึ่ง " ถ้าบอกว่าเคยไป ก็เคยไปมาก่อนจริง ๆ"

เมื่อเห็นคิ้วของหยวนชิงหลิงขมวดมุ่นเป็นปมขึ้นมาอีกครั้ง เขาจึงรีบอธิบายอย่างรวดเร็วว่า “แต่ไม่ใช่ว่าไปโดยเจตนาหรอกนะ ตอนที่จิ้งถิงมา ข้าไม่ได้พาเขาออกไปวิ่งวุ่นอยู่หลายวันหรอกหรือ? ในแคว้นต้าโจวของพวกเขามีแร่อยู่ชนิดหนึ่ง เป็นแร่ชนิดที่พวกเขานำมาใช้ถลุงเป็นอาวุธแบบใหม่ ถ้าพวกเขาจะขนส่งจากแคว้นต้าโจวมา การเดินทางจะยาวนานและยากลำบากมาก ถ้าเป่ยถังของเรามีแร่ชนิดนี้ล่ะก็ พวกเขาสามารถสอนทักษะในการถลุงแร่ให้แก่พวกเราได้ ดังนั้น ข้าจึงพาเขาวิ่งวุ่นไปจนทั่วภูเขา เพื่อจะดูว่าที่นี่มีแร่ด้วยเช่นกันหรือไม่ พอไปถึงภูเขาเฟิ่ง ถึงได้รู้ว่าฉู่หมิงชุ่ยถูกฝังอยู่บริเวณส่วนนอกของสุสานตระกูลฉู่ ตระกูลฉู่ได้สร้างป้ายหลุมศพให้นาง แต่ไม่ได้เขียนอะไรอื่น มีแค่เขียนชื่อของนางว่าฉู่หมิงชุ่ย พวกเราไม่ได้ไปสักการะอะไรทั้งสิ้น อีกทั้งเวลานั้นสวีอีก็ไม่ได้ติดตามเข้าไปด้วย พอข้ากับจิ้งถิงกลับไปก็คุยกันถึงเรื่องนี้พอดี สวีอีเจ้าคนไร้สมองได้ยินคำว่า หลุมฝังศพของฉู่หมิงชุ่ย ก็คิดว่าข้าพาจิ้งถิงไปสักการะหลุมศพนาง เลยถือเอาว่านี่เป็นความลับอันยิ่งใหญ่ แล้วไปเล่าให้อาซี่ฟัง เรื่องทั้งหมดก็เป็นแบบนี้ หากข้าพูดโกหกแม้เพียงครึ่งคำ ขอให้ถูกฟ้าผ่าไม่ได้ตายดี”

หลังจากได้ฟังคำอธิบายของเขา หยวนชิงหลิงด้านหนึ่งก็รู้สึกโล่งอก แต่อีกด้านก็รู้สึกผิด จากนั้นก็พูดด้วยท่าทางซื่อ ๆ ว่า “ที่จริงแล้ว ต่อให้เจ้าจะไปสักการะหลุมศพนางข้าก็ไม่สนใจ อย่างที่ข้าได้พูดไปแล้วเมื่อครู่ ข้าจะไม่ไปคิดเล็กคิดน้อยกับคนที่ตายไปแล้ว พูดใหม่อีกครั้ง เจ้าคิดว่าข้าจะไม่เชื่อใจเจ้าเลยเชียวรึ ? ดังนั้นเจ้าไม่ต้องอธิบายอะไรให้ข้าฟังมากมายขนาดนั้นหรอก ข้าเข้าใจดี แล้วก็ไม่ได้โกรธอะไรด้วย”

เขาเหล่ตามองนางแวบหนึ่ง “จริงรึ? เจ้าเชื่อข้าโดยสมบูรณ์? ไม่เคยโกรธไม่เคยงอนเรื่องนี้เลย?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน