วันรุ่งขึ้น หยวนหย่งอี้ไม่ได้ออกมากินข้าวเช้า
ตอนที่กินข้าวเช้าหยวนชิงหลิงถามอาซี่ อาซี่จึงพูดแบบหลีกเลี่ยงปัญหาสำคัญว่า "เมื่อคืนพี่สาวร้องไห้ทั้งคืน วันนี้ไม่มีแรงพอ ก็เลยจะไม่ลุกออกมากินข้าวเช้าแล้ว"
สีหน้าของอ๋องฉีถึงกับเปลี่ยนไปทันที "ทำไมล่ะ?"
อาซี่มองเขา พูดด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีว่า “สาเหตุเพราะอะไรเจ้าไม่รู้หรอกรึ?”
หยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงกวาดสายตามองไปที่เขา แล้วถามขึ้นพร้อมกันว่า "เกิดอะไรขึ้น?"
อ๋องฉีไม่ตอบ นั่งเซ่ออยู่ที่นั่นครู่หนึ่ง จึงพูดขึ้นอย่างเฉยชาว่า “ไม่มีอะไรหรอก นางบอกว่านางจะไปจากจวนอ๋องฉี นางอยากไปก็ให้นางไปเถอะ นางบอกแล้วว่าไม่ช้าก็เร็วนางก็จะไปอยู่ดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไปช้าไม่สู้ไปเร็ว หลีกเลี่ยงไม่ให้ต่างคนต่างก็ต้องทุกข์ใจด้วย”
“พูดจาเพ้อเจ้ออะไรของเจ้า? นี่เจ้าไม่คิดจะเหนี่ยวรั้งนางเอาไว้สักหน่อยเลยรึ?” หยู่เหวินเห้าพูดอย่างโกรธเคือง
อ๋องฉียิ้มอย่างขมขื่น หันไปมองหยู่เหวินเห้า " เหนี่ยวรั้งอะไรล่ะ? ไม่ว่าข้าจะอธิบายเท่าไหร่นางก็ไม่ฟัง เอาแต่ดันทุรังถามว่า ในใจข้ายังมีฉู่หมิงชุ่ยหรือไม่"
“เช่นนั้น เจ้าก็บอกนางไปว่าไม่มีก็ได้แล้วไม่ใช่รึ ?” หยู่เหวินเห้าพูดอย่างฉุนเฉียว “ผู้หญิงถือสาเรื่องแบบนี้มาก สาบานกับนางเลยก็ได้ ว่าในใจเจ้าไม่ได้คิดถึงตั้งนานแล้วก็สิ้นเรื่อง เมื่อก่อนเจ้าเคยปฏิบัติต่อฉู่หมิงชุ่ยราวแก้วตาดวงใจขนาดนั้น นางย่อมถือเรื่องนี้มาใส่ใจอย่างแน่นอน เจ้าในฐานะผู้ชายควรมีความรับผิดชอบ ต้องรู้จักทำให้นางรู้สึกว่าตัวเองได้รับความสบายใจ นั่นถึงจะถูกต้อง”
อ๋องฉีส่ายหน้า “ข้าโกหกนางไม่ได้ มีบางคำที่ข้าไม่อาจพูดออกไปโดยฝืนต่อมโนธรรมในใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องพูดกับนาง ยิ่งไม่อาจโกหกได้แม้เพียงครึ่งคำ”
หยู่เหวินเห้าสูดลมหายใจเข้าจนลึกสุดปอด หันไปมองหยวนชิงหลิงด้วยสีหน้างุนงง "ข้าฟังผิดไปหรือไม่ ? เขาพูดเรื่องบ้าบออะไรออกมา ?"
หยวนชิงหลิงพูดอย่างเรียบเฉยว่า "เขาบอกว่าเขาไม่สามารถโกหกได้ เพราะว่าในใจเขายังคิดถึงคำนึงหาฉู่หมิงชุ่ยอยู่!"
หยู่เหวินเห้าโกรธมากจนวิญญาณแทบจะหลุดออกจากร่างแล้ว ผุดลุกขึ้นยืน หันหน้ากวาดสายตาไปรอบห้อง แต่ไม่เห็นอะไรที่พอจะจับคว้าขึ้นมาได้ จึงยกเก้าอี้ที่เขานั่งอยู่เมื่อครู่ขึ้นมาด้วยมือข้างหนึ่ง แล้วร้องตะโกนเสียงดังว่า “วันนี้ข้าจะตีตัวไร้ประโยชน์อย่างเจ้าให้ตาย ! เจ้าของไร้ค่าใช้การไม่ได้!”
พูดพลาง ก็ขว้างเก้าอี้นั้นเข้าไปใส่อ๋องฉีทันที
ที่ประตูหน้า มีคนคนหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว คว้าคอเสื้อของอ๋องฉีแล้วดึงออกไป แล้วใช้ตัวเองไปบังข้างหน้าเพื่อรับการโจมตีแทน
เก้าอี้กระแทกเข้าที่หัวของนาง เมื่อเก้าอี้ร่วงลงบนพื้น ก็เห็นว่าบนใบหน้าของนางมีเลือดไหลอาบ โอนเอนเกือบจะล้มมิล้มแหล่
ทุกคนอุทานออกมาด้วยความตกใจ อาซี่พุ่งเข้าไปข้างตัวนางเพื่อช่วยพยุงทันที พูดอย่างร้อนใจว่า “พี่สาว เจ้าโง่อะไรอย่างนี้!”
หยวนหย่งอี้ยิ้มด้วยสีหน้าซีดเซียว "ไม่เป็นไร ผู้ฝึกวรยุทธ์อย่างพวกเรา กับแค่บาดแผลแค่นี้จะนับเป็นอะไรได้ ?"
หยวนชิงหลิงถอนหายใจเฮือก เข้าไปช่วยอาซี่พยุงหยวนหย่งอี้ไปรักษาบาดแผล ก่อนจะจากไป ก็เหลือบสายตาไปมองอ๋องฉี ที่ยังคงยืนงงงันไม่มีสติอยู่อีกด้าน
หยู่เหวินเห้าก็อารมณ์เสียมากเช่นกัน เมื่อครู่นี้เขาโกรธสุดขีดแล้ว ตอนที่เขาเห็นว่าหยวนหย่งอี้พุ่งเข้ามา เก้าอี้ก็ถูกขว้างออกไปแล้ว ไม่สามารถหยุดได้จริง ๆ
เขาเห็นอ๋องฉียืนเป็นเบื้อใบ้อยู่อีกด้าน ก็โกรธจนไฟโทสะลามไปทั่วทุกอณูรูขุมขน "เจ้าตายแล้วหรืออย่างไร? มัวยืนเซ่อทำอะไรอยู่ได้ ยังไม่รีบเข้าไปอีก!"
ตอนนี้เองที่อ๋องฉีฟื้นคืนสติจากความตกใจขึ้นมาได้ พอนึกถึงสภาพที่นางเลือดไหลอาบหน้า ก็รีบวิ่งเข้าไปทันที
อาการบาดเจ็บของหยวนหย่งอี้ไม่น่าเป็นห่วงนัก ตอนที่อ๋องฉีเข้ามา หยวนชิงหลิงได้ห้ามเลือดกับฆ่าเชื้อให้นางเรียบร้อยแล้ว ตอนที่เก้าอี้ถูกขว้างออกไป มันไปกระแทกใส่หน้าผากกับหนังหัวจนเลือดไหล แต่อาการบาดเจ็บภายนอกนั้นไม่น่าเป็นห่วง หยวนชิงหลิงกลับกังวลเกี่ยวกับสมองที่อาจถูกกระทบกระเทือนมากกว่า เพราะจะอย่างไร ตอนที่เจ้าห้าออกแรงขว้างเก้าอี้เมื่อครู่นั้นก็ไม่ใช่เบา ๆ เลย
อ๋องฉีมายืนอยู่ตรงหน้าหยวนชิงหลิง ถอนหายใจเบา ๆ เสียงหนึ่ง แล้วหยิบผ้าขนหนูเปียกมาเช็ดเลือดบนใบหน้านาง พูดอย่างปวดใจว่า "เจ้าแค่ดูพี่ห้าตีข้าอย่างเดียวก็พอแล้ว ทำไมต้องช่วยข้าด้วย? ตัวเองต้องมาบาดเจ็บขนาดนี้ มันคุ้มกันแล้วหรือ?"
หยวนหย่งอี้พูดเบา ๆ ว่า "ข้าชินแล้วล่ะ"
คำพูดประโยคที่ว่าชินแล้วนั้น ทำให้ในใจอ๋องฉีรู้สึกเจ็บแปลบเหมือนถูกมีดแทง นางเป็นแบบนี้เสมอ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็จะคิดถึงเขาก่อน คอยปกป้องเขาทุกอย่าง ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา มันกลายเป็นความเคยชินของนางไปแล้วจริง ๆ
เขาอยากจะพูดโพล่งออกไปให้ชัด ๆ ว่าอยากให้นางอยู่ต่อ อยากให้อยู่ข้างกายเขาต่อไป เขาอาจทำให้คนอื่นผิดหวังได้ แต่ไม่อาจทำให้นางผิดหวังได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...