จนกระทั่งหยู่เหวินเห้าทานมื้อดึกเสร็จ ทั้งสองนอนลงบนเตียงแล้ว ก็ต้องมาถกเถียงถึงเรื่องขึ้นเขาของพรุ่งนี้ หยวนชิงหลิงแสดงสถานะของตัวเองอย่างชัดเจน ข้าไม่ไปไม่ได้ ทิ้งคนป่วยไม่ลง”
หยู่เหวินเห้าเอามือทั้งสองหนุนอยู่บนท้ายทอย “ข้าก็สนับสนุนเจ้าขึ้นไปต่อ เรื่องได้ทำมาแล้วครึ่งหนึ่ง ไม่ควรที่จะมาเสียกลางคัน อีกอย่างชีวิตคนสำคัญกว่า วันนี้เกือบทั้งวันข้าอยู่ที่สะพานหูเฉิง หวังว่าคนที่ถูกช่วยขึ้นมาจะยังคงหายใจอยู่ แต่ก็ผิดหวัง มีแต่สถานการณ์เช่นนี้ จึงได้เข้าใจคุณค่าของชีวิต”
“เสด็จพ่อว่าอย่างไร?”
หยู่เหวินเห้าตะแคงตัวมองนาง “ไม่ต้องสนว่าเสด็จพ่อจะว่ายังไง ไม่ว่ายังไงก็ไม่ตัดหัวหรอก พรุ่งนี้พวกเจ้าก็ปลอมตัวหน่อย ตอนที่พวกเจ้าขึ้นไปไม่มีคนขวางพวกเจ้าหรอก ตอนที่เจ้าลงมาถึงจะกล้าขวาง หากถูกขวางเป็นตายร้ายดีเจ้าก็ห้ามยอมรับฐานะของตัวเอง หากพวกเขากล้าตามมา พวกเจ้าก็ควบม้า หนีได้หนึ่งวันก็หนึ่งวัน หากถูกจับได้จริงค่อยคิดหาทางอีกที”
“จะเล่นอย่างนี้เลยเหรอ?” หยวนชิงหลิงแสดงความสงสัย
หยู่เหวินเห้ากล่าวอย่างอันธพาล “มันเป็นแผนการที่ไม่ดีอยู่แล้ว แต่มันกำลังเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ เราไม่มีเวลาคิดหาวิธีอื่น ผ่านไปหนึ่งวันก็หนึ่งวัน หากไม่ได้ ยังมีอีกสองวิธี หนึ่งก็คือใช้หัวที่อยู่บนคอของเจ้ารับประกันว่าสามารถรักษาโรคเรื้อนหายได้ ข้อสอง เราหย่ากันก่อน แกล้งหย่ากันไปก่อน รอให้รักษาผู้ป่วยหายแล้วค่อยแต่งใหม่อีกครั้ง อย่างไรก็ตามความหมายของพวกเขาก็คือขอเพียงเป็นเชื้อพระวงศ์ก็ห้ามขึ้นไป”
“มีเพียงแต่เชื้อพระวงศ์ที่ขึ้นไม่ได้เหรอ? เหมือนกับว่าคนอื่นๆก็ขึ้นไปไม่ได้ไม่ใช่เหรอ?” หยวนชิงหลิงจำได้ว่าเขาโรคเรื้อนเป็นที่ถูกกักตัว ใครก็ขึ้นไปไม่ได้ และใครก็ลงมาไม่ได้
หยู่เหวินเห้ายิ่งพาลมากขึ้น “ก็ไม่ใช่คนในเชื้อพระวงศ์แล้ว ยังมาสนใจกฎระเบียบทำไม? ให้อะซี่หมันเอ๋อกับยัยหน้ากลมพาเจ้าฝ่าขึ้นไปสิ ข้าเป็นเจ้ากรมการพระนคร เขาโรคเรื้อนก็อยู่ในความดูแลของข้า ขอเพียงพวกเขากล้าขึ้นไปจับเจ้า ข้าก็จะลงโทษพวกเขาไปด้วย หากถูกร้องเรียนไปเสด็จพ่อ ก็ยังไม่ไท่ซ่างหวงกับพวกลูกๆอีก”
หยวนชิงหลิงเห็นด้วยกับความคิดนี้อย่างมาก นางกล่าวอย่างโกรธเคือง “เราไม่ได้ไปทำความชั่วเสียหน่อย ทำไมต้องหลบๆซ่อนๆด้วย วันนี้ข้ายังได้บอกกับผู้ป่วยที่ข้ามาที่เขาโรคเรื้อนเป็นคำสั่งของทางราชสำนัก หากให้พวกเขารู้ว่าทางราชสำนักได้ทอดทิ้งพวกเขาไปนานแล้ว ไม่เสียจนตายหรอ?”
นิ่งไปครู่หนึ่ง หยวนชิงหลิงจู่ๆก็มองเข้าอย่างกังวล “มันจะทำให้ท่านถูกกล่าวโทษไปด้วยหรือเปล่า?”
หยู่เหวินเห้าพูดอย่างไม่สนใจ “ไม่เป็นไร ใครชอบกล่าวหาก็ให้มันกล่าวหาไป ทำเหมือนว่าข้าอยากจะเป็นรัชทายาทมากขนาดนั้น”
ตอนนี้เขาไม่อยากจะเป็นแล้ว แต่ว่าเสด็จพ่ออยากให้เขาเป็น ที่เสด็จพ่อต้องระมัดระวังก็เพราะไม่อย่าให้เขาไปเกี่ยวข้องกับเรื่องไม่ดีและทำให้เสียชื่อ
ใครอยากใครก็กังวล
หลังจากพูดเรื่องนี้จบ ทั้งสองคนก็ดึงผ้าห่ม “นอน!”
เช้าวันรุ่งขึ้นหยวนชิงหลิงเหมือนจะลุกไม่ขึ้น จนกระทั่งฟ้าสว่างจึงถูกเสียงข้างนอกทำให้ตื่น ลูบไปที่ข้างกายมันว่างเปล่า คาดว่าไอ้แก่ห้านอนไปแค่หนึ่งชั่วยามก็ออกไปแล้ว
ตำแหน่งรัชทายาทนี้ไม่อยากได้จริงๆเลย ต้องแบกชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรทั้งประเทศ มันหนักเกินไปแล้ว
หยวนชิงหลิงลุกขึ้นนั่ง หาวไปหนึ่งที เหนื่อยจนปวดคอปวดไหล่ไปหมด นางยื่นมือออกไปนวดตำแหน่งตรงท้ายทอยครู่หนึ่ง รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นเล็กน้อย จึงลุกขึ้นลงจากเตียง
ล้างหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็วเหมือนจะไปสู้รบ จากนั้นก็เรียกทุกคนเข้ามา ดูว่าวันนี้จะแต่งตัวเป็นอะไรกัน
สุดท้ายทุกคนมีความเห็นว่า แต่งกายเป็นกรรมกรดีที่สุด เสื้อผ้าของกรรมกรไม่ยุ่งยาก วิ่งได้เร็ว
วันนี้ที่จวนอ๋องอานอะหลูอาละวาดอย่างหนัก คนของถงเม่าขวางหยวนชิงหลิงเอาไว้ไม่ได้ แต่ได้ไปถามทางประตูเมือง บอกว่าหยวนชิงหลิงได้ลงจากเขาเข้าเมืองมาแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...