บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 609

เป็นอย่างที่หยู่เหวินเห้าคาดการณ์เอาไว้เลย หยวนชิงหลิงและพวกปลอมตัวขึ้นไปบนเขา มีคนเฝ้าอยู่ทางขึ้นเขา แต่ไม่มีคนขัดขวาง และไม่มีคนสะกดรอยตาม

พวกเขาขึ้นมาบนเขาได้ตามที่ต้องการ

วันนี้ท่านชายสี่กับหรงเยว่ก็ตามมาด้วย ก่อนหน้านี้หยวนชิงหลังรับปากว่าจะช่วยนาง นางต้องคว้าโอกาสในการทำดีหน่อย

นางต้องการให้อ๋องหวยเห็น นางนั้นมีเมตตาต่อผู้ป่วย เพราะว่าอ๋องหวยก็เคยป่วยหนัก และเป็นโรคที่แพร่ระบาดได้อีกด้วย เขาต้องเคยผ่านช่วงเวลาที่มืดมนมาแล้วอย่างแน่นอน

สำหรับท่านชายสี่ทำไมถึงมาด้วย ไม่มีคนรู้ อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก เมื่อมาถึงบนเขาก็เดินเตร่ไปเตร่มา เวลาส่วนใหญ่จะยืนมองอยู่บนราวอย่างเงียบๆ

แต่เรื่องกินนั้นกินมากกว่าทุกคน แถมยังเลือกมาก บอกว่าอาหารไม่ดี ผู้ป่วยต้องกินดีกว่านี้หน่อย ถึงจะสามารถฟื้นฟูร่างกายให้มีแรงต่อสู้กับโรคภัย

หลังจากที่เขาพูดแบบนี้แล้ว ก็ได้ให้ตั๋วเงินกับหยวนชิงหลิงปึกหนึ่ง บอกให้นางเอาไปให้พ่อครัวซื้อเนื้อมาตุ๋นน้ำซุป

หยวนชิงหลิงรีบรับมันมา นับไปครู่หนึ่ง ตั๋วใบเล็กใบใหญ่รวมกันแล้วประมาณสามพันตำลึง นางรีบเอาไปให้พ่อครัวห้าสิบตำลึง ให้เขาไปซื้อไก่มาตุ๋นน้ำแกงในวันพรุ่งนี้

ตอนนี้นางก็พอรู้ราคาสินค้าแล้ว ห้าสิบตำลึงสามารถซื้อของได้มากมาย ไก่หนึ่งตัวประมาณเจ็ดแปดสิบอีแปะ หนึ่งตำลึงสามารถแลกเงินได้หนึ่งพวง หนึ่งพวงก็มีหนึ่งพันอีแปะ เงินสามพันตำลึงนี้สามารถกินนานเลย

ดังนั้น ตอนแรกซูต๋าเหอกับเสียนเฟยที่ทำบัญชีปลอม ก็เพราะไม่มีคนดูถึงได้ผ่านมาได้ ขอเพียงมีตรวจดูหน่อย ยังไงก็สามารถเห็นข้อผิดพลาดอยู่แล้ว

โรคร้าย มันทำให้คนต้องหลีกเลี่ยงขนาดนั้นเลยเหรอ? ขอเพียงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับโรคร้ายก็ไม่มีคนไปสนใจดูแล

ผู้ป่วยวันนี้เชื่อฟังเป็นพิเศษ หยวนชิงหลิงให้ทำอะไรก็ทำตาม ตอนที่เสี่ยวหลันโถวมาเปลี่ยนยาและฉีดยานั้น ไม่ร้องไห้เลยเข้มแข็งอย่างมาก

ต่อมาท่านชายสี่ออกมานั่งตรงเนินเขา ตอนที่หรงเยว่ว่างก็เลยไปหาเขา นั่งลงข้างกายของเขา

ขณะนี้ ตกเย็นแล้ว เป็นยามอาทิตย์อัสดง ย้อมแผ่นดินอันกว้างใหญ่จนเป็นสีทองอล่าม

วิวทิวทัศน์นั้นสวยงามมาก แม้แต่คนที่นั่งอยู่ข้างในก็มองเห็นทิวทัศน์นี้เหมือนกัน แต่คนที่ป่วยหนัก จะมีกะจิตกะใจมาสนใจความงามของโลกได้อย่างไร?

หรยเยว่พูดเสียงเบา “นายท่าน ท่านเคยคิดหรือไม่? เมื่อวานที่เราลงมือช่วยพวกเขา บางทีอาจจะเป็นการเปิดเผยฐานะของเรา”

“ไม่สนใจ” ท่านชายสี่กล่าวอย่างเรียบเฉย

“ไม่สนใจ?” หรงเยว่แปลกใจเล็กน้อย นายท่านที่ใส่ใจเรื่องสำนักเหลิ่งหลังถูกเปิดเผยอย่างมาก เขามักจะพูดเสมอ สำนักเหลิ่งหลังถือเป็นความภาคภูมิใจของเขา และภารกิจนี้ก็ไม่สนใจแล้วเหรอ? เราควรที่จะคืนเงินหนึ่งแสนตำลึงให้กับคนอื่นแล้วหรือเปล่า?”

ท่านชายสี่ไม่ส่งเสียง หากคืนเงิน ก็เท่ากับว่าสำนักเหลิ่งหลังต้องยุบตัวลง

ครู่ใหญ่ ท่านชายสี่เหลิ่งถาม “วันนี้ได้ยินหยวนชิงหลิงพูด รัชทายาทบอกกับนางว่าหากถูกจับได้ก็ห้ามยอมรับฐานะของตัวเองจากนั้นให้หาโอกาสหนีไป การทำแบบนี้เป็นการขี้โกงมั้ย?”

หรงเยว่กล่าว “ขี้โกงก็ไม่มีวิธีอื่น มันก็มีวิธีนี้วิธีเดียว ทำได้หนึ่งวันก็หนึ่งวันไง”

“ใช่ บางทีการขี้โกงก็เป็นการใช้ชีวิตอย่างหนึ่งในโลกเช่นกัน เราได้รับภารกิจนี้มาแล้ว สำนักเหลิ่งหลังไม่เคยมีภารกิจที่จะทำไม่สำเร็จ แต่ระยะเวลาในการเสร็จสิ้นภารกิจอยู่ที่เราเป็นคนกำหนด ไม่ว่ายังไงหยวนชิงหลิงก็ต้องตาย งั้นภารกิจของเรานี้ก็เลื่อนเวลาออกไปก่อน รอให้นางใกล้ตาย เราค่อยฆ่านาง ก็ถือว่าไม่ได้ทำให้สำนักเหลิ่งหลังเราเสียชื่อ เจ้ารู้สึกยังไง?”

หรงเยว่มองสายตาของท่านชายสี่ที่มีความเศร้าเล็กน้อยแล้ว ความคิดเช่นนี้นายท่านยังคิดมาได้ แค่คิดก็รู้ว่าช่วงนี้เขาคงคิดเรื่องนี้จนถึงที่สุดแล้ว แม้แต่วิธีที่หลอกตัวเองยังสามารถพูดออกมาได้

นางพูดอย่างเจียมตัว “นายท่าน บางทีท่านตายก่อนนางล่ะ? นางเป็นลูกศิษย์ของท่าน คนของสำนักเหลิ่งหลังคงไม่กล้าฆ่านาง”

ใบหน้าของคุณชายสี่ก็ซีดเผือด

หรงเยว่กล่าว “อันที่จริงพระชายารัชทายาทเริ่มสงสัยฐานะของพวกเราแล้ว หากท่านไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องสำนักเหลิ่งหลัง ท่านก็กลับไปที่จื๋อลี่ก่อนเถอะ”

“ไม่ได้ แม้จะฆ่าหยวนชิงหลิงไม่ได้ ข้าก็ต้องเอาหมาป้าหิมะให้ได้ก่อน” ท่านชายสี่ลุกขึ้น ช่วงนี้ก็เสียเงินไปมากขนาดนี้แล้ว กลับไปมือเปล่าไม่ได้ ต้องเอาอะไรติดไม้ติดมือกลับไปด้วย ไม่ใช่หัวมนุษย์ก็คือหมาป่าหิมะ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน