บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 610

ฮ่องเต้หมิงหยวนฟังเสียงแล้วไม่เหมือนจริง อดไม่ได้ที่จะมองซ้ำหลายครั้ง “เจ้าเป็นใคร? ชื่ออะไร?”

นางที่ดูหวาดกลัวกล่าว “หม่อมฉันชื่อว่าหรงเยว่ บ้านเกิดอยู่ที่จื๋อลี่ หม่อมฉันกับแม่มาค้าขายเพื่อเลี้ยงชีพในเมืองหลวง คาดไม่ถึงเมื่อตอนเดือนห้าถูกคนใจร้ายหลอกเงินไปหมด แม่เสียใจจนล้มป่วย อาศัยจำนำเครื่องประดับจนอยู่รอดมาวันนี้ จนถึงตอนนี้เงินหมดแล้วจริงๆ ถึงได้ขึ้นเขาไปจับกระต่ายเพื่อมาให้แม่บำรุงร่างกาย แต่ว่าหม่อมฉันจะวิ่งทันกระต่ายป่าได้อย่างไร นั่งเฝ้าไปครึ่งวัน สุดท้ายจึงลงมาด้วยมือเปล่า คิดไม่ถึง เมื่อลงมาก็ถูกคนมากมายมาล้อมเอาไว้ บอกว่าหม่อมฉันคือพระชายารัชทายาท ขังหม่อมฉันไปหนึ่งคืน แม่ของหม่อมฉันคงเป็นห่วงน่าดู”

ตี๋เว๋ยหมิงกำลังคิดจะเย้ยหยันคำพูดของนาง ก็เห็นรัชทายาทหยู่เหวินเห้าเข้ามาอย่างรีบเร่ง เขาที่มาพร้อมกับขอบตาแพนด้าคู่หนึ่ง เสื้อผ้าที่พอจะเรียบร้อยอยู่บ้าง แต่ว่าสกปรกไปหน่อย

“กระหม่อมมาสาย ฮ่องเต้โปรดอภัยด้วย!” เขาเข้ามาในท้องพระโรงก็คุกเข่าด้วยขาข้างเดียว กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม “เรื่องที่สะพานหูเฉิงถล่มได้จัดการไปเรียบร้อยหมดแล้ว ศพก็งมขึ้นมาหมดแล้ว ตายไปสามสิบคน บาดเจ็บหนึ่งคน ผู้โชคดีเป็นเด็กอายุเจ็ดขวบ”

เหล่าขุนนางมองรัชทายาทที่เข้ามารายงานเรื่องงาน และเห็นท่าทางที่อิดโรยของเขา เกรงว่าคงไม่รู้ว่าเรือนหลังบ้านเกิดเรื่องแล้ว

ตี๋เว๋ยหมิงกล่าวอย่างเรียบเฉย “องค์รัชทายาทขยันรักประชาชน พระชายารัชทายาทกับก่อเรื่องเช่นนี้ ช่างทำให้คนผิดหวังนัก”

หยู่เหวินเห้าได้ฟังคำพูดของเขา ก็เงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ จึงพบว่าในท้องพระโรงมีผู้หญิงคุกเข่าอยู่ พอดีกับที่ผู้หญิงคนนี้ก็หันหน้ามา หยู่เหวินเห้าสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “เจ้า.........กลับมีหน้าตาละม้ายคล้ายกับพระชายารัชทายาท?”

ตี๋เว๋ยหมิงยิ้มเยาะ “องค์รัชทายาท พระองค์คงยุ่งจนมึนไปแล้ว แม้แต่พระชายาของตัวเองก็จำไม่ได้แล้ว”

หยู่เหวินเห้าหันหน้าไปมองเขา ทำหน้าเคร่งขรึม “ท่านแม่ทัพ คำพูดของเจ้าช่างแปลกประหลาดนัก นางจะเป็นพระชายารัชทายาทได้อย่างไร? พระชายารัชทายาทวันนี้ได้เข้าวังมาพร้อมกับข้า ตอนนี้นางไปน้อมทักทายไท่ซ่างหวงที่ตำหนักฉินคุนแล้ว”

ตี๋เว๋ยหมิงยิ้มเยาะ “ใช่หรือ? ในเมื่อพระชายารัชทายาทอยู่ที่ตำหนักฉินคุน รบกวน เชิญพระชายารัชทายาทมาที่ท้องพระโรง ทุกคนจะได้เข้าใจ”

หยู่เหวินเห้าพูดด้วยความโกรธ “เหลวไหล พระชายารัชทายาทเป็นผู้หญิงที่อยู่ในเรือนด้านหลัง จะสามารถมาถกเรื่องงานที่ท้องพระโรงได้อย่างไร? ตี๋เว๋ยหมิง เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

ตี๋เว๋ยหมิงที่ได้ยินคำพูดนี้คิดว่าเขาไม่กล้า เขาก็คลั่งขึ้นมาในทันที “องค์รัชทายาทก็อยากปิดบังอีกเลย พระชายารัชทายาทขึ้นไปบนเขาโรคเรื้อนหลายวันแล้ว เป็นเรื่องที่ทุกคนต่างก็รู้ เมื่อคืน กระหม่อมผ่านไปยังเขาโรคเรื้อนพอดี ก็เห็นพระชายารัชทายาทกับพรรคพวกกำลังลงมาจากเขา กระหม่อมเกรงว่าจะทำให้เสียชื่อเสียงของราชวงศ์ ก็เลยได้จัดพระชายารัชทายาทให้อยู่ในที่ปลอดภัย วันนี้แต่เช้า เข้าวังมาพร้อมกันเพื่อให้พระชายารัชทายาทมาชี้แจงให้ชัดเจน” หยู่เหวินเห้าลุกขึ้นมาในทันที กล่าวอย่างโกรธเคือง “อย่าว่าแต่คนผู้นี้ไม่ใช่พระชายารัชทายาท ต่อให้นางเป็นพระชายารัชทายาท ในเมื่อท่านผ่านเขาโรคเรื้อนแล้วเห็นนางพอดี พานางกลับมาที่เมืองหลวง ควรจะมารายงานข้าสักคำมั้ย? เจ้าไม่ได้มารายงาน ยังตั้งใจกักขังผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่าเจ้า เจ้าต้องการอะไร? หากนางคือพระชายารัชทายาทจริง ไม่เท่ากับถูกเจ้ากักขังไปหนึ่งคืนโดยไม่มีเหตุผลหรอกเหรอ? ตี๋เว๋ยหมิงเจ้าช่างใจกล้ามากนัก!

เมื่อกี้ทุกคนได้ตกใจไปกับสิ่งที่ตี๋เว๋ยหมิงพูดแล้ว รู้สึกว่าหากพระชายารัชทายาทไปที่เขาโรคเรื้อนจริงทำให้คนที่ได้ยินเรื่องนี้ต่างก็สยดสยอง ตอนนี้คำพูดของหยู่เหวินเห้า ทำให้คนทุกคนได้ครุ่นคิด ใช่ เจ้าตี๋เว๋ยหมิงมีสิทธิ์อะไรถึงกล้ากักขังพระชายารัชทายาทตั้งหนึ่งคืน?

ตี๋เว๋ยหมิงเห็นสีหน้าของทุกคนก็แปลกใจเล็กน้อย ร้อนใจในทันที กล่าวอย่างเย็นชา “องค์รัชทายาท กระหม่อมมีความผิดจริง แต่เรื่องมันสำคัญ หากให้ประชาชนรู้ว่าพระชายารัชทายาทขึ้นไปเขาโรคเรื้อน มันจะทำลายชื่อเสียงของราชวงศ์ รัชทายาทขึ้นชื่อว่ารักเมีย จะรู้ได้อย่างไรว่าจะไม่ปกปิดมัน? ในใจกระหม่อม ประชาชนนั้นสำคัญที่สุด”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน