เมื่อเขาได้สติกลับมา ค่อยรู้ตัวว่าถูกโสวฝู่ฉู่เบี่ยงเบนความสนใจ ปัญหาที่สำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าเขาล่วงล้ำอำนาจหรือเปล่า แต่อยู่ที่พระชายารัชทายาทขึ้นไปบนเขาโรคเรื้อน
เขารวบรวมสติ พร้อมพูดขึ้นว่า “โสวฝู่สั่งสอนได้ถูกต้อง เดี๋ยวข้าน้อยจะไปรับโทษเอง แต่พระชายารัชทายาทแอบขึ้นไปบนเขาโรคเรื้อนด้วยตนเอง ควรที่จะมีคำอธิบายให้กับฮ่องเต้กับเหล่าขุนนางไหม?”
อีกทางด้านหนึ่ง หยู่เหวินเห้ากับฮ่องเต้หมิงหยวน มองตาซึ่งกันและกันจบสิ้นแล้ว และที่เขาต้องการถาม โสวฝู่ก็ได้ช่วยถามแล้ว จึงค่อยๆมีคำสั่งว่า “ในเมื่อองค์ชายรัชทายาทพูดว่าพระชายารัชทายาทอยู่ที่พระตำหนักฉินคุน มาสิ เชิญพระชายารัชทายาทมาที่ท้องพระโรงหน้า”
ตี๋เว่ยหมิงได้ยินฮ่องเต้หมิงหยวนพูดเช่นนี้ ในใจค่อยโล่งอก ดีที่ฮ่องเต้ไม่ได้ถูกชักนำไปในทางที่ผิด
หญิงสาวคนนั้นยังคุกเข่าอยู่ตรงหน้าท้องพระโรง คุกเข่าจนค่อนข้างเอนเอียง ท่าทีเหมือนกำลังจะเป็นลม เหลิ่งจิ้งเหยียนเห็นเข้า ก็พูดขึ้นว่า “ฮ่องเต้ สีหน้าของนางดูไม่ค่อยดี ท่านยกเว้นไม่ต้องให้นางคุกเข่าแล้วเถอะ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนมองดูนางแว๊บหนึ่ง พร้อมพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “ลุกขึ้นมาเถอะ”
เหลิ่งจิ้งเหยียน ถามขึ้นประโยคหนึ่งว่า “ร่างกายเจ้าไม่สบายหรือเปล่า?”
หลังจากหญิงสาวถวายขอบคุณแล้ว ก็ลุกขึ้นมาอย่างสั่นเทา น้ำตานองหน้า พูดขึ้นอย่างน่าสงสารว่า “ร่างกายหม่อมฉันไม่เป็นไร เพียงแค่ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ ไม่ได้ดื่มน้ำสักหยด ทั้งหิวทั้งกระหาย จึงทำให้ค่อนข้างเวียนหัวตาลาย”
อ๋องชินลุ่ยได้ยินเช่นนี้ ก็ขมวดคิ้วพร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ได้ดื่มน้ำสักหยด? แม่ทัพตี๋ ในเมื่อเจ้าพูดว่านางคือพระชายารัชทายาท จับตัวไว้ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ ไม่ได้ปรนนิบัติให้น้ำให้อาหารเลยหรือ?”
ตี๋เว่ยหมิงอึ้งไปในทันที พร้อมพูดขึ้นว่า “คือ...เรียนอ๋องชินลุ่ย กระหม่อมสั่งไว้แล้วว่าให้การต้อนรับเป็นอย่างดี เกรงว่าคงเป็นเพราะพวกบ่าวใช้ละเลยหน้าที่”
อ๋องชินลุ่ยดูมือของนางอีกครั้ง คิ้วยิ่งขมวดลึก พร้อมพูดขึ้นว่า “มือของเจ้าเป็นอะไร? ทำไมถึงเต็มไปด้วยรอยแดง ยังมีที่คอ ทำไมถึงเหมือนเคยถูกคนรัดแบบนั้น”
ทุกคนหันมามองดู แล้วก็มองเห็นบนหลังมือของนางมีร่องรอยเล็บมือ ตรงคอก็มีรอยช้ำจากการถูกบีบด้วยมือ ถึงแม้จะไม่ได้ชัดเจนมาก แต่เมื่อดูดีๆก็สามารถมองเห็นได้
หญิงสาวหรงเยว่ก้มหน้าร้องไห้ ไม่กล้าพูดอะไร
อ๋องชินลุ่ยพูดขึ้นอย่างโมโหขึ้นมาทันทีว่า “แม่ทัพ กล้าดียังไงถึงใช้การทรมาน?”
ทุกคนตกอยู่ในความโกลาหลขึ้นมาในทันใด
ตี๋เว่ยหมิงหัวเราะเยาะพร้อมพูดขึ้นว่า “กลเจ็บกายของพระชายารัชทายาทนี้ เกรงว่าคงไม่มีใครเชื่อ ต่อให้ข้ามีความกล้าค้ำฟ้า ข้าก็ไม่กล้าทรมานพระชายารัชทายาท”
อ๋องชินลุ่ยพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ไม่ให้ทานไม่ให้ดื่ม นี่คงเป็นเรื่องจริงใช่ไหม?”
ตี๋เว่ยหมิงพูดขึ้นอย่างฉับไวว่า “ข้าละเลยไปแล้ว ข้าขอรับโทษ”
อ๋องชินลุ่ยโกรธจนขำ พร้อมพูดขึ้นว่า “รับโทษ? ดูเหมือนว่าเดี๋ยวแม่ทัพจะต้องไปรับโทษไม่น้อยเลย อย่างน้อย ความผิดฐานละเลยในหน้าที่ยังไงก็หนีไม่พ้น”
“ใช่ แม่ทัพ ท่านปฏิบัติงานอยู่ในค่ายทหารไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงได้ผ่านเขาโรคเรื้อนขึ้นมากะทันหัน? ตั้งใจเฝ้าอยู่ หรือว่าเดินผ่านไปเจอ? ข้าได้ยินมาว่าช่วงนี้ มีผู้คนมากมายเฝ้าอยู่ตรงเขาโรคเรื้อน หรือว่า ล้วนเป็นคนของแม่ทัพ?” เหลิ่งจิ้งเหยียนถามขึ้น
ตี๋เว่ยหมิงเห็นพระชายารัชทายาทที่พูดถึงยังไม่มาสักที แต่เหลิ่งจิ้งเหยียนกับอ๋องชินลุ่ย เอาแต่จ้องมองอยากที่จะจับผิดเขา แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าตั้งใจเบี่ยงเบนความสนใจ เขาจึงไม่พูดอะไร ขอเพียงไม่ใช่ฮ่องเต้เป็นคนถาม เขาจะไม่ตอบสักคำ รอเพียงว่าจะเรียกพระชายารัชทายาทมาเข้าเฝ้าไหม
หลังจากนั้นสักพัก มู่หรูกงกงเดินนำพาพระชายารัชทายาทหยวนชิงหลิงเข้ามาในท้องพระโรง
หยวนชิงหลิงสวมชุดชาววังสีเหลืองทองอร่ามปักลวดลายดอกโบตั๋นด้วยด้ายสีเงิน มวยผมทรงเมฆคล้อย สูงส่งสง่างาม ดูน่าเกรงขามอย่างไม่ธรรมดา ตอนที่เข้ามาในท้องพระโรง ท่าทีดูค่อนข้างตกใจทำอะไรไม่ถูก แต่ก็ยังคงไม่ลืมที่จะก้าวขึ้นมาคุกเข่าทำความเคารพ
“ถวายบังคมฮ่องเต้”
ตี๋เว่ยหมิงลูบดูด้านล่างจมูกที่มีเลือดสีแดงอุ่นๆไหลออกมา ความเจ็บปวดทำให้สมองของเขาฟื้นตื่นขึ้นมา เมื่อคิดดูดีๆแล้ว ค่อยรู้ว่าตนเองเดินมาถึงจุดนี้ทีละก้าวได้อย่างไร สถานการณ์ทุกอย่างล้วนแสดงให้เห็นว่าการที่องค์ชายรัชทายาทต่อยหมัดนี้เป็นไปอย่างถูกต้อง
ฮ่องเต้หมิงหยวนที่ไม่พูดอะไรสักคำมาตลอด ตอนนี้ค่อยพูดขึ้นอย่างเชื่องช้าว่า “เอาล่ะ อย่าทะเลาะกันอีกเลย เจ้าห้า พาภรรยาของเจ้า ส่งหญิงสาวคนนี้ออกจากวังไป เตือนนางด้วยว่าต่อไปห้ามขึ้นไปบนเขาโรคเรื้อนอีก อีกอย่าง หาคนไปเยี่ยมแม่ของนาง ช่วยรักษาอาการป่วยให้แม่ของนางด้วย”
หยวนชิงหลิงเดินมาตรงหน้าหญิงสาวหรงเยว่ พร้อมพูดขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า “แม่นาง เราไปกันเถอะ”
หญิงสาวหรงเยว่สะอึกสะอื้นพร้อมทูลลาออกไปกับหยวนชิงหลิงกับหยู่เหวินเห้า ส่วนภายในท้องพระโรง ลงโทษตี๋เว่ยหมิงอย่างไร ก็ไม่รีบร้อน ยังไงก็ต้องได้รู้
ออกจากวังแล้ว ขึ้นรถม้า หรงเยว่ดึงหนังหน้าบนใบหน้าออกมา ถอดหนังหน้าบางแผ่นนั้นออก ถูกแทนที่ด้วยใบหน้าที่บอบบางสวยสดงดงามของนาง
นางใช้มือข้างหนึ่งหยิบเอาถุงน้ำหนังด้านข้างมาเปิดฝาออก แล้วก็ดื่มอย่างกระหายขึ้นมาทันที
“ช้าๆหน่อย เดี๋ยวสำลัก” หยวนชิงหลิงยิ้มพร้อมพูดขึ้น
หรงเยว่ดื่มน้ำทั้งหมดที่มี พร้อมพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “ไอ้ตาแก่คนนี้ไม่มีน้ำใจเลย จับข้าขังไว้ทั้งคืน น้ำหยดเดียวก็ไม่ให้ข้าดื่ม ข้ากับไอ้ตาแก่จะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างรู้สึกผิดว่า “หรงเยว่ ลำบากเจ้าแล้ว”
หรงเยว่หัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ลำบากอะไร? ไม่รู้หรอกว่าสะใจขนาดไหน ตอนที่อยู่ในท้องพระโรง ข้ารอคอยที่จะเห็นท่าทีพ่ายแพ้ของไอ้ตาแก่นั่นจะแย่อยู่แล้ว หนึ่งหมัดที่องค์ชายรัชทายาทต่อยนั้น สะใจอย่างที่สุด เสียดายที่ข้าไม่สามารถต่อยใบหน้าของเขาสักหมัด หากเป็นปกติ จะต้องสับสมองของไอ้ตาแก่ แล้วก็เอาไปให้เป็นอาหารหมาป่า”
หยู่เหวินเห้าแลมองดูนางแว๊บหนึ่ง พร้อมพูดขึ้นว่า “หรงเยว่ พูดมา เจ้ากับท่านชายสี่ นอกจากเป็นนักค้าขายกันแล้ว ยังมีสถานะอะไรอีก?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
OMG ไม่คิดว่าจะอ่านจบ 2105 หน้าสุดปัง เรื่องสนุกมาก ดำเนินเรื่องได้น่าติดตาม มีความเรียลจนบางตอนมีน้ำตาซึมตามเพีาะความประทับใจ สนุกมากจริงๆทอยากให้มีภาคลูกไปบ้าง...
กลับมาอ่านอีกครั้ง สนุกจริง...
สนุกมากค่ะ มีต่อไหมคะ...
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...