บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 617

หลังจากแกะผ้าพันแผลเผให้เห็นบาดแผล หยวนชิงหลิงกลั้นลมหายใจ บาดแผลค่อนข้างลึก กล่องยาของนางวางอยู่ด้านข้าง หยิบน้ำยาฆ่าเชื้อมาล้างบาดแผลให้กับเขา หลังจากฆ่าเชื้อทายาแล้วก็พันแผลใหม่

ไท่ซ่างหวงไม่ขยับ ปล่อยให้นางจัดการ เปลือกตาหย่อนคล้อย ดวงตาหรี่ลง มองดูข้าวเหนียวน้อยนอนอยู่ในอ้อมแขนอย่างเงียบๆ เงยหน้าขึ้นมองดูซาลาเปากับทังหยวนบ้างเป็นครั้งคราว นายน้อยสองคนนั่นยังคงหลับใหลเหมือนหมูตัวน้อย ท่ามกลางเสียงร้องไห้ของข้าวเหนียวน้อย

ในใจไท่ซ่างหวงค่อยมีความรู้สึกว่า พระตำหนักฉินคุนที่วุ่นวายเสียงดังเป็นสิ่งที่เขาอยากได้ในตอนนี้

หลังจากพันแผลเรียบร้อยแล้ว หยวนชิงหลิงอุ้มข้าวเหนียวน้อยให้กับแม่นม จากนั้นคุกเข่าอยู่ตรงหน้าไท่ซ่างหวง เงยหน้าขึ้นพร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำตาที่สำนึกผิดว่า “เสด็จปู่ ขออภัย ข้าไม่ได้มาหาท่านตั้งนาน ข้าสำนึกผิดแล้ว”

ไท่ซ่างหวงหายโกรธตั้งแต่แรกแล้ว ตอนนี้เห็นนางคุกเข่าลง ก็เหลือความดื้อด้านเพียงอย่างเดียว พูดขึ้นอย่างประชดว่า “อยากไม่อยากมาก็ช่าง ใครสนใจ? หลีกไป อย่ากีดขวางข้าทานอาหารเช้า”

หยวนชิงหลิงได้ยินเช่นนี้ ก็รีบลุกขึ้นมาปรนนิบัติเขาทานอาหารเช้า

ถึงแม้ตลอดที่ทานอาหารเช้า ไท่ซ่างหวงบ่นตลอดว่าขนมงาได้ละเอียดอ่อน ขนมโก๋แผ่นเมฆไม่ค่อยหวาน ซุปโสมสามเจ็ดมีรสขม แต่ก็กลับทานไปไม่น้อย สุดท้ายยังประทานซุปให้กับหยวนชิงหลิงหนึ่งถ้วย กับขนมหวานสองชิ้น

หลังจากทานเสร็จแล้ว หยวนชิงหลิงประคองเขาไปเดินเล่นที่อุทยานอวี้ฮัว แม่นมก็อุ้มเด็กตามมาด้วย

ปู่หลานทั้งสองคุยกันสักพัก หยวนชิงหลิงก็เล่าเรื่องที่ตนเองยุ่งในช่วงนี้ให้เขาฟัง ที่จริงไท่ซ่างหวงก็รู้ แต่ก็ยังคงฟังนางพูดอยู่อย่างเงียบๆ

เมื่อเดินเหนื่อยแล้ว ทั้งสองก็เข้าไปนั่งในศาลา หยวนชิงหลิงก็พูดถึงเรื่องงานแต่งของอ๋องหวย อยากรับฟังความคิดเห็นของไท่ซ่างหวง

ไท่ซ่างหวงไม่ได้ถามถึงชาติตระกูลก่อน แต่ถามถึงรูปร่างหน้าตาและอุปนิสัยของหรงเยว่ หยวนชิงหลิล้วนเล่าให้ฟังอย่างละเอียด

หลังจากไท่ซ่างหวงได้ฟังแล้ว พยักหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ยินยอมขึ้นเขาโรคเรื้อนไปกับเจ้า หากไม่มีความหมายอื่นแอบแฝง งั้นก็แสดงว่ามีความปรารถนาดี แต่ไม่ว่าแบบไหน ก็ถือว่าเป็นคนที่มีความกล้าหาญอย่างไม่ธรรมดาคนหนึ่ง คนปกติไม่มีใครกล้าขึ้นไปบนเขาโรคเรื้อน นางเป็นหญิงสาวที่ยังไม่ได้ออกเรือน ยินยอมที่จะไปรักษาผู้ป่วยพร้อมกับเจ้า คู่ควรที่จะพิจารณา”

หยวนชิงหลิงพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำว่า “ไท่ซ่างหวง พวกเขาเป็นคนของสำนักเหลิ่งหลัง”

ไท่ซ่างหวงค่อนข้างแปลกใจ พร้อมพูดข้นว่า “สำนักเหลิ่งหลัง?”

“ใช่ หรงเยว่เป็นผู้ปกปักษ์รักษาของสำนักเหลิ่งหลัง”

ไท่ซ่างหวงหัวเราะขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นเรื่องนี้เหมาะสม”

“เหมาะสม?” หยวนชิงหลิงอึ้ง เดิมคิดว่าหลังจากพูดเรื่องสำนักเหลิ่งหลัง ไท่ซ่างหวงจะรู้สึกว่าต้องระมัดระวังบ้าง คิดไม่ถึงว่าจะพูดว่าเหมาะสมทันที

ไท่ซ่างหวงถามขึ้นว่า “ใครเป็นคนก่อตั้งสำนักเหลิ่งหลัง เจ้ารู้ไหม?”

หยวนชิงหลิงส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “รู้ คือท่านชายสี่เหลิ่ง คนรวยซื่อบื้อที่ทุ่มเงินสองล้านตำลึงให้กับราชการสำนักคนนั้นไง”

ไท่ซ่างหวงส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “เขาไม่นับว่าเป็นผู้ก่อตั้ง น่าจะเป็นอาจารย์ของเขาเป็นคนก่อตั้ง อาจารย์ของเขาเป็นใคร เจ้ารู้ไหม?”

หยวนชิงหลิงส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นก็ไม่รู้แล้ว”

ไท่ซ่างหวงยกคางขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง พร้อมพูดขึ้นว่า “โล่หมัน”

หยวนชิงหลิงตกตะลึง โล่หมันพระชายาของอ๋องชินเฟิงอัน? แม่ทัพน้อยชาวหมาป่า? แต่ตอนนี้น่าจะควรเรียกว่าอาจารย์แล้ว? เช่นนี้ ท่านชายสี่กับเซียวเหยากง เป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องสำนักเดียวกันหรือ?

นางมองดูไท่ซ่างหวง ตอนที่เขาพูดถึงโล่หมัน จะเหย่อหยิ่งทำไม? โล่หมันมีความสามารถแค่ไหนก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา คนอื่นเป็นพระชายาของอ๋องชินเฟิงอัน

เป็นพี่สะใภ้ของเขา

“ไม่ใช่มั้ง” หยวนชิงหลิงคิดถึง ความตั้งใจของท่านชายสี่เหลิ่ง ที่อยากจะได้หมาป่าหิมะขึ้นมาในทันใด จึงพูดขึ้นว่า “ในเมื่อเขาเป็นลูกศิษย์ของชายาเฟิงอัน งั้นเขาควรที่จะมีหมาป่าหิมะถึงจะถูก ทำไมถึงอยากที่จะซื้อหมาป่าหิมะของจวนเรา?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน