บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 643

ฮ่องเต้หมิงหยวนมองใบหน้าดื้อรั้นของเขา ก็โมโหเป็นอย่างยิ่ง “เจ้าให้ข้าประกาศให้ใต้หล้านี้รู้ว่าโรคร้ายได้ถูกพิชิตจนหายสนิทแล้ว แล้วถ้าไม่เป็นอย่างที่ประกาศเล่า ข้าจะเอาหน้าที่ไหนไปพบกับเหล่าขุนนางและประชาชน เจ้าได้รับการปฏิบัติจากข้าอย่างดีแต่เจ้ากลับไม่ช่วยให้ข้าคลายกังวล เจ้าที่เป็นลูกกลับเป็นปรปักษ์กับคนเป็นพ่อทุกเรื่อง เป็นถึงขุนนางของประชาชน ไม่สนใจความปลอดภัยของประชาชน มีคดีก็ไม่ไข ทำให้ความสงบในเมืองหลวงที่มีมาตลอดก่อนหน้านี้เกิดความวุ่นวาย วันวันเอาแต่ทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งลาภยศและชื่อเสียงของตนเองเท่านั้น เจ้าทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ ตำแหน่งในกรมการพระนคร เจ้าถูกไล่ออกถึงสามครั้ง เชื่อว่าก็คงไม่ใส่ใจหากจะเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง”

หยู่เหวินเห้าร้อนใจขึ้นมา “เสด็จพ่อ คดีที่เกิดขึ้นช่วงนี้ ลูกได้ทำการตรวจสอบอย่างเต็มความสามารถแล้ว ท่านอย่า……”

ฮ่องเต้หมิงหยวนกดมือลง เอ่ยด้วยเสียงเคร่งขรึมจริงจัง “ไม่ต้องพูดอีกแล้ว ตำแหน่งเจ้ากรมการพระนครเจ้าทำได้ไม่ดีก็ยกตำแหน่งให้ผู้อื่นทำ ให้เจ้าสี่มาทำเถอะ”

“อะไรนะ”หยู่เหวินเห้าเงยหน้าขึ้นทันที “เสด็จพ่อ ตำแหน่งเจ้ากรมการพระนครจะให้ใครมาทำก็ได้ มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่ให้ไม่ได้ เขามีจิตใจทะเยอทะยานมากเกินไป ถ้าหากตำแหน่งในเมืองหลวงยกให้เขา นั่นไม่เท่ากับสนับสนุนความทะเยอทะยานของเขาหรือ”

ฮ่องเต้หมิงหยวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า“ข้าไม่ยกเลิกตำแหน่งเจ้าก็ได้ แต่เจ้าต้องหยุดหยวนชิงหลิงไม่ให้ขึ้นเขาอีก”

หยู่เหวินเห้าคลานเข่าเข้าไปข้างหน้า ยังคงขอร้องต่อเนื่อง “เสด็จพ่อ ท่านใช้วิธีการที่ลูกเสนอไปก่อนได้หรือไม่ สามารถยื้อเวลาให้นางสักสิบวันแปดวันก็ยังดี เรื่องนี้ก่อนหน้านี้ท่านก็สนับสนุน ตอนนี้ก็แค่พบเจอกับอุปสรรคเล็กน้อย จะปล่อยวางง่ายๆเช่นนี้หรือ”

ใบหน้าของฮ่องเต้หมิงหยวนบึ้งตึงขึ้นมาอีก แต่ยังคงใช้น้ำเสียงที่จริงใจและหนักแน่น “อุปสรรคเล็กน้อย เจ้าห้า เจ้าต้องเรียนรู้การบริหารบ้านเมืองก็เป็นเช่นนี้ ในขณะที่ทุกคนต่างก็คัดค้านเจ้า แม้ว่าเจ้ายังคงคิดว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ก็ต้องหยุดลงพิจารณาทบทวนตัวเอง บางทีตัวเองอาจคิดไม่ถึงในบางจุด ทำผิดพลาดไป เพราะถ้าเจ้าได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ วางนโยบายในการดำเนินการ ที่ได้รับผลกระทบก็คือราษฎรของเป่ยถัง เจ้าต้องระวังแล้วระวังอีก แม้ว่านโยบายนั้นจะมีประโยชน์มากสักแค่ไหน เจ้าก็ต้องเรียนรู้ที่จะฝืนใจตัดมันทิ้งไปซะ นี่ก็คือหลักในการบริหารประเทศ ไม่สามารถมองแต่ผลประโยชน์ส่วนน้อยได้ ต้องเริ่มตั้งแต่สถานการณ์โดยรวม ตอนนี้เจ้าทำเพื่อไม่กี่ร้อยชีวิตบนเขาโรคเรื้อนแต่ทำให้ทั้งเป่ยทั้งต้องตกอยู่ในความวุ่นวายโกลาหล นั่นก็เท่ากับเป็นการห่วงเรื่องเล็กจนเสียเรื่องใหญ่ ไม่ใช่การกระทำอันชาญฉลาดของผู้เป็นคนปกครองประเทศ ”

“เสด็จพ่อ ที่ท่านพูดลูกเข้าใจดี แต่ว่าครั้งนี้ไม่เหมือนกัน เป่ยถังของเราได้ถูกคำสาปจากโรคร้ายพันธนาการเอาไว้ลึกมาก พูดถึงโรคเรื้อนแล้วต้องตื่นตระหนก ความหวาดกลัวนี้ถ้าไม่ได้รับการแก้ไข ครั้งหน้าหากเกิดการระบาดขึ้นอีก หรือว่าต้องสร้างเขาโรคเรื้อนขึ้นมาอีก ตอนนี้บนเขาโรคเรื้อนในเมืองหลวงมีคนอยู่หลายร้อยชีวิต บางทีท่านมองว่าคนพวกนี้อาจไม่มีค่าให้ต้องพูดถึง แต่ท่านลองคิดดู เป่ยถังของเขามีเขาโรคเรื้อนและเกาะโรคเรื้อนตั้งเท่าไหร่ นี่ไม่ใช่แค่ชีวิตคนไม่กี่ร้อยคน นี่มันชีวิตคนนับพันนับล้าน ขอเพียงคนป่วยบนเขาโรคเรื้อนถูกรักษาให้หายดี คนไข้ในเขาโรคเรื้อนแห่งอื่นก็สามารถมีทางรักษาให้หายได้”

อีกนิดเดียวฮ่องเต้หมิงหยวนก็จะถูกเขาพูดกล่อมให้ใจอ่อนอยู่แล้ว แต่ว่า พอคิดถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงตอนนี้ ยังมีการเอาหัวชนเสาตำหนักของราชครูเหว่ยอีก หัวใจของเขาก็แข็งขึ้นมาอีกครั้ง “ข้าคงต้องทำให้สถานการณ์วุ่นวายสงบลงก่อน เรื่องอื่นๆทั้งหมดไม่จำเป็นต้องพูด เจ้าชั่งใจตัวเองดู พรุ่งนี้หากพระชายารัชทายาทยังคงขึ้นเขาอีก เช่นนั้นหมวกประจำตำแหน่งเจ้ากรมการพระนครของเจ้าก็ถอดลงมาเองเถอะ ตำแหน่งกรมการพระนครนี้ให้เจ้าสี่ไป ใจเจ้าเองก็รู้ดีว่าจะเกิดผลอะไรขึ้นมา”

ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดจบ ยกมือให้เขาถอยออกไป

หยู่เหวินเห้ายังอยากจะพูดต่อ แต่ฮ่องเต้หมิงหยวนไม่ยินดีจะรับฟังแล้ว เรียกให้คนลากตัวเขาออกไป

หยู่เหวินเห้ากลับจวนอย่างไม่พอใจ เสด็จพ่อให้โจทย์ที่ยากมากสำหรับเขาข้อหนึ่ง

ช่วงกลางคืนหยวนชิงหลิงกับคุณย่าหยวนกลับมา เขาก็ไม่ได้ปิดบังเรื่องราว พูดถึงความประสงค์ของเสด็จพ่อตามความจริง

ฟังหยู่เหวินเห้าพูดจบแล้ว หยวนชิงหลิงยังไม่พูดอะไร คุณย่าหยวนถอนหายใจ“การรักษาไม่ควรเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง แต่ตอนนี้ได้เอาทั้งสองเรื่องมาพูดถึงปะปนกันไปหมด เป็นการถอยหลังของสังคม และจะเป็นการจำกัดความเจริญทางการแพทย์ ขอเพียงเป็นโรคที่รักษาไม่หาย ที่จริงก็นับว่าเป็นโรคร้ายทั้งสิ้น ถ้าพูดจากความเจริญก้าวหน้าแล้ว สามารถรักษาโรคชนิดหนึ่งให้หายได้นับว่าเป็นเรื่องน่ายินดีที่สุดของมนุษย์ ตอนนี้ถูกควบคุมเช่นนี้ ช่างไร้ทางเลือกจริงๆ”

คำพูดของคุณย่าหยวนนั้นหยู่เหวินเห้าฟังเข้าใจ เขารู้สึกว่าคุณย่าหยวนพูดได้มีเหตุผลมาก แต่เสด็จพ่อในตั้งมั่นแน่วแน่แล้วเพราะเรื่องของราชครูเหว่ย แล้วจะทำอะไรได้

เสด็จพ่อไม่จำเป็นต้องเผาเขาโรคเรื้อน ไม่เช่นนั้นตอนที่มีขุนนางเอ่ยถึงประเด็นนี้ เขาก็คงเผาคนป่วยทั้งหมดให้ตายไปแล้ว

เขาเพียงแต่กำลังบีบให้เขาและยายหยวนยอมถอยหนึ่งก้าว

เขามองหยวนชิงหลิง ถามขึ้นอีกครั้งว่า “มีความมั่นใจเต็มสิบจริงหรือ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน