บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 648

คนทั้งคณะเดินทางไปยังเขาโรคเรื้อนและพำนักอยู่ที่นั่น แม้ว่าเงื่อนไขในการใช้ชีวิตจะลำบากมาก แต่ก็ดีที่ไม่จำเป็นต้องวิตกกังวลอีก อีกทั้ง คุณย่าหยวนก็สามารถปรับปรุงตำรับยาได้อย่างสงบ จะใช้แต่ยาแพทย์แผนตะวันตกอย่างเดียวก็ไม่ได้ ถ้าหากต้องการจะพิชิตโรคเรื้อนในยุคสมัยนี้ อย่างไรเสียก็ต้องใช้ยาของยุคสมัยนี้เช่นกัน

ทังหยางไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย แต่มีหน้าที่รับผิดชอบไปซื้อยาสมุนไพร เดิมทีเพราะการส่งยาสมุนไพรขึ้นเขา ด้วยการทำเช่นนี้ทำให้ตกเป็นที่สนใจขึ้นมา

หยู่เหวินเห้าไม่ได้ตรวจสอบคดีพ่อหม้ายอีก

การสันนิษฐานขั้นแรกมั่นใจว่าฆาตกรคือสามีของหญิงผู้ตาย เขาเป็นคนฆ่าสัตว์ในโรงฆ่าสัตว์ ตอนที่เกิดคดีขึ้น เขาไม่มีหลักฐานที่อยู่ชัดเจน บอกแค่ว่านอนอยู่ที่บ้าน แต่ว่าในบ้านไม่มีคนเป็นพยานได้

และในบ้านของคนฆ่าสัตว์ ได้ค้นเจอมีดที่เปื้อนเลือดและเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดอีกหนึ่งชุด ยืนยันว่าเป็นฆาตกร แต่คนฆ่าสัตว์ได้ปฏิเสธเสียงแข็งอย่างเด็ดขาดว่ามีไม่ใช่ของเขา บอกว่าไม่เคยเห็นมีดเล่มนี้มาก่อน

ส่วนเสื้อผ้าที่เปื้อนคราบเลือดนั้นเขายอมรับว่าเป็นของเขา แต่เสื้อตัวนี้ถูกวางเอาไว้ในตู้มาตลอด ไม่รู้ว่าทำไมจึงเปื้อนคราบเลือดได้

ระหว่างสอบสวน เขารู้ว่าภรรยาตนเองกับพ่อหม้ายเป็นชู้กัน ตอนแรกเขารู้สึกโมโหมาก แต่ว่าลูกชายสองคนของพ่อหม้ายหาเงินได้ พ่อหม้ายก็ใช้เงินมือเติบ ได้ให้เงินทุกครั้ง ส่วนเขาช่วยคนฆ่าหมูหาเงินได้ไม่มาก เลี้ยงลูกสามคนค่อนข้างลำบากมาก เห็นภรรยาของตัวเองได้เงินกลับมาก็ทำเป็นหลับหูหลับตาไม่รู้เรื่อง

เจ้าพนักงานที่ทำการปกครองก็เคยสอบถามเพื่อนบ้านละแวกใกล้เคียง บอกว่าเรื่องที่เกี่ยวกับพ่อหม้ายและหญิงที่ตายนั้น พวกเขาล้วนรับรู้ เพราะพวกเขาสองคนไม่ละอายใจเลยสักนิด บางครั้งต่อหน้าผู้คนข้างนอก ก็ทะเลาะกันยกใหญ่ ท่าทีสนิทสนมเป็นอย่างยิ่ง

ยิ่งได้ยินเพื่อนบ้านบอกว่าพ่อหม้ายเคยหยอกล้อภรรยาของคนฆ่าสัตว์ต่อหน้าเขา กระทั่งอาศัยว่าตัวเองมีเงินมากกว่าหน่อย ก็ใช้คำพูดดูถูกเหยียดยามคนฆ่าสัตว์

ไม่เพียงเท่านี้ แม้แต่ภรรยาของคนฆ่าสัตว์ก็ปฏิบัติต่อคนฆ่าสัตว์แย่มาก เอาแต่ชี้หน้าด่าว่าเขาว่าไร้อนาคต เงินที่หาไม่ได้ไม่พอจุนเจือครอบครัว เพื่อนบ้านเคยได้ยินกับหูได้เห็นกับตามาแล้ว ภรรยาของคนฆ่าสัตว์ด่าเขาว่าเป็นคนไร้ประโยชน์ ไร้ความสามารถ

คนฆ่าสัตว์อยู่ในบ้านไม่มีแม้แต่ศักดิ์ศรีที่จะพูดจาเลยสักนิด แต่ก็เป็นเรื่องจริงที่ว่าช่วยคนอื่นฆ่าหมูไม่ได้หาเงินได้มากนัก เพื่อไม่ให้รู้สึกด้อยกว่า ตอนเช้าหลังจากที่เขาฆ่าหมูเสร็จแล้ว ก็จะไปรับจ้างทำงานที่ท่าเรือ ส่วนวันที่เกิดคดีขึ้น เพราะก่อนหน้านั้นหนึ่งวันเขาเกิดขาแพลงจึงไม่ได้ไปรับจ้างทำงาน นอนอยู่ที่บ้าน

เจ้าพนักงานไปตรวจสอบที่ท่าเรือ ยืนยันว่าก่อนเกิดคดีขึ้นหนึ่งวันคนฆ่าสัตว์ถูกคนอื่นชนเข้าจริงๆ ล้มลงไปกับพื้น สิ่งของกระจัดกระจายเต็มพื้นไปหมด ยังถูกหัวหน้าคนงานด่าทอยกใหญ่ ถูกหักเงินค่าแรงของวันนั้นจนหมด

และคนงานที่ท่าเรือบอกว่าแม้คนฆ่าสัตว์จะดูเหมือนร่างใหญ่บึกบึนแข็งแรง แต่ว่านิสัยอ่อนแอมาก ถูกคนรังแกก็ไม่กล้าตอบโต้ ยากจะเชื่อว่าเขาจะฆ่าคนได้

ทางด้านกรมอาญา ยังคงกดดันต่อเนื่อง และได้ให้กำหนดเวลากับหยู่เหวินเห้าในการไขคดี

ที่สำคัญคือคดีนี้อุกฉกรรจ์เป็นอย่างยิ่ง ศพของผู้หญิงถูกตัดนิ้วมือและนิ้วเท่า ส่วนผู้ตายที่เป็นชายถูกเฉือนอวัยวะเพศออกไป คดีนี้ได้ถูกพูดต่อๆกันจนแพร่สะพัดในเมืองหลวง ความหมายของกรมอาญาก็คือคดีนี้ได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับคนในเมืองหลวงเป็นอย่างยิ่ง จำเป็นต้องจับตัวฆาตกรให้ได้โดยเร็วที่สุด

ตอนที่มีการประชุมที่กรมการพระนคร ซือเย๋พูดว่า “แม้ว่าคนฆ่าสัตว์จะไม่ยอมรับความจริงเรื่องฆ่าคนตาย แต่จากการสืบค้นจนพบกับมีดที่เปื้อนเลือดคนและเสื้อผ้าของเขา บวกกับความสัมพันธ์เชิงชู้สาวของผู้ตายทั้งชายหญิงสามารถสร้างแรงจูงใจให้เขาฆ่าคนได้แน่นอน แม้ว่านิสัยเขาจะอ่อนแอ แต่ว่า ยิ่งเป็นคนนิสัยอ่อนแอมากเท่าไหร่ เมื่อโมโหขึ้นมาจะยิ่งโหดเหี้ยมรุนแรงมาก”

หัวหน้าพลตระเวนก็เห็นด้วยกับคำพูดของซือเย๋ “ใต้เท้า ก่อนหน้านี้หลายปีข้าน้อยเคยทำคดีประเภทนี้มาก่อน ฆาตกรนั้นอ่อนแอมาก แต่ว่าหลังจากถูกเหยียดหยามอยู่หลายครั้งหลายครา ได้กลายเป็นคนโหดเหี้ยมอย่างยิ่ง ฆ่าคนต่อเนื่องหลายคน ข้าน้อยคิดว่าคดีนี้ก็เช่นเดียวกัน แม้คนฆ่าสัตว์บอกว่าได้ยอมรับเรื่องที่ภรรยาเป็นชู้กับคนอื่น แต่ว่า เรื่องเช่นนี้ไหนเลยจะยอมรับกันได้ เกรงว่าการยอมรับจะเป็นแค่แผนการอำพราง ที่จริงได้รอโอกาสเพื่อที่จะสังหาร”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน