บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 786

หยู่เหวินจุนได้รับข่าวจากจวนโสวฝู่ แทบจะคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป

เขานั้นฝันถึงว่าได้กลับเข้าไปในวังจริงๆ เขายังคงเป็นอ๋องจี้ที่สง่างามดังเช่นวันวาน แต่หลังจากตื่นจากความฝัน ก็ผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า เขากลัวไฟแห่งความหวังที่ผุดขึ้นมาในใจอย่างที่สุดแล้ว นั่นเพราะว่ามันหมายถึงสิ่งที่รอเขาอยู่นั้นเป็นความสิ้นหวังอย่างไร้ที่สิ้นสุด

ด้วยเหตุนี้ คนของจวนโสวฝู่มาส่งข่าว เขาไม่เชื่อ เขาไม่เชื่อว่าเสด็จพ่อจะอนุญาตให้เขาเข้าวังได้อีก

แต่ว่า พอเห็นรถม้าที่จอดอยู่นอกบ้าน เขาจึงมีความรู้สึกรับรู้ว่าเป็นความจริงขึ้นมา

เขารีบล้างหน้าอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ทั้งตัว เมื่อคืนเมาเหล้า ยังหลงเหลือความปวดหัวอยู่หลายส่วน แต่เขาก็ไม่สนใจ ได้แต่คิดว่าจะรักษาโอกาสนี้ไว้ให้ดีที่สุด

รถม้ามุ่งหน้าไปยังทิศทางของราชวัง หัวใจของเขาแทบจะเต้นออกมาข้างนอกแล้ว

กำหมัดไว้แน่น ในใจได้แต่พูดไม่หยุด นี่เป็นโอกาสเดียวของเขา เขาต้องพบเสด็จพ่อให้ได้ ต้องขอร้องให้เสด็จพ่ออภัยเขาให้ได้

เขารู้ว่าเวลาผ่านไปสักพักแล้ว ฮ่องเต้คงคลายโมโหบ้างแล้ว เขาเป็นโอรสองค์โต แต่ไหนแต่ไรมาฮ่องเต้ก็รักเขา ไม่มีทางให้เขาต้องตกอับอยู่ข้างนอกตลอดชีวิตแน่

ฉะนั้น เมื่อมองเห็นหลังคาหินสีทองของราชวังอีกครั้ง หัวใจของเขาก็ยิ่งตื่นเต้น

ในวังมีคนคอยต้อนรับ พาเขาไปยังตำหนักหรงเหอ

คนที่ต้อนรับ เป็นทหารรักษาพระองค์ไม่ใช่นางกำนัลในวัง นี่ทำให้หัวใจของเขารู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง เสด็จพ่อยังทำการป้องกันเขาอยู่

หลังจากเข้าไปในตำหนักของไทเฮา จึงถูกแม่นมในตำหนักพาเดินเข้าไปข้างใน

หัวใจของเขาไม่ได้จดจ่ออยู่ที่การพบหน้าไทเฮา คิดเพียงต้องการจะไปหาเสด็จพ่อโดยเร็วที่สุด

พอถึงหน้าเตียงเขาก็คุกเข่าลงทันที “หลานอกตัญญูคำนับเสด็จย่า ขอให้เสด็จย่าพลานามัยแข็งแรง”

ไทเฮาคิดถึงอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน อยากจะพบหน้าเขาสักครั้ง แต่เมื่อเห็นแววตาที่วูบวาบของเขา ใจลอยไม่อยู่กับตัว ท่าทีราวกับมีความคิดอื่นอยู่ในใจอย่างไรอย่างนั้น หัวใจก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา แต่ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า ได้แต่เอียงหน้ามองไปพูดเสียงเบาว่า “เจ้าเข้ามาใกล้หน่อย ให้ข้าได้มองดูเจ้าดีๆ”

หยู่เหวินจุนคลานเข่าเข้าไป แม้จะทำการเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว แต่ดื่มเหล้าเป็นเวลานาน รูขุมขนบนผิวหนังล้วนมีกลิ่นเหล้าระเหยออกมาอย่างรุนแรง เมื่อโน้มตัวไปตรงหน้าไทเฮา กลิ่นเหล้านั้นยิ่งโชยเข้าไปครอบคลุมใบหน้าและศีรษะ

ไทเฮาทำหน้าดุดันขึ้นมาทันที ใช้แรงกายทั้งหมดที่มีฟาดฝ่ามือตบลงไปที่หน้าของเขาอย่างแรง ฝ่ามือนั้นกังวานมาก ดังขึ้นในตำหนักที่แสนจะเงียบสงบนี้ ราวกับทำให้บางสิ่งบางอย่างแตกร้าว

“เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าผิดอะไร”กล้ามเนื้อบนใบหน้าของไทเฮากระตุก สีหน้าก็แดงขึ้นด้วยเหตุนี้ ลำคอเหมือนแข็งเกร็งขึ้น ก่อนที่จะพบกัน นางรู้สึกว่าการลงโทษเช่นนี้มันรุนแรงเกินไป เขาน่าจะรู้ว่าผิดไปแล้ว

ลูกหลานของราชวงศ์ เกิดมาสูงศักดิ์ สมควรจะให้โอกาสอีกครั้ง ไม่จำเป็นต้องทำเหมือนไร้ความรู้สึกเช่นนี้

แต่ว่า ตั้งแต่เขาเข้าตำหนักมาจนถึงตอนนี้ ใบหน้าเย็นชา ดวงตาไหววูบ ไม่เห็นคราบน้ำตาเลยสักนิด มีแต่ความไม่รู้จักละอายใจประดับอยู่เต็มไปหน้า เขาไม่ได้จะมาเพื่อเยี่ยมนางเลย

ไทเฮาอยู่ในวังหลังหลายสิบปีแล้ว เพราะไม่ค่อยได้ประสบพบเจอกับมรสุมอะไรมากนัก ที่จริงก็แยกแยะจิตใจคนได้ไม่ชัดนัก แต่ในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิตนั้น ในใจนั้นแจ่มแจ้งชัดเจนที่สุด มองแวบเดียวก็รู้ว่าในใจของหยู่เหวินจุนมีความคิดชั่วร้ายอะไรซ่อนอยู่

“เสด็จย่า หลานอกตัญญูพ่ะย่ะค่ะ ”หลังจากที่หยู่เหวินจุนถูกตบไปหนึ่งที ก็เริ่มรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา หมอบคลานร้องโหยหวนอยู่กับพื้น “หลานอกตัญญู ไม่สามารถดูแลอยู่ข้างกายท่านได้ หลานจะไปขอร้องเสด็จพ่อ อนุญาตให้หลานได้อยู่ดูแลข้างกายท่าน”

ร่างกายของไทเฮากระตุกหลายที ลมเฮือกหนึ่งวิ่งมาจุกอยู่ที่ลำคอ ราวกับจะสิ้นใจไปเช่นนี้ ลำบากมากกว่าจะเรียกลมหายใจกลับคืนมาได้ มืออันสั่นเทาชี้ไปยังประตูตำหนักที่อยู่ข้างนอก“เจ้า ……ไสหัวไป”

การพบหน้ากันครั้งนี้ ไม่สู้ไม่พบเสียยังจะดีกว่า

หยู่เหวินจุนเงยหน้าขึ้นมา นิ่งอึ้งไปชั่วครู่ “เสด็จย่าท่าน……”

“ไสหัวไป”ไทเฮากำหมัดไว้แน่น ทุบลงไปที่กระดานไม้ของเตียง น้ำตาไหลอาบดวงตาทั้งสองข้าง หลับตาลง “หากวันหน้าเจ้าสำนึกผิด ก็ไปร้องไห้ที่หน้าหลุมศพของข้าเถอะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน