บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 788

ทางด้านกรมการพิธีการได้แต่งตั้งพระสมัญญานามฮองไทเฮาเป็นเซิ่งอันฮองไทเฮา จะมีการเคลื่อนศพไปฝังในวันขึ้นสามค่ำเดือนเก้า

เพราะไท่ซ่างหวงยังมีชีวิตอยู่ ฉะนั้นโลงศพของเซิ่งอันฮองไทเฮาจะถูกวางไว้ที่สุสานหลวงทางด้านตะวันออกของสุสานจักรพรรดิบริเวณทางเทพเจ้าเป็นการชั่วคราวก่อน รอให้ถึงวันที่ไท่ซ่างหวงสวรรคตแล้วค่อยฝังลงไปพร้อมกัน

วันเคลื่อนขบวนศพ เดิมทีฮ่องเต้หมิงหยวนจะไปส่งขบวนศพด้วยตนเอง ไหนเลยจะรู้ว่าไท่ซ่างหวงได้หกล้มอยู่ในตำหนัก อาการสาหัสมาก เขากลัวจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น จึงไม่ได้ไปส่งขบวนศพด้วยตนเอง

ในเมืองหลวงเต็มไปด้วยเสียงร่ำไห้อย่างเศร้าเสียใจ ลูกหลานราชวงศ์และเหล่าขุนนางที่ส่งขบวนศพมีมากกว่าพันคน ต่างสวมชุดผ้าป่านและคาดที่คาดศีรษะสีขาว เดินออกจากเมืองหลวงไป

คนถือป้ายเชิญวิญญาณมีทั้งสิ้นหกสิบสี่คน คนยกโลงศพก็มีหกสิบสี่คน โลงศพถูกเหล่าลูกหลานที่กตัญญูล้อมรอบยกไป ในขบวนที่ยิ่งใหญ่นั้น นอกจากคนที่มาส่งศพแล้ว ยังมีรถม้าอีกหนึ่งคัน ล้วนเป็นสิ่งที่ถูกส่งไปฝังไว้พร้อมกัน

หยู่เหวินเห้ากับเหล่าท่านอ๋องรับผิดชอบพิธีส่งวิญญาณ รถม้าคันข้างหน้ามีหลวงจีนสมณศักดิ์สูงสามสิบสองรูป สวดมนต์ไปตลอดทาง

หลังจากไปถึงสุสานจักรพรรดิแล้ว คนที่มาส่งศพต้องเดินทางกลับ เหลือไว้เพียงเหล่าท่านอ๋องและผู้มีหน้าที่รับผิดชอบฝังศพรอให้ถึงเวลาอันเป็นมงคลแล้วจึงเคลื่อนโลงเข้าสู่ทางเทพเจ้าของวังใต้ดินแห่งสุสานจักรพรรดิ

สิ่งของที่ต้องฝังไปพร้อมกับศพต้องวางลงไปก่อน ฉะนั้น หยู่เหวินเห้าและพวกอ๋องอันต้องเฝ้าวิญญาณอยู่ด้านนอก

ใช้เวลารออยู่ประมาณหนึ่งก้านธูป จึงมีคนวิ่งออกมาจากทางเข้าสุสานด้วยความรวดเร็ว วิ่งได้เร็วมาก เมื่อใกล้จะถึงแล้ว แทบจะเป็นการคลานบวกกับกลิ้งเข้ามาตรงหน้าหยู่เหวินเห้า กดน้ำเสียงลงต่ำพูดอย่างสั่นเทาว่า “กระหม่อมมีเรื่องด่วนรายงานพ่ะย่ะค่ะ”

“พูด”หยู่เหวินเห้าเห็นสีหน้าตระหนกตกใจของเขา หัวใจก็หนักอึ้งขึ้นมา

“อนุญาตให้กระหม่อมเข้าไปถวายรายงานใกล้ๆเถอะพ่ะย่ะค่ะ”คนคนนั้นเห็นได้ชัดว่าตกใจเป็นอย่างมาก

หยู่เหวินเห้าอนุญาต คนคนนั้นพาร่างอันสั่นเทาเดินเข้าไปพูดข้างหูหยู่เหวินเห้าด้วยเสียงอันสั่นเทาว่า “ประตูของสุสานหลวงตะวันตกถูกคนจงใจทำลาย ไม่รู้ว่าข้างในได้รับความเสียหายหรือไม่”

หยู่เหวินเห้าคว้าคอของคนผู้นั้นทันที ตะคอกถามเสียงดุดันว่า “อะไรนะ”

“ขอทรงไปดูด้วยตาตนเองเถอะพ่ะย่ะค่ะ”คนคนนั้นตกใจเป็นอย่างยิ่ง สองขาสั่นไม่หยุด

หยู่เหวินเห้าหันกลับไปมองแวบหนึ่ง ขบวนส่งศพอยู่ห่างจากเขาประมาณสิบก้าว เขาระงับอารมณ์โกรธเอาไว้ในใจ พูดกับคนที่มารายงานว่า “ไม่มีคำสั่งข้า อย่าแพร่งพรายเรื่องนี้แม้แต่คำเดียว”

“พ่ะย่ะค่ะ”คนผู้นั้นตัวอ่อนทรุดลงไปที่พื้น

เขารีบพูดเรื่องนี้กับพี่น้องทั้งหลายทันที เมื่อท่านอ๋องทั้งหลายได้ยินแล้วก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป รีบควบม้าไปยังทิศทางของสุสานหลวงด้านตะวันตก หลังจากไปถึงสุสานหลวงด้านตะวันตกแล้ว ทุกคนต่างก็ลงจากหลังม้า เร่งฝีเท้าเดินเข้าไปในสุสาน

สุสานหลวงด้านตะวันตกเป็นที่ฝังศพของฮ่องเต้ฮุยจง ประตูสุสานถูกปิดไว้อย่างแน่นหนา เดิมทีการฝังศพของไทเฮาไม่จำเป็นต้องเคลื่อนผ่านสุสานหลวงตะวันตก แต่เพราะว่าก่อนการฝังศพไทเฮาจำเป็นต้องมาจุดธูปเคารพก่อน เป็นการรายงานต่อฮ่องเต้ฮุยจง จึงทำให้เห็นว่าประตูสุสานถูกทำลาย

หยู่เหวินเห้าเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว เห็นเพียงประตูสุสานที่ทำจากหินต้าหลี่มีร่องรอยของการถูกมีดและขวานฟันมาก่อน และประตูสองด้านที่ปิดเข้าหากันยังมีรอยแตกเป็นทางปรากฏให้เห็น แม้จะยังห่างจากวังใต้ดินอีกไกล อาจจะไม่เสียหายไปถึงภายใน แต่ก็ไม่สามารถขจัดข้อสงสัยที่ว่าเคยมีคนเข้าไปแล้ว

“เป็นโจรปล้นสุสานหรือ”อ๋องฉีถามขึ้นอย่างอกสั่นขวัญแขวน

“ไม่เหมือน”หยู่เหวินเห้ามองดูร่องรอยของมีดและขวานที่ฟันทิ้งไว้อย่างละเอียด เอ่ยเสียงขรึมว่า “โจรปล้นสุสานไม่ทิ้งร่องรอยที่ใหญ่ขนาดนี้เอาไว้ อีกทั้งในสุสานจักรพรรดิทั้งสี่ด้านล้วนมีคนคอยเฝ้าดูอยู่ โจรปล้นสุสานคงต้องรนหาที่ตายถึงกล้ามาที่นี่”

“แล้วทำไมต้องทำลายประตูสุสานด้วย อีกอย่าง คนคนนี้เข้ามาได้อย่างไร”อ๋องอันถามขึ้น

หยู่เหวินเห้าก็รู้สึกประหลาดใจ ทำลายสุสานจักรพรรดิ นั่นเป็นโทษที่ต้องประหารทั้งชั่วโคตร ใครกล้ากระทำเช่นนี้ แล้วทำไมต้องทำเช่นนี้ด้วย

อ๋องซุนก็เอ่ยขึ้นอย่างสงสัย “คนคนนี้ในเมื่อมาถึงที่นี่ จะเข้าไปก็ง่ายดาย ประตูสุสานนี้สามารถเปิดออกได้ และไม่ใช่ประตูที่ถูกปิดตายในวังใต้ดินเสียหน่อย ทำไมต้องทำลายด้วย เปิดประตูเข้าไปโดยตรงก็ได้แล้วมิใช่หรือ”

สีหน้าของหยู่เหวินเห้าเปลี่ยนไป “บางทีคนคนนี้อาจเคยเข้าไปด้านในแล้ว”

อ๋องฉีตกใจเป็นอย่างยิ่ง “สวรรค์ คงไม่ได้ทำลายวังใต้ดินไปแล้วหรอกนะ”

เหล่าพี่น้องทั้งหลาย ก็ไม่กล้าจากไปไหน ต่างก็รออยู่ที่ตำหนักเสี่ยงเอินด้านนอกสุสานหลวงด้านตะวันตก ท้องฟ้าเปลี่ยนสีในช่วงพลบค่ำ จางเทียนให้คนส่งอาหารมาให้ พี่น้องทั้งหลายต่างก็ไร้ซึ่งความอยากอาหาร

ในใจของทุกคนต่างก็โมโหจนแทบยั้งอารมณ์ไว้ไม่ได้ แต่ก็ไม่กล้าระบายอารมณ์ออกมาในสถานที่นี้

อ๋องอันนั่งลงกับพื้น มองพระจันทร์ที่ค่อยๆลอยเด่นขึ้นมาทางด้านนอก พูดว่า “เจ้าห้า มีความเป็นไปได้แค่ไหนว่าเป็นพวกโจรปล้นสุสาน”

หยู่เหวินเห้าใบหน้าบึ้งตึง แววตาเย็นชาแหลมคมผิดปกติ “ความเป็นไปได้ต่ำ เหมือนที่ข้าเคยพูดเมื่อครู่ ถ้าหากเป็นโจรปล้นสุสาน เป็นไปไม่ได้ที่จะใช้มีดและขวานฟันประตูสุสาน นี่ไม่เท่ากับดึงดูดความสนใจของคนอื่นหรอกหรือ”

“แล้วถ้าหากโจรปล้นสุสานเหล่านั้นไม่รู้ว่าประตูสุสานเปิดได้เล่า บางทีพวกเขาอาจคิดว่าเป็นประตูปิดตาย คิดอยากจะฟันประตูให้เปิดออกจากตรงกลาง ข้อนี้ก็มีความเป็นไปได้”อ๋องซุนพูด

หยู่เหวินเห้าส่ายหน้า “นี่ยิ่งเป็นไปไม่ได้ บังอาจมาปล้นสุสานจักรพรรดิ จะเป็นพวกที่ไร้ความรู้ได้อย่างไร ต้องเป็นโจรที่มีฝีมือปล้นสุสานอย่างชำนาญแน่จึงกล้ามา”

ใบหน้าขาวสะอาดของอ๋องหวยถูกกระตุ้นจนมีสีเลือดแดงฝาดปรากฏขึ้น กัดฟันกรอดพูดว่า “ใครกันที่บังอาจนัก แม้แต่ประตูของวังใต้ดินในสุสานจักรพรรดิก็กล้าทำลาย”

หยู่เหวินเห้าแววตาเคร่งขรึม “ข้าเกรงว่าจะไม่ใช่แค่การทำลายประตูวังใต้ดินเท่านั้น เป็นไปได้ว่าเข้าไปในที่ฝังศพแล้ว เมื่อครู่ตอนที่องครักษ์เข้าไปสำรวจ ยังไปไม่ถึงทางสวิ้นจ้าง ฉะนั้น ข้างในจะถูกทำลายจนเป็นสภาพไหน ใครก็ไม่สามารถคาดเดาได้ ”

มีความเป็นไปได้ที่เลวร้ายอย่างหนึ่ง ใครก็ไม่กล้าพูดออกมาจากปาก สีหน้าของทุกคนหนักอึ้งเป็นอย่างยิ่ง กังวลที่สุดว่าความเป็นไปได้นั้นจะเกิดขึ้น

“สามารถเข้าไปดูที่ทางสวิ้นจ้างก่อนได้หรือไม่ ถ้าหากสิ่งของบนทางสวิ้นจ้างหายไป อย่างน้อยก็สามารถยืนยันได้ว่าเป็นฝีมือของโจรปล้นสุสาน”อ๋องอันเอ่ยเสนอความคิดเห็น

ได้ยินข้อเสนอแนะของอ๋องอัน อ๋องซุนกับอ๋องหวยต่างก็มองไปที่หยู่เหวินเห้า

หยู่เหวินเห้าไม่ได้ตัดสินใจในทันที การเข้าไปยังทางสวิ้นจ้าง นั่นหมายความว่าเป็นการเข้าใกล้โลงศพของฮ่องเต้ฮุยจง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน