เวลานี้หยวนชิงหลิงไม่มีใจไปงานเลี้ยงสักนิด นางอยู่ในภาวะหวาดกลัวสุดขีดทุกวัน และไม่รู้ว่าจะล้มเมื่อไรด้วย
ดังนั้นนางจึงให้คนปฏิเสธคำเชิญของพระชายาซุน อ้างว่าไม่ค่อยสบาย ไว้วันหลังจะไปเยี่ยมเยียน
แต่หรงเยว่เห็นว่าระยะนี้นางอยู่ในจวนเบื่อๆ ก็เลยอ้างว่าพรุ่งนี้ต้องมีเรื่องสนุกแน่ ชวนนางไปดูด้วยกัน
หรงเยว่รู้ว่านางตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้ว ถึงปากจะไม่พูดอะไรแต่ในใจก็อิจฉามาก เพราะนางอยากตั้งครรภ์มาตลอดแต่กลับไม่ได้อย่างที่หวัง
แม้แต่ย่าหยวนก็ยังอยากให้นางออกข้างนอกบ้าง อย่าเอาแต่เก็บตัวฟุ้งซ่านอยู่ในจวน ยิ่งคิดก็ยิ่งฟุ้งซ่าน ส่วนหยวนชิงหลิงก็รู้สึกว่าตัวเองจิตใจแย่มากจริงๆ อยู่แต่จวนก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ดังนั้นจึงรับปากหรงเยว่ว่าพรุ่งนี้จะไปจวนอ๋องซุนด้วยกัน
พอตกกลางคืนเด็กๆ พากันนอนเบียดหยวนชิงหลิง หยวนชิงหลิงนอนอยู่บนเตียง ถึงร่างกายจะง่วงและอ่อนเพลียมาก แต่สมองกลับแจ่มชัด
นางเอามือลูบท้อง สี่เดือนกว่าแล้ว เด็กเริ่มดิ้น เด็กขยับตัวอยู่ในท้องนางทุกวัน แต่นางไม่รู้ว่าจะคลอดเด็กคนนี้ออกมาได้หรือไม่
“เสด็จแม่ ในท้องนั่นเป็นน้องชายหรือน้องสาวพ่ะย่ะค่ะ?” ข้าวเหนียวน้อยนอนพาดอยู่ที่ท้องหยวนชิงหลิงแล้วถาม
“ไม่รู้เหมือนกันจ๊ะ แล้วข้าวเหนียวอยากได้น้องชายหรือน้องสาวล่ะ?” หยวนชิงหลิงถามด้วยเสียงอ่อนโยน
“น้องชายพ่ะย่ะค่ะ” ข้าวเหนียวอิจฉาทังหยวนกับซาลาเปามาก เพราะพวกเขาต่างก็มีน้องชาย
“เอาน้องสาวพ่ะย่ะค่ะ!” ซาลาเปาแย้งทังหยวน พวกเขามีน้องชายแล้ว ขาดแต่น้องสาว
เมื่อนั้นหยวนชิงหลิงจึงสงสัยขึ้นมา “พวกเจ้าไม่ใช่เห็นสิ่งที่อยู่ในหัวข้าเหรอ? งั้นพวกเจ้าก็ดูเองสิ ว่าในท้องนี่เป็นน้องชายหรือน้องสาว?”
ซาลาเปามองหยวนชิงหลิง รู้สึกว่าเสด็จแม่ทึ่มมาก “เสด็จแม่ หัวเสด็จแม่มีแสงถึงได้มองเห็น น้องสาวไม่ได้มีแสงซักหน่อย จะเห็นได้ยังไงล่ะพ่ะย่ะค่ะ?”
หยวนชิงหลิงกอดซาลาเปา “งั้นเจ้าเห็นวัตถุที่เรืองแสงในหัวของทังหยวนกับข้าวเหนียวไหม?”
ทั้งสามมองตากัน “พวกเราไม่มีแสงพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่มี?” หยวนชิงหลิงประหลาดใจมาก ไม่มีแสง งั้นยาก็ไม่ได้ทำให้พวกเขามีพลังวิเศษ แต่เป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงของ DNA?
นางทำความเข้าใจใหม่ นางต้องอาศัยสมองในยุคปัจจุบันกระตุ้นสมองนี้ และสมองนี้ถึงสั่งการให้ร่างทำงาน แสงที่พวกเขาพูดถึงน่าจะเป็นแสงการรับส่งสัญญาณ ก็เหมือนกับข้อมูลหรือสัญญาณ WiFi ถ้าสัญญาณอ่อน ก็จะเกิดแสงบอกว่าร่างกายอ่อนแอ
ส่วนยีนพวกเขากลับเปลี่ยนแปลงสำเร็จแล้ว อีกอย่างตามการคาดเดาแรกของนาง ยาจะกระตุ้นเซลล์อยู่ตลอด ยับยั้งไม่ให้เซลล์สมองตาย เมื่อเติบโตระยะหนึ่งแล้วก็เป็นไปได้มากว่าพวกเขาอาจรับสัญญาจากต่างมิติเวลาได้ แล้วก็อาจสื่อสารกับต่างมิติได้ตลอดด้วย
ความคิดนี้ทำให้หยวนชิงหลิงต้องระทึก นางลุกขึ้นนั่ง จากนั้นสี่แม่ลูกก็เริ่มเรียนวิชาวิทยาศาสตร์
หยวนชิงหลิงคาดหวังกับเด็กๆ ครึ่งหนึ่งและหวังกับเจ้าอาวาสครึ่งหนึ่ง ถึงยังหวาดหวั่นอยู่บ้าง แต่หากมีความหวังเพิ่มมาอีกหน่อยก็วางใจได้อีกนิด
วันถัดมาหยวนชิงหลิงพาสามแฝดไปจวนอ๋องซุนด้วยกัน ตอนนี้เด็กๆ ไม่ยอมห่างนางแม้แต่ก้าวเดียว เกรงว่าแม่จะหายไป
ตั้งแต่พวกเขาถือกำเนิดมา หยวนชิงหลิงยังไม่เคยลองอยู่กับพวกเขาอย่างนี้มาก่อน จึงพยายามดื่มด่ำกับช่วงเวลาที่อยู่กับลูกๆ ฉะนั้นนางจึงพาพวกเขาไปกับหมันเอ๋อด้วยเสียเลย
เมื่อหรงเยว่มารับ นางก็เห็นหรงเยว่มาคนเดียว จึงถาม “น้องหกล่ะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...