บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 886

พอเหลิ่งจิ้งเหยียนเข้าวังมาได้ไม่นาน ก็มีราชโองการ ยึดที่ดินพระราชทานของอ๋องอานกลับ แล้วแบ่งเขตแดนให้อยู่ที่จวนเจียงเป่ย โดยต้องเดินทางทันที ห้ามล่าช้าเด็ดขาด

จวนเจียงเป่ยอยู่ทางเหนือสุดของเป่ยถัง ติดกับเหยโจวของแคว้นต้าซิง อากาศหนาวเย็น คนในพื้นที่หยาบกร้าน ยากจนล้าหลัง ส่งมอบภาษีไม่ได้ทุกปี ทั้งยังต้องให้ทางการช่วยเหลืออีก

จวนเจียงเป่ยมีกองทัพอยู่ แม่ทัพที่เพิ่งย้ายไปประจำตำแหน่งก็คืออ๋องเว่ย เขานำกำลังพลสามหมื่นนายประจำอยู่ชายแดน

การกระทำนี้ของฮ่องเต้หมิงหยวน เป็นการสลายอิทธิพลของอ๋องอานที่อยู่ในเขตการปกครองเดิม ทั้งกดกลุ่มอิทธิพลในเมืองหลวงของเขา

ทว่าการกระทำนี้ก็เป็นการปกป้องชีวิตของอ๋องอานด้วย เพราะแค่หยู่เหวินเห้ากลับเมืองหลวงมา ด้วยสายใยลึกซึ้งกับหยวนชิงหลิง เขาต้องไม่ปล่อยอ๋องอานไปแน่

แน่ล่ะ นี่ถือได้ว่าเป็นการปกป้องชื่อเสียงของรัชทายาท เพราะหากพี่น้องเข่นฆ่ากัน รัชทายาทก็ต้องมีประวัติด่างพร้อย

ไม่ว่าเพื่อปกป้องรัชทายาทหรืออ๋องอาน การกระทำนี้ของฮ่องเต้หมิงหยวนก็ยากจะหลีกเลี่ยง

ทว่าอ๋องซุนกับอ๋องฉีต่างไม่ยอมรามือ สองพี่น้องพากันเข้าวังขอเข้าเฝ้า แต่ฮ่องเต้หมิงหยวนก็ไม่ยอมให้พบ ทั้งสั่งให้มู่หรูกงกงไล่ออกไป

ส่วนกู้ซือก็นำกองทหารรักษาพระองค์ไปจับตาดูอ๋องอาน ต้องให้เขาออกจากเมืองหลวงเดี๋ยวนี้

หลังจากอ๋องอานรับราชโองการแล้วก็หัวเราะคลั่ง “ทรงพระปรีชายิ่งแล้ว!”

ดวงตาของเขาเคียดแค้นโหดเหี้ยม แต่ไม่ได้แสดงออกมากับกู้ซือ เพียงแต่สั่งให้คนเก็บสัมภาระเท่านั้น

ถึงพระชายาอานยังไม่หายดี แต่เขาก็ยังดึงดันจะพานางไปด้วย

สองสามีภรรยาออกเดินทางด้วยขบวนรถม้าหลายคัน พาบ่าวไพร่ในบ้านออกจากเมืองหลวงทั้งเวลาโพล้เพล้

อ๋องอานนั่งอยู่ในรถม้า เปิดม่านออกหันไปมองประตูเมืองสายตาหนึ่ง ดวงตาเหี้ยม เขาต้องกลับมา ต้องกลับมาแน่!

หลังจากอ๋องอานไปแล้ว ตี๋เว่ยหมิงก็ถูกปลดออกจากตำแหน่ง คนตระกูลตี๋ถูกกรมการพระนครควบคุมตัวสอบสวน

แม้ตี๋เว่ยหมิงไม่ถูกจองจำ แต่ก็ถูกเชิญไปไต่สวนที่กรมการพระนคร

ฮ่องเต้หมิงหยวนราวกับไม่คิดสอบสวนอะไร แค่เรียกคนมาถาม สอบสวนได้ความอย่างไรก็บันทึกไว้ แต่ห้ามปล่อยคน

ตี๋กุ้ยเฟยคุกเข่าอยู่หน้าห้องทรงพระอักษร ร้องไห้อยู่นานจนเสียงแหบแห้งอ่อนกำลัง

หลายเดือนมานี้ตี๋กุ้ยเฟยสุขภาพไม่ดี คุกเข่าครึ่งชั่วยามก็โอนเอน หวงกุ้ยเฟยเห็นแล้วก็สงสาร ให้คนพยุงขึ้นมาแล้วเอ่ย “กุ้ยเฟยกลับไปเถอะ ฝ่าบาททรงกริ้วอยู่ อย่างไรก็ต้องผ่อนผันให้ตระกูลตี๋อยู่แล้ว”

ตี๋กุ้ยเฟยสะบัดมือของหวงกุ้ยเฟยออก แล้วพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “ไม่ต้องทำเป็นสงสารหรอก ลูกข้าไม่เคยทำเรื่องอย่างนั้น”

หวงกุ้ยเฟยเอ่ย “ในเมื่อเชื่อว่าเขาไม่เคยทำ ก็น่าจะเชื่อว่าฝ่าบาทต้องสอบสวนกระจ่างแน่”

ตี๋กุ้ยเฟยทั้งเสียใจให้โกรธ ร้องไห้ตะโกนเข้าไปในห้องทรงพระอักษร “ฝ่าบาท เขาก็เป็นโอรสของพระองค์นะเพคะ นิสัยอย่างไรท่านไม่ทรงทราบหรือ? รู้ทั้งรู้ว่าพระชายารัชทายาทตั้งครรภ์ แล้วเขาจะอำมหิตทำร้ายนางได้อย่างไร? นี่ต้องถูกปรักปรำแน่!”

ไร้เสียงตอบกลับใดๆ จากห้องทรงพระอักษร กระทั่งผ่านไปครู่หนึ่งแล้ว มู่หรูกงกงถึงได้ออกมา เชิญหวงกุ้ยเฟยเข้าไปก่อน จากนั้นก็กระซิบบอกตี๋กุ้ยเฟย “ทรงกลับไปเถอะพ่ะย่ะค่ะ ที่ฝ่าบาททรงทำเช่นนี้ก็เพื่อปกป้องท่านอ๋องอาน ไม่เช่นนี้หากองค์รัชทายาทกลับมาแล้วจะละเว้นท่านอ๋องหรือ?”

ตี๋กุ้ยเฟยพูดเสียงเกรี้ยว “ถือดียังไง?! ก็แค่ออกรบมาน่ะหรือ? เจ้าสี่ก็เคยทำคุณงานความดีกับแคว้น ไม่มีหลักฐานเขาจะทำอะไรได้ จะฆ่าให้ได้หรือ?”

เมื่อมู่หรูกงกงได้ยินน้ำเสียงโกรธแค้นนี้แล้วก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ย “จะเอาชีวิตหรือไม่ กุ้ยเฟย ท่านคิดว่าอย่างไรล่ะพ่ะย่ะค่ะ?”

ตี๋กุ้ยเฟยนิ่งไปทันที จากนั้นสีหน้าก็เจือความเจ็บใจแต่ก็เก็บอาการไว้ “เขาจะไม่ฟังเหตุผลไม่ได้ เจ้าสี่ไม่ทำอย่างนี้กับพระชายารัชทายาทหรอก”

“เช่นนั้นก็รอให้พระชายารัชทายาทฟื้นขึ้นมา ทุกอย่างก็จะกระจ่างพ่ะย่ะค่ะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน