บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 903

เมื่อแม่นมผู้ดูแลรับผิดชอบกับทหารรักษาพระองค์จากไปแล้ว คนทั้งหมดต่างก็กรูกันเข้าไป ในดวงตาของทุกคนเอ่อไปด้วยน้ำตา ดีใจจนแทบจะเป็นลมแล้ว

“พี่หยวน เมื่อครู่ตอนที่ท่านลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทำเอาข้าตกใจแทบแย่ ข้ายังคิดว่าตัวเองฝันไปเสียอีก ”อะซี่พูดพลางเช็ดน้ำตา

หมันเอ๋อยังคงใช้มือทับทาบไว้ที่อก “ใช่แล้ว ตอนนี้หัวใจของข้าน้อยยังเต้นอย่างรุนแรงอยู่เลย ไม่อยากจะเชื่อจริงๆ ”

ทุกคนเอะอะอึกทึกวุ่นวาย ล้อมตัวหยวนชิงหลิงเอาไว้แทบจะหายใจไม่ออก ยังคงเป็นแม่นมสี่ที่ไล่คนออกไปบางส่วน ไหนเลยจะรู้ว่าทังหยางก็เข้ามาถามอีกว่า “พระชายารัชทายาท ท่านรู้ได้อย่างไรว่าคนในวังของฮองเฮามาหาเรื่อง ”

“เป็นข้าน้อยที่ไปปรนนิบัติรับใช้ และพูดกับแม่นางสี่ขึ้นมา ไม่คิดว่าพระชายารัชทายาทจะตื่นขึ้นมาพอดี จึงได้ยินทั้งหมด”หมันเอ๋อยิ้มอย่างซื่อบื้อ

หยู่เหวินเทียนคำนับอย่างมีมารยาท น้ำตารื้นในดวงตา “ขอบคุณพี่สะใภ้ห้า”

หยวนชิงหลิงพูดอย่างอ่อนแอว่า “แม้ข้าจะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างเจ้ากับฮองเฮา แต่ว่า การวางตัวของเจ้าทำให้ข้าเชื่อถือได้ เจ้าไม่มีทางขโมยสิ่งของ โดยเฉพาะเจ้ากับน้องแปดที่มีความสัมพันธ์ดีขนาดนั้น”

นางยื่นมือออกไป ดึงข้อมือของอะซี่เอาไว้ รู้สึกทรงตัวไม่อยู่เล็กน้อย “ประคองข้ากลับไปนอนสักครู่ ข้ารู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย”

“ได้ ได้ ”อะซี่รีบประคองนางขึ้นมา หมันเอ๋อก็เข้ามาช่วยด้วย พูดว่า “ต้องเวียนหัวแน่นอน หิวจนตาลายไปหมดแล้ว ประเดี๋ยวข้าน้อยจะลงครัวไปต้มโจ๊กให้ท่านด้วยตนเอง”

แม่นมสี่บอกว่า “ไม่ต้อง พวกเจ้าตามไปรับใช้ ข้าจะไปต้มโจ๊กเอง”

“ข้าจะต้มชาโสม”ฉี่หลอพูด

ทุกคนต่างก็ไปทำงานของตัวเอง ทังหยางเช็ดที่หางตา เฮ้อ วัยกลางคนช่วงนี้บ่อน้ำตาตื้นจริงๆ

กลับไปถึงตำหนักเซี่ยวเยว่ เหล่าของว่างได้พาหมาป่าหิมะและตอเป่ากรูกันเข้ามาถึง เรียกได้ว่าเสียงอึกทึกครึกโครมมาก ชั่วพริบตาก็ยึดครองห้องจนเต็มไปหมด แต่ละคนปีนขึ้นไปบนเตียงของหยวนชิงหลิง เข้าไปเคล้าคลอโอบกอด แม้แต่ตอเป่าก็ไม่ยอมน้อยหน้า กระโจนขึ้นไปบนเตียงยื่นหัวของมันไปที่ใบหน้าของหยวนชิงหลิงอ้อนให้หยวนชิงหลิงลูบหัวของมันอย่างเอาเป็นเอาตาย

เดิมที่หยวนชิงหลิงยังคงรู้สึกเวียนหัวอยู่บ้าง พอถูกรบเร้าเช่นนี้ กลับรู้สึกดีขึ้นมาบ้างแล้ว มองดูคนและสัตว์ที่อยู่กันเต็มห้อง น้ำตาก็เอ่อล้นขึ้นมา

นางกลับมาแล้ว

ผ่านไปชั่วครู่ คุณย่าหยวนภายใต้การประคองของแม่นมฉีก็มาถึงแล้ว นางได้ยินว่าหยวนชิงหลิงฟื้นขึ้นมาแล้ว ด้วยความดีใจชั่ววูบทำให้เดินออกมาแล้วขาแพลง เดินกะเผลกเข้ามาเช่นนี้ก็ทำเอาหยวนชิงหลิงตกใจ รีบผลักลูกๆออกไปและลุกขึ้น “คุณย่า ท่านเป็นอะไรไป”

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร อารมณ์ดีใจชั่ววูบทำให้ขาแพลง”คุณย่าหยวนนั่งลงข้างเตียง มองหยวนชิงหลิงชั่วขณะนั้นน้ำตาก็ไหลออกมา “ดีใจ ดีใจมาก”

หยวนชิงหลิงก็อดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาออกมา หลายวันมานี้ นางรับรู้ได้เป็นบางครั้ง เพียงแต่ไร้หนทางที่จะลืมตาขึ้นมา ไม่สามารถสื่อสารกับโลกภายนอกได้

“ใช่แล้ว หมันเอ๋อ เจ้ารีบไปบอกกับพระชายาซุนและฮูหยินเหยาสักหน่อย ยังมี พระชายาฉีกับพระชายาหวยก็ไปสักเที่ยว”

แม่นมฉีพูด

“เจ้าค่ะ”หมันเอ๋อพูดแล้วก็วิ่งออกจากประตูไป

ก็เป็นเช่นนี้เอง ตำหนักเซี่ยวเยว่ไม่เคยว่างเว้นเลย โดยเฉพาะหลังจากที่พระชายาซุนมาแล้ว กอดหยวนชิงหลิงเอาไว้แล้วก็ร้องไห้โฮออกมา บอกว่าตัวเองเกือบจะทำให้หยวนชิงหลิงตายแล้ว ร้องไห้จนเรียกได้ว่าร้องไห้จนสบายใจ ร้องจนนำเอาความรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนและความเสียใจในช่วงเวลาที่ผ่านมาออกมาจนหมด

ไม่ง่ายเลยกว่าทุกคนจะเกลี้ยกล่อมนางเอาไว้ได้ นางเช็ดน้ำตาของตัวเอง “น้องเห้าเล่า น้องห้าคงดีใจแย่แล้วกระมัง”

“เขายังไม่รู้”อะซี่พูดยิ้มๆ

ทุกคนต่างอุทานหนึ่งเสียง ต่างก็หัวเราะขึ้นมา ฮูหยินเหยาก็หัวเราะจนหางตาเกิดรอยย่นขึ้นมา “ช่วงเวลาที่ดีใจที่สุด เขากลับไม่อยู่ด้วย”

“ประเดี๋ยวน้องเก้าจะเข้าวัง น่าจะบอกให้เขารู้”หยวนชิงหลิงพูดยิ้มๆ

“เช่นนั้นคาดว่าเขาคงจะรีบบึ่งออกมาทันที”หรงเยว่พูดยิ้มๆ

นางค่อยๆผ่อนลมหายใจหนึ่งเฮือก จ้องมองทุกคนที่รายล้อมนางอยู่ราวกับอยู่ในฝัน รู้สึกมีความสุขและโชคดี

“ข้าก็ได้เจอแล้ว”ข้าวเหนียวก็ไม่ยอมน้อยหน้า

ทังหยวนแบะปาก “ข้าไม่เคยเจอเลยสักครั้ง พี่ใหญ่ยึดเอาร่างนั้นไป ไม่ให้ข้าควบคุม”

หยวนชิงหลิงอุ้มเขาขึ้นมา “ทังหยวนที่น่าสงสาร ”

“ท่านแม่ บอกให้พี่ใหญ่ยอมข้าสักครั้ง ”ทังหยวนมองนางด้วยสายตาน่าสงสาร “ข้าอยากจะไปสักครั้ง ไปพบพวกคุณตา แค่ครั้งเดียวก็พอ ข้าไม่โลภมาก”

หยวนชิงหลิงมองซาลาเปา “เช่นนั้นเจ้าก็ยอมน้องชายสักครั้ง”

ซาลาเปาบอกว่า ”แต่ว่ายายังไม่สำเร็จนี่นา ข้ายังต้องไป รอให้เจ้าอาวาสบอกว่าค้นคว้าสำเร็จแล้ว ข้าค่อยยอมให้น้องไป”

“อืม ดี ”

นางยังคงไม่ค่อยเข้าใจ เวลาที่ต่างกันยังสามารถควบคุมได้ด้วยหรือ ความสามารถนี้เป็นอย่างไรกันแน่ ทำไมจึงได้ร้ายกาจขนาดนี้

อีกอย่าง สมองของเด็กๆต่างก็พัฒนาไปถึงขั้นไหนกันแล้ว ยังคงพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆหรือไม่หรือว่าได้หยุดนิ่งลงแล้ว ถ้าหากยังคงพัฒนาต่อไป ยังสามารถทำอะไรได้อีก

“ไม่ถูกต้อง”นางหันขวับไปมองซาลาเปา “เมื่อครู่เจ้าพูดอะไร ยายังค้นคว้าไม่สำเร็จ”

“ใช่แล้ว ยังอยู่ในช่วงการทดลองขั้นที่สอง”ซาลาเปาส่ายหัวไปมาเลียนแบบการพูดจาของเจ้าอาวาส “ยังมีเวลาอีกประมาณสิบวัน แม่ก็สามารถฟื้นขึ้นมาได้แล้ว”

หยวนชิงหลิงรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาทันที “เช่นนั้นข้า ……ตอนนี้ข้ากำลังฝันอยู่หรือ”

เด็กทั้งสามคนเพิ่งจะได้สติกลับมา “ใช่แล้ว ทำไมแม่ตื่นแล้วล่ะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน